รีวิว Asus ZenFone Max Pro (M2) สมาร์ทโฟนเกมมิ่งแบต 5000 mAh พร้อมจอ Gorilla Glass 6 FHD+ สุดแกร่ง 6.3 นิ้ว และกล้องคู่ AI ในราคาเริ่มเพียง 6,990 บาท! :: Thaimobilecenter.com

22 ธันวาคม 2018 - สวัสดีชาว Thaimobilecenter ทุกท่านครับ ใกล้สิ้นปีแบบนี้เชื่อว่าหลายๆ คนคงวางแผนเตรียมตัวเที่ยวและพักผ่อนในวันหยุดยาวรับปีใหม่กันแล้ว แต่วงการสมาร์ทโฟนไม่ได้หยุดพักไปด้วยแต่อย่างใดครับ ยังคงมีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ เปิดตัวออกมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นและระดับกลาง ซึ่งรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ นั้นก็คือ Asus ZenFone Max M2 และ Max Pro (M2) ภาคต่อของซีรีส์ Max ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ความอึดของแบตเตอรี่ แต่ที่น่าสนใจคือทั้งสองรุ่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงสมาร์ทโฟนแบตอึดธรรมดาแต่ข้ามขั้นไปเป็น "เกมมิ่งสมาร์ทโฟน" กันเลยทีเดียว ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า สมาร์ทโฟนราคาประหยัดเน้นแบตอึดตระกูลนี้จะข้ามสายกลายไปเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับเล่นเกมได้อย่างไร ในโอกาสนี้ทางทีมงานจึงขอนำ ZenFone Max Pro (M2) มาทดสอบและรีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันครับ

Asus ZenFone Max Pro (M2) เป็นสมาร์ทโฟนที่ดูผิวเผินอาจจะเหมือนกับสมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นใหม่ทั่วๆ ไป แต่ก็มาพร้อมกับจุดเด่นหลายๆ อย่างในตัว เริ่มตั้งแต่หน้าจอแสดงผลแบบ All Screen Display ขนาดใหญ่ 6.3 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2280 x 1080 พิกเซล) ซึ่งประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 660 ที่มี AI Engine ในตัว และหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 512 พร้อมด้วยหน่วยความจำ RAM สูงสุด6GB (รุ่นที่นำมารีวิว) (มีรุ่น RAM 4GB ให้เลือกในราคา 6,990 บาท) ประสิทธิภาพการประมวลผลโดยรวมและการเล่นเกมจึงจัดอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งหน่วยความจำเสริมภายนอกได้สูงสุด 2TB ในขณะที่สมาร์ทโฟนทั่วไปจะรองรับแค่ 256GB หรือ 512GB เท่านั้น เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับหน่วยความจำภายในที่มีขนาด 64GB

ด้านการถ่ายภาพ ZenFone Max Pro (M2) มีกล้องหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12+5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง f/1.8+f/2.4 , รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K (30fps), ระบบกันสั่น EIS และยังมีระบบ AI Scene Detection สำหรับวิเคราะห์ฉาก และปรับแต่งภาพโดยอัตโนมัติ ที่สามารถแยกแยะวัตถุได้ถึง 13 หมวดหมู่ ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.0, มุมมอง 77.2 องศา และมี ไฟแฟลช LED แบบ Soft Light เพื่อช่วยให้แสงบนใบหน้าดูเนียนยิ่งขึ้นเมื่อถ่ายเซลฟี่

สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ ZenFone Max Pro (M2) มากับแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,000 mAh รวมถึงรองรับระบบสแกนใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือ โดยทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ที่มีอินเทอร์เฟซแบบดั้งเดิม (Stock Android) ไม่มีการครอบทับด้วย Custom UI ใดๆ

จากที่กล่าวมา ZenFone Max Pro (M2) ก็มีสเปกที่น่าสนใจ และพอจะเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับเล่นเกมได้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 6,990 บาท (รุ่น RAM 4GB + ROM 64GB) แต่ในการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร จะตอบโจทย์เกมเมอร์ได้จริงหรือไม่ เราไปดูกันใน รีวิว ZenFone Max Pro (M2) โดยทีมงาน Thaimobilecenter กันได้เลยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Asus ZenFone Max Pro (M2) มีดีไซน์ภายนอกแบบหน้าจอ ไร้ขอบพร้อมรอยบาก ด้านบน ซึ่งเป็นดีไซน์ที่กำลังนิยมกันอยู่ในปัจจุบัน โดยมีจอแสดงผลแบบ All Screen IPS LCD ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2280x1080 พิกเซล) ในอัตราส่วน 19:9 โดยมีความแม่นยำของช่วงสีถึง 94% NTSC ด้านหน้ามีการครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Corning Gorilla Glass 6 ซึ่งแข็งแกร่งกว่า Gorilla Class 5 ถึง 2 เท่า และเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่สองของวงการที่ใช้กระจกนิรัยรุ่นนี้ (รุ่นแรกคือ ROG Phone) ส่วนตัวเครื่องมีขนาดพอดีมือ 157.9 x 75.5 x 8.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 175 กรัม

ด้านบนหน้าจอมีแถบเซ็นเซอร์ที่เป็นที่อยู่ของกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, ไฟแฟลช LED แบบ Soft Light และเซ็นเซอร์สำคัญต่างๆ ส่วนลำโพงสนทนาจะอยู่เหนือขึ้นไป ติดกับเฟรมด้านบน

ด้านล่างหน้าจอมีขอบหนาเล็กน้อย ปุ่มควบคุมหลักทั้ง 3 ปุ่ม ได้แก่ปุ่ม Home, ปุ่ม Back และ กลุ่ม Recent Apps เป็นแบบ on-screen ทั้งหมด

ตัวเครื่องด้านหลัง ใช้เทคนิคการขัดพื้นผิวให้เป็นลวดลายคล้ายคลื่น ( Wave Finish) แบบ 16 ชั้น และครอบทับด้วยฝาหลังมันเงาแบบ 3 มิติ (3D Curved Glossy) ซึ่งสะท้อนแสงได้สวยงามมาก บริเวณมุมซ้ายบนติดตั้งกล้องคู่แนวตั้งความละเอียด 12+5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ที่บริเวณกึ่งกลาง

ตัวเครื่องด้านขวามีปุ่ม Power (ปุ่มสั้น) และปุ่มปรับระดับเสียง (ปุ่มยาว) ส่วนด้านซ้ายมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด ซึ่งเป็นถาดแบบ Triple-Slot

ตัวเครื่องด้านบนไม่มีโมดูลใดๆ ส่วนด้านล่างประกอบไปด้วยช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ microUSB และช่องลำโพงเสียงภายนอก

ถาดใส่ซิมของ ZenFone Max Pro (M2) เป็นแบบ Triple-Slot ซึ่งสามารถติดตั้งซิมการ์ดแบบ nanoSIM ได้ 2 ซิม พร้อมกับติดตั้งหน่วยความเสริมแบบ microSD Card ได้ สูงสุดถึง 2TB เลยทีเดียว

เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบฟังก์ชันการใช้งาน และแอปพลิเคชันต่างๆ

ZenFone Max Pro (M2) เลือกใช้ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo แบบดั้งเดิม (Stock Android) ไม่ได้ครอบทับด้วยอินเทอร์เฟซ ZenUI เหมือนรุ่นก่อนๆ หน้าตาการใช้งานจึงดูโล่งๆ และไม่มีลูกเล่นอะไรมากมายนัก แต่มีข้อดีคือใช้ทรัพยากรเครื่องน้อย ไม่หนักเครื่อง

ZenFone Max Pro (M2) ได้รับการติดตั้งแอปพลิเคชันของ Google มาให้แบบครบชุดตามมาตรฐานสมาร์ทโฟน Android รุ่นใหม่ ส่วนเครื่องมือจิปาถะของ Asus นั้นมีมาให้เพียงแค่ 3 อย่างเท่านั้น ได้แก่ เครื่องบันทึกเสียง, วิทยุ FM และเครื่องคิดเลข ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้กันบ่อยๆ อยู่แล้ว

เมื่อปัดหน้าจอขึ้นจะเป็นการเปิด App Drawer ซึ่งจะแสดงแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ในเครื่อง หากไม่นับเกม กับแอปที่ทีมงานได้ติดตั้งลงไปเพิ่มแล้ว ภายในเครื่องก็จะมีเพียงแค่แอปของ Google และแอปพื้นฐานอีก 2-3 อย่างเท่านั้น นับว่าโล่งมากๆ ไม่มีแม้กระทั่งแอปจัดการโทรศัพท์ที่เอาไว้เคลียร์หน่วยความจำหรือลบไฟล์ขยะ แต่จริงๆ แล้วแอปประเภทนี้ก็ไม่ได้จำเป็นเท่าไหร่นัก หรือหากต้องการใช้จริงๆ ก็ยังเข้าไปดาวน์โหลดใน Play Store ได้ครับ

เมื่อปัดนิ้วลงมา 1 ครั้งบนหน้าจอหลัก จะเป็นการ เปิดแถบทางลัดการตั้งค่าแบบย่อ และดูการแจ้งเตือน เมื่อปัดนิ้วลงมาอีกครั้ง จะเป็นการ ขยายแถบเมนูทางลัด และเปิดแถบปรับระดับความสว่างของหน้าจอขึ้นมา หากกดที่ไอคอนรูปฟันเฟืองด้านล่างจะสามารถเพิ่ม หรือลบทางลัดการตั้งค่าในเมนูนี้ได้

เมื่อกดค้างบนพื้นที่ว่างบนหน้าจอสักครู่ จะเข้าสู่ โหมดการปรับแต่งหน้าจอ ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ได้โดยเลือกรูปภาพจากใน Google Photos หรือวอลเปเปอร์ดั้งเดิมที่ติดมากับเครื่องอยู่แล้ว

นอกจากนี้เรายังเพิ่ม หรือลบวิดเจ็ตต่างๆ บนหน้าจอได้ ซึ่งแต่ละวิดเจ็ตก็จะมีหน้าที่และขนาดแตกต่างกันไป ส่วนการตั้งค่าหน้าแรกนั้นมีตัวเลือกเพียง 2 อย่าง ได้แก่การปรับแต่งการแจ้งเตือน และเลือกว่าจะให้แอปพลิเคชันที่ติดตั้งใหม่แสดงไอคอนบนหน้าจอหรือไม่

ในส่วนของอินเทอร์เฟซการโทรที่เป็นฟังก์ชันสำคัญนั้น มาในรูปแบบเรียบง่ายตามสไตล์ของ Android แบบดั้งเดิม เข้าใจง่ายและใช้งานง่ายเช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนทั่วไป

ผู้ใช้สามารถเข้าดูไฟล์ต่างๆ ในเครื่องได้ผ่านแอปพลิเคชัน ไฟล์ ซึ่งจะแสดงให้เห็นแยกเป็นโฟลเดอร์ เหมือนกับตอนที่ดูในคอมพิวเตอร์ PC สามารถเข้าถึง และเปิดไฟล์ เช่นเล่นเพลง เล่นวิดีโอ จากตรงนี้ได้เลย

สำหรับฟังก์ชันความปลอดภัย ZenFone Max Pro (M2) รองรับ ระบบยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ ซึ่งผู้ใช้สามารถลงทะเบียนรายนิ้วมือในหน้าการตั้งค่า เพื่อใช้สำหรับปลดล็อกหน้าจอ หรือยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังมี ระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า ควบคู่มากับการสแกนลายนิ้วมือ เป็นการสแกนหน้าแบบ 2 มิติด้วยกล้องดิจิทัลฆ วิธีนี้จะรวดเร็วและสะดวกกว่าการใช้ลายนิ้วมือ แต่อาจจะไม่ปลอดภัยเท่า ซึ่งก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่สแกนลายนิ้วมือไม่สะดวกครับ

สำหรับการใช้งานด้านความบันเทิงนั้น ZenFone Max Pro (M2) จะมี Google Chrome เป็นเบราเซอร์พื้นฐานในการท่องอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีการแสดงผล และความเร็วในการทำงานในระดับที่เชื่อถือได้

รูปภาพและไฟล์วิดีโอต่างๆ ที่เราถ่าย หรือดาวน์โหลดเข้ามาบนตัวเครื่อง จะสามารถเรียกดูได้บนแอปพลิเคชัน Google Photos ที่น่าสนใจคือมีการแบ่งอัลบั้มตามใบหน้าของคนในภาพ, สถานที่, สิ่งของ และสัตว์เลี้ยงด้วย

เมื่อเปิดไฟล์ภาพขึ้นมาแล้ว จะมี่ตัวเลือกในการแก้ไขปรับแต่งภาพ ได้แก่การใส่ฟิลเตอร์, ปรับความเข้มแสงและสี, ครอปตัดและปรับองศาภาพ และตัวเลือกอื่นๆ เช่น การลบ, การแช์ และสำรองข้อมูล เป็นต้น

สำหรับการฟังเพลง ZenFone Max Pro (M2) จะใช้ Google Music เป็นแอปพลิเคชันหลัก ซึ่งมีหน้าตาและฟังก์ชันการใช้งานที่เรียบง่าย ผู้ใช้สามารถสร้างเพลย์ลิสต์ และจัดคิวเพลงได้ด้วยการกดที่ไอคอน 3 ปุ่มหลังชื่อเพลง

ในส่วนของไฟล์วิดีโอ สามารถเปิดดูได้ด้วยแอปพลิเคชัน Google Photos ซึ่งมีอินเทอร์เฟซการใช้งานเรียบง่ายตามสไตล์ของ Google โดยที่ผู้ใช้สามารถแชร์, ดูรายละเอียดไฟล์, แก้ไขวิดีโอ และลบวิดีโอได้ผ่านไอคอนเมนูด้านล่าง

ในการแก้ไขวิดีโอบน Google Photos จะมีให้เลือก 2 อย่าง ได้แก่ ปรับไม่ให้สั่น และ หมุน โดยการปรับไม่ให้สั่นจะเป็น การใช้ AI ทำให้ภาพนิ่งขึ้น เหมือนระบบกันสั่น OIS และ EIS แต่ต่างกันที่ Google Photos จะทำให้ภาพนิ่งหลังจากที่ถ่ายมาแล้ว เหมาะสำหรับแก้ไขอาการสั่นของวิดีโอ 4K ที่มักจะเปิดใช้ระบบกันสั่นขณะบันทึกไม่ได้ ส่วนการหมุน จะเป็น การกลับภาพวิดีโอ ให้เป็นแนวตั้ง หรือแนวนอนตามองศาที่เราต้องการ

ZenFone Max Pro (M2) รองรับ การเปิด 2 แอปพลิเคชันพร้อมกัน โดยกดปุ่ม Recent Apps ค้างไว้ แอปพลิเคชันที่กำลังเปิดอยู่จะถูกย่อลงเหลือครึ่งจอบน จากนั้นให้เราเลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการจะเปิดคู่กันในครึ่งจอล่าง เพียงเท่านี้ก็สามารถเปิดใช้งาน 2 แอปพลิเคชันได้แล้วครับ

การเปิด 2 แอปพลิเคชันพร้อมกัน ยังสามารถแสดงผลในแนวนอนได้ด้วย

หลังจากทดสอบการทำงานทั่วไปแล้ว เราก็มาดูที่การเล่นเกมกันบ้างครับ ด้วยความที่ ZenFone Max Pro (M2) เปิดตัวออกมาในฐานะเกมมิ่งสมาร์ทโฟน พลังการประมวลผลจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เลือกใช้ชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 660 ซึ่งเป็นรุ่นรองท็อปของซีรีส์ 600 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 512 GPU เมื่อทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM 6GB แล้ว ประสิทธิภาพการประมวลผลโดยรวมถือว่าค่อนข้างสูง จากการทดสอบของทีมงานพบว่า สามารถเล่นเกมที่มีกราฟิกค่อนข้างสูงอย่าง PUBG Mobile และ Infinity Ops ได้อย่างราบรื่น โดยปรับระดับกราฟิกไว้ที่ระดับกลางๆ ระหว่างเล่นไม่มีอาการกระตุก ค้าง หรือเฟรมเรตตกแต่อย่างใด ส่วนเกมที่ต้องการสเปกไม่สูงอย่าง RoV สามารถเล่นได้แบบลื่นๆ โดยเปิดโหมด HD และเปิดโหมดเฟรมเรตสูงได้ เรื่องการเล่นเกมจึงถือว่าสอบผ่านแบบสบายๆ แต่ที่น่าเสียดายคือ ไม่มีฟีเจอร์ปิดการแจ้งเตือนขณะเล่น หรือฟีเจอร์ประเภท Game Mode ซึ่งก็หวังว่าทาง Asus จะอัปเดตเข้ามาในภายหลังครับ

สำหรับผลการทดสอบ Benchmark ของ motorola one ด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu BenchMark สามารถทำคะแนนไปได้ 131225 คะแนน และจากการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน GeekBench 4 สามารถทำคะแนนในส่วนของ Single-Core ได้ 1463 คะแนน และ Multi-Core ได้ 5459 คะแนน

(รุ่นที่นำมาทดสอบคือรุ่น RAM 6GB + ROM 64GB )

การใช้งานกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

กล้องดิจิทัลด้านหลังของ ZenFone Max Pro (M2) เป็นกล้องคู่ความละเอียด 12+5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8+f/2.4 โดยกล้องรองทำหน้าที่เป็น เซ็นเซอร์วัดระยะชัดตื้น สำหรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ, มีระบบ AI Scene Detection ช่วยวิเคราห์และแต่งภาพที่ทำงานอยู่ในพื้นหลัง, มีระบบกันสั่น EIS , มีระบบโฟกัสภาพ PDAF , รองรับ โหมดโปร ซึ่งสามารถปรับการตั้งค่าได้ตั้งแต่การโฟกัส,ความเร็วชัตเตอร์, ความไวแสง (ISO), การชดเชยแสง (EV) และสมดุลแสงขาว (White Balance)

ใน โหมด Beauty จะสามารถปรับได้ 3 ระดับ ได้แก่ต่ำ ปานกลาง สูง และกำหนดเอง หากเลือกกำหนดเองจะปรับระดับความเนียน และความขาวของผิวได้ตามต้องการ

ในส่วนของการตั้งค่ากล้องหลัง จะเป็นการตั้งค่าทั่วๆ ไป และปรับสัดส่วนของภาพได้ 4 แบบ ได้แก่ 4:3 (มาตรฐาน), 16:9, 18:9 และ 1:1 โดยมีความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล สำหรับวิดีโอสามารถปรับความละเอียดได้ 5 ระดับ ได้แก่ VGA (640x480), SD 480p, HD720p, Full HD 1080p และ 4K UHD (30 fps)

สำหรับกล้องหน้าของ ZenFone Max Pro (M2) เป็นกล้องเดี่ยวความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมด้วยไฟแฟลช Soft Light ที่ให้แสงแฟลชแบบนุ่มนวลเมื่อถ่ายเซลฟี่ในที่มืด มีโหมดการถ่ายภาพเหมือนกับกล้องหลัง แต่ สามารถเปิดเอฟเฟกต์ Beauty และหน้าชัดหลังเบลอพร้อมกันได้

อย่างไรก็ตาม กล้องหน้าจะมีตัวเลือกในการตั้งค่าน้อยกว่ากล้องหลังพอสมควร โดยจะไม่สามารถเลือกขนาดและอัตราส่วนของภาพได้ และบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดได้ที่ FHD 1080p เท่านั้น

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังคู่ ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล

ตัวอย่างภาพถ่ายแบบมาโคร โหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดหน้าชัดหลังเบลอ เวลากลางวัน

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดหน้าชัดหลังเบลอ เวลากลางวัน

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน ไม่มีเอฟเฟกต์ Beauty และไม่มีเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน ไม่มีเอฟเฟกต์ Beauty และไม่มีเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน เปิดเอฟเฟกต์ Beauty ระดับต่ำ ไม่มีเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน เปิดเอฟเฟกต์ Beauty ระดับปานกลาง ไม่มีเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน เปิดเอฟเฟกต์ Beauty ระดับสูง ไม่มีเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน ไม่มีเอฟเฟกต์ Beauty เปิดเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน ไม่มีเอฟเฟกต์ Beauty เปิดเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน ไม่มีเอฟเฟกต์ Beauty ไม่มีเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน เปิดเอฟเฟกต์ Beauty ระดับต่ำ เปิดเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน เปิดเอฟเฟกต์ Beauty ระดับปานกลาง เปิดเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดอัตโนมัติ เวลากลางวัน เปิดเอฟเฟกต์ Beauty ระดับสูง เปิดเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง

สรุปผลการทดสอบของ Asus ZenFone Max Pro (M2)

Asus ZenFone Max Pro (M2) เป็นสมาร์ทโฟนที่มีเป้าหมายในการเป็นตัวเลือกของเหล่าเกมเมอร์ที่มีงบประมาณจำกัด โดยเน้นจุดเด่นที่หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 6.3 นิ้ว , แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh และระบบปฏิบัติการแบบ Stock Android ที่ทำงานได้คล่องตัวกว่า ซึ่งก็สามารถทำได้ดี และตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ได้ในระดับหนึ่ง ด้วยพลังการประมวลผลของชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 660 ซึ่งเป็นรุ่นรองท็อปของซีรีส์600, ชิปประมวลผลกราฟิก Adreno 512 และ RAM สูงสุด 6GB ทำให้สามารถรองรับเกมส่วนใหญ่บน Play Store ได้อย่างราบรื่น และเล่นได้ต่อเนื่องยาวนานด้วยแบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh แต่ก็อาจยังไม่สมบูรณ์ถึงขนาดที่จะเรียกว่าเป็นเกมมิ่งสมาร์ทโฟนเต็มตัวได้ เพราะ ยังขาดฟีเจอร์สำคัญบางอย่างไป เช่น การบล็อกแจ้งเตือนหรือสายโทรเข้าขณะเล่นเกม, การปรับแต่งค่าการแสดงผล, การเร่งความเร็วประเภท Game Boost และเครื่องมือการบันทึกวิดีโอ เป็นต้น อย่างไรก็ดี ฟีเจอร์เหล่านี้สามารถดาวน์โหลดได้จากPlayStore จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

แม้ว่าทาง Asus จะพยายามพรีเซนต์ให้ ZenFone Max Pro (M2) เป็นสมาร์ทโฟนสำหรับเล่นเกม แต่ความสามารถด้านอื่นๆ เช่นการถ่ายภาพ ก็ถือว่าทำได้ดีเช่นกัน โดยกล้องคู่ด้านหลังความละเอียด 12+5 ล้านพิกเซล นั้นรองรับทั้งโหมด Beauty, โหมดภาพถ่ายบุคคล และโหมดโปร อีกทั้งยังให้สีสันที่ค่อนข้างแม่นยำ โดยมาพร้อมกับระบบ AI Scene Detection สำหรับวิเคราะห์ภาพถ่ายและตกแต่งภาพโดยอัตโนมัติที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง, ระบบโฟกัสภาพ PDAF และระบบกันสั่นแบบ EIS อีกทั้งยัง บันทึกวิดีโอความละเอียด 4K ได้ด้วย นอกจากนี้่ยังถ่ายภาพภายใต้สภาวะแสงน้อยได้ดีเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนที่มีราคาใกล้เคียงกัน ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล นั้น มีจุดเด่นอยู่ที่โหมด Beauty ที่เลือกกำหนดค่าความเนียน และความขาวของใบหน้าได้เอง หรือจะเลือกอัตโนมัติเป็นระดับต่ำ กลาง สูงก็ได้ โดยสามารถเปิดใช้งานพร้อมกับเอฟเฟกต์โบเก้เพื่อถ่ายเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอได้ แต่จากการทดสอบโดยทีมงาน พบว่า เฟิร์มแวร์ของตัวกล้องยังไม่ค่อยเสถียร โดยมีการตัดขอบเบลอฉากหลังผิดพลาดให้เห็นบ้างและมีอาการค้างเป็นบางครั้งเมื่อถ่ายภาพด้วยเอฟเฟกต์หน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งเชื่อว่าทาง Asus จะปล่อยอัปเดตออกมาแก้ไขต่อไปในเดือนมกราคม 2019 และอาจอัปเดตมาพร้อม Android 9.0 Pie

โดยรวมแล้ว ZenFone Max Pro (M2) เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์การเล่นเกมได้ดีสำหรับผู้ที่มีงบประมาณไม่เกิน 10,000 บาท โดยเน้นที่จอใหญ่ แบตอึด และพลังการประมวลผลที่น่าพอใจ พร้อมกันนี้ยังรองรับการใช้งานทั่วๆ ไปได้อย่างเต็มที่ และลื่นไหลกว่าด้วยระบบ Android 8.1 Oreo แบบดั้งเดิม อีกทั้งยังถ่ายภาพได้ดีทั้งในสภาวะแสงน้อย และแสงปกติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนเล่นเกมแบตอึด ราคาประหยัด และผู้ใช้ทั่วไปที่ชื่นชอบความโล่ง และเบาของ Stock Android ครับ

รายละเอียดการวางจำหน่าย

Asus ZenFone Max Pro (M2) จะวางจำหน่าย 2 สีด้วยกัน ได้แก่ Cosmic Titanium และ Midnight Blue โดยแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย ได้แก่

รุ่น RAM 4GB + ROM 64GB จะวางจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ Shopee เท่านั้น ในราคา 6,990 บาท (ผู้ที่สั่งจองระหว่างวันที่ 18-31 ธันวาคม สามารถใช้ Code ‘Asusm2’ เพื่อรับส่วนลด 500 บาทได้)

รุ่น RAM 6GB + ROM 64GB จะวางจำหน่ายผ่านร้านค้าตัวแทนทั่วประเทศ ในราคา 8,990 บาท ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 62 เป็นต้นไป

Asus ZenFone Max (M2) จะวางจำหน่าย 3 สีด้วยกัน ได้แก่ Midnight Black, Space Blue และ Meteor Silver โดยแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย ได้แก่

รุ่น RAM 4GB + ROM 32GB จะวางจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ Shopee เท่านั้น ในราคา 5,490 บาท (ผู้ที่สั่งจองระหว่างวันที่ 18-31 ธันวาคม สามารถใช้ Code ‘Asusm2’ เพื่อรับส่วนลด 500 บาทได้)

รุ่น RAM 4GB + ROM 64GB จะวางจำหน่ายผ่านร้านค้าตัวแทนทั่วประเทศ ในราคา 5,990 บาท ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 62 เป็นต้นไป

จุดเด่นของ Asus ZenFone Max Pro (M2)

- ดีไซน์ตัวเครื่องสวยงาม ด้วย เทคนิคการทำพิ้นผิวแบบ Wave Finish ซ้อนกัน 16 ชั้น และครอบทับด้วย วัสดุโค้งมน และมันเงาแบบ 3 มิติ (3D Curved Glossy) - จอแสดงผลแบบ All-Screen Display IPS LCD ขนาดใหญ่ 6.3 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2280x1080 พิกเซล) อัตราส่วนแบบ 19:9 ซึ่งสามารถรับชมคอนเทนต์ความบันเทิงได้อย่างเต็มตา - หน้าจอใช้กระจก Corning Gorilla Glass 6 รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งแข็งแกร่งกว่า Gorilla Glass 5 รุ่นที่แล้วถึง 2 เท่า - มีระบบสแกนใบหน้า (AI Facial Unlock) และระบบสแกนลายนิ้วมือ - ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Snapdragon 660 ที่มากับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 512 ซึ่งสามารถเกมส่วนใหญ่บน Play Store ได้อย่างลื่นไหล - หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB (รุ่นราคา 6,990 บาท) หรือ 6GB (รุ่นราคา 8,990 บาท) - หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB พร้อมรองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกผ่าน microSD Card สูงสุดถึง 2TB - ฟรีพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลบนบริการ Google Drive ขนาด 100 GB เป็นระยะเวลา 1 ปี - ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo แบบดั้งเดิม (Stock Android) ไม่มีการครอบทับด้วย Custom UI จึงทำให้เครื่องทำงานเร็วขึ้น และมีความเสถียรกว่า - พร้อมอัปเกรดระบบปฏิบัติการเป็น Android 9.0 Pie ภายในเดือนมกราคม 2562 - ไม่มี Bloatware ติดมากับเครื่อง - กล้องคู่ด้านหลังความละเอียด 12+5 ล้านพิกเซล (เซ็นเซอร์ Sony IMX486 ) ขนาดรูรับแสงกว้าง f/1.8+f/2.4 โดยกล้องรองทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์ตรวจวัดระยะวัตถุกับฉากหลัง สำหรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมรองรับระบบ AI Scene Detection สำหรับวิเคราะห์และแต่งภาพด้วย AI, มีระบบกันสั่น EIS, มีระบบโฟกัสภาพ PDAF และ รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ 4 K UHD (30fps) - กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมไฟแฟลช Soft Light - แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh สูงกว่าสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในระดับเดียวกัน ให้การใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุดถึง 2 วัน และสามารถเปิดเครื่องสแตนด์บายในโหมด 4 G ได้สูงสุดถึง 35 วัน - รองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต microUSB - รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ nanoSIM บนถาดแบบ Triple-Slot - รองรับเทคโนโลยีเครือข่าย Wi-Fi 802.11 b/g/n (2.4 GHz), 4G LTE, 3G และ GPRS - รองรับการใช้งานระบบ Dual 4G LTE - ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับระบบดาวเทียม Glonass, Beidou, Galileo และ QZSS - รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 - ลำโพงในตัวแบบ 5 Magnet (แม่เหล็ก 5 ตัว) พร้อม NXP 9874 Smart Amplifier - วิทยุ FM Stereo ในตัว - มีเคสกันกระแทกแบบใสแถมมาให้ในกล่อง - ราคาเริ่มต้นเพียง 6,990 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Asus ZenFone Max Pro (M2)

- ไม่มีฟีเจอร์ปิดกั้นการแจ้งเตือนขณะเล่นเกม - ซอฟต์แวร์กล้องยังไม่ค่อยเสถียร บางครั้งจะค้างเมื่อถ่ายภาพด้วยโหมดหน้าชัดหลังเบลอ - ยังคงใช้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB ไม่ใช่ USB Type-C - บอดี้ หรือกรอบตัวเครื่องไม่ได้ผลิตจากโลหะ - รองรับการใช้งาน WiFi ที่คลื่นความถี่ 2.4 GHz เท่านั้น

สรุปคุณสมบัติเครื่อง

ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ Asus ZenFone Max Pro (M2) ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้

สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ Asus ZenFone Max Pro (M2) 4GB+64GB สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ Asus ZenFone Max Pro (M2) 6GB+64GB

โปรดทราบ

Leave a Comment