รีวิว realme GT 5G เรือธงแรงสุดของค่าย ได้ชิป Snapdragon 888 พร้อมพลังชาร์จ 65W และกล้องโปร ในราคาไม่ถึง 2 หมื่น :: Thaimobilecenter.com realme GT 5G

เรือธงแรงสุดของค่าย ได้ชิป Snapdragon 888 พร้อมพลังชาร์จ 65W กับกล้องโปร และสเปกระดับท็อป บนบอดี้สุดพรีเมียม ในราคาไม่ถึง 2 หมื่น

realme GT 5G ถือว่าเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ไฮเอนด์จัดเต็มแทบทุกคุณสมบัติด้านการใช้งาน ด้วยการมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ 120Hz Super AMOLED Fullscreen Display ที่มีค่า Touch Sampling Rate สูงถึง 360Hz พร้อมขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ตประมวลผลตัวท็อปแห่งปี 2021 อย่าง Snapdragon 888 ประกบคู่กับหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 8GB พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 128GB และให้พลังงานด้วยแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 65W SuperDart Charge

ด้านการถ่ายภาพก็จัดเต็มมากับกล้องหลัง Sony 64MP Triple Camera ที่มีลูกเล่นการใช้งานอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Super Nightscape สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความสว่างคมชัด หรือโหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ รวมถึงกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ได้อย่างสวยงามในทุกสภาพแสง

โดยตัวเครื่องจริงของ realme GT 5G จะสวยงามน่าสัมผัสขนาดไหน และจะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้าง สามารถติดตามรับชมรีวิวจากทีมงาน Thaimobilecenter กันได้เลยครับ

* realme GT 5G ที่ทางทีมงานได้รับมารีวิวในวันนี้เป็นเวอร์ชันสำหรับวางจำหน่ายในประเทศจีน ดังนั้นฟีเจอร์ และคุณสมบัติบางอย่างอาจแตกต่างจากเวอร์ชันสำหรับวางจำหน่ายในประเทศไทย

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

realme GT 5G มาพร้อมกับกล่องผลิตภัณฑ์สีดำ ซึ่งที่ด้านหน้าของกล่องมีการพิมพ์ชื่อรุ่นด้วยสีเทาให้เห็นแบบเด่นชัด

สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วยเคสใส, คู่มือการใช้งาน, สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, อแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ และเข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด

สำหรับอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ของ realme GT 5G รองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 65W SuperDart Charge ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 4500 mAh ของ realme GT 5G จาก 0-100% ได้ในเวลาเพียง 35 นาทีเท่านั้น พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัย 5 ชั้น (5 Levels Intelligent Chip Protection) ตั้งแต่อแดปเตอร์ ไปจนถึงตัวเครื่อง

มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้างสำหรับ realme GT 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ 120Hz Super AMOLED Fullscreen ขนาด 6.43 นิ้ว ที่มีพื้นที่ในการแสดงผลเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง 91.7% พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz ที่ช่วยให้แสดงผลได้อย่างลื่นไหล และค่า Touch Sampling Rate ระดับ 360Hz ที่ช่วยตอบสนองต่อการสัมผัสได้อย่างฉับไว ตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้หน้าจอของ realme GT 5G ยังรองรับการแสดงสีสันตามขอบเขตสีแบบ DCI-P3 ครอบคลุม 100% และแบบ NTSC ครอบคลุม 98% อีกทั้งยังมี Dual Ambient Light Sensors สำหรับปรับแสงสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมแบบอัตโนมัติ

ที่ด้านบนของหน้าจอมาพร้อมกับกล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบ Wide Angle Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดของรูรับแสงกว้าง f/2.5 ถัดมาเป็นลำโพงเสียงสำหรับสนทนาซึ่งทำหน้าที่เป็นลำโพงเสียงตัวที่สอง เพื่อช่วยขับเสียงกับลำโพงเสียงตัวหลักที่ด้านล่าง พร้อมระบบเสียงแบบ Dolby Atmos

ที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลมีการติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องประกอบไปด้วยถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Dual Nano SIM และปุ่มปรับระดับเสียง

ที่ด้านบนของตัวเครื่องมาพร้อมกับไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน โดยตัวเครื่องของ realme GT 5G มาพร้อมกับความบางเฉียบเพียง 8.4 มิลลิเมตรเท่านั้น สำหรับสี Dashing Blue ที่ใช้วัสดุแบบ 3D Glass Body) หรือ 9.1 มิลลิเมตร สำหรับสี Racing Yellow ที่ใช้วัสดุแบบ Dual-Tone Vegan Leather

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมาพร้อมกับปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยลำโพงเสียงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

พลิกมาดูที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะพบกับบอดี้หนังเทียมแบบ Dual-Tone Vegan Leather ซึ่งมีเฉพาะสี Racing Yellow โดยเป็นการประกอบหนังเทียมเข้ากับฝาหลังด้วยเทคโนโลยีพิเศษที่เรียกว่า Dual-Tone Leather Design เพื่อช่วยเพิ่มความเรียบหรู และให้ผิวสัมผัสที่ละเอียดอ่อน พร้อมทั้งยังช่วยป้องกันรอยนิ้วมือ ส่วนสีเหลือง Racing Yellow ก็สื่อถึงแสงสว่างของรุ่งอรุณนั่นเองครับ

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

realme GT 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด

สำหรับ realme UI 2.0 ถูกออกแบบมาให้เน้นใช้งานได้อย่างสะดวก โดยจัดเรียงแอปพลิเคชันทั้งหมดเอาไว้ในหน้าโฮมสกรีน ผู้ใช้สามารถจัดเรียงไอคอน หรือจัดกลุ่มแอปพลิเคชันได้โดยการแตะค้างที่พื้นที่ว่างในหน้าโฮมสกรีน

ลากนิ้วจากด้านบนลงมายังด้านล่างจะพบกับ Notification Drawer สำหรับดูการแจ้งเตือน และเข้าถึงคีย์ลัดสำหรับตั้งค่าสมาร์ทโฟนแบบเร่งด่วน สามารถปรับเรียงตำแหน่งไอคอนได้ด้วยการแตะที่ไอคอนรูปดินสอ

สำหรับ realme GT 5G รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G แบบ Dual-Mode พร้อมรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย Wi-Fi 6 ที่มีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 3.6Gbps รวมถึงเทคโนโลยี Dual Wi-Fi acceleration สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับ Wi-Fi จำนวน 2 เครือข่ายพร้อมกัน เพื่อเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อให้แรงยิ่งขึ้น

สามารถปรับเปลี่ยนธีม, ภาพวอลเปเปอร์, หน้า Always-On Display, รูปแบบไอคอน, รูปแบบการจัดเรียงไอคอนแอปพลิเคชัน, ไอคอนการสแกนลายนิ้วมือ, โทนสีของ UI, ฟอนต์ และขนาดฟอนต์, รูปทรงของไอคอน Notification Drawer, Edge lighting

รองรับ Dark Mode สำหรับปรับเปลี่ยนการแสดงผลโดยรวมให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และช่วยให้ใช้งานอย่างสบายตามากยิ่งขึ้น

สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงสีสันได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Vivid, Gentle และ Brilliant

รองรับการปรับเปลี่ยนค่า Refresh Rate ได้ทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ Standard สำหรับปรับการแสดงผลอยู่ในระดับ 60Hz เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ และ High สำหรับปรับการแสดงผลให้ลื่นไหลในระดับสูงสุด 120Hz

realme GT 5G มาพร้อมกับ O1 Ultra Vision Engine เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลของคอนเทนต์ประเภทวิดีโอ ได้แก่ Video Image Sharpener สำหรับปรับการแสดงผลของวิดีโอให้มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น และ Video Color Enhancer สำหรับเพิ่มการแสดงสีสันให้สดใส และมองเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนผ่านเทคโนโลยี SDR-to-HDR

รองรับการปรับเปลี่ยนขนาดฟอนต์ได้ทั้งหมด 5 ระดับ พร้ออมฟีเจอร์ Real Choice สำหรับปรับเปลี่ยนการแสดงผลของฟอนต์ให้เหมาะสมกับคอนเทนต์แบบอัตโนมัต

รองรับระบบเสียง Dolby Atmos สำหรับเล่นเสียงให้มีความกระหึ่มมากยิ่งขึ้น พร้อมรองรับโปรไฟล์การปรับแต่งเสียงทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ Environment Profile ซึ่งเป็นโปรไฟล์สำหรับปรับแต่งการเล่นเสียงให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม และ Scenario-specific profile สำหรับปรับแต่งการเล่นเสียงให้เหมาะสมกับคอนเทนต์

Convenience tools เครื่องมือสำหรับอำนวยความสะดวกด้านการควบคุม และสั่งการ ไม่ว่าจะเป็น Gestures & motions สำหรับสั่งการด้วยท่าทาง เช่น การแตะสองครั้งเพื่อปลุกหน้าจอแสดงผลขณะที่หน้าจอดับ, ใช้ 3 นิ้วลากลงเพื่อบันทึกภาพหน้าจอ หรือ Raise to wake สำหรับปลุกหน้าจออัตโนมัติเมื่อยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาในระดับพร้อมใช้งาน

Smart sidebar สำหรับเข้าถึงแอปพลิเคชัน และคีย์ลัดสำหรับตั้งค่าแบบเร่งด่วน เพียงลากแถบจากบริเวณขอบด้านขวาของหน้าจอแสดงผล

หรือ Split Screen สำหรับแบ่งการทำงานแอปพลิเคชันออกเป็น 2 หน้าจอ เพียงใช้ 3 นิ้วลากขึ้นจากบริเวณกลางหน้าจอแสดงผล

ในส่วนของระบบความเป็นส่วนตัว realme GT 5G มาพร้อมกับฟีเจอร์ App Lock สำหรับล็อกการทำงานของแอปพลิเคชันที่ต้องการ มีเพียงผู้ที่รู้รหัส หรือผู้ที่ลงทะเบียนข้อมูลแบบ Biometrics เท่านั้นที่สามารถเข้าใช้งานได้ และ Hide Apps สำหรับซ่อนแอปพลิเคชันที่ต้องการ

รวมถึง Private Safe สำหรับเก็บไฟล์ หรือข้อมูลสำคัญไว้ในตู้เซฟเสมือน

ด้านแบตเตอรี่ก็มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจเช่นเดียว กันนั่นก็คือ Power Saving Mode หรือโหมดประหยัดพลังงาน ที่จะลดความส่างของหน้าจอ, ปิดการใช้งานแอปพลิเคชันบางส่วน รวมถึงปรับเวลาล็อกหน้าจออัตโนมัติเหลือ 15 วินาที นอกจากนี้ ยังมีโหมด Super Power Saving ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของสมาร์ทโฟนให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น โดยจำกัดการทำงานของ CPU, หน้าจอแสดงผล และการใช้งานของแอปพลิเคชันต่าง ๆ

มาดูที่ประสิทธิภาพการทำงานกันบ้าง สำหรับ realme GT 5G ที่เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย จะขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 ประกบคู่กับหน่วยความแรม (RAM) แบบ LPDDR5 ขนาด 8GB และหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 ความจุ 128GB โดยรันบนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย realme UI 2.0 ตั้งแต่แกะกล่อง

ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลโดยรวมด้วยแอปพลิเค ชัน AnTuTu พบว่า ทำคะแนนได้ทั้งหมด 822,475 คะแนน

ทดสอบการประมวลผลของ CPU ด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 5 พบว่า การประมวลผลแบบ Single-Core ได้ทั้งหมด 1,121 คะแนน และทำคะแนนการประมวลผลแบบ Multi-Core ได้ทั้งหมด 3,452 คะแนน

ทดสอบการจับสัญญาณ GPS ในที่โล่งแจ้ง พบว่า มีความคลาดเคลื่อน +- ไม่เกิน 6 เมตร

ด้ว้ยประสิทธิภาพที่จัดวางมาให้ในระดับไฮเอนด์ จึงทำให้ realme GT 5G สามารถเล่นเกมกราฟิกระดับสูงได้อย่างลื่นไหลโดยแทบไม่มีอาการหน่วงให้พบเจอ และด้วยการที่มีค่า Touch Sampling Rate สูงถึง 360Hz ช่วยให้การออกสกิล หรือการออกคำสั่งต่าง ๆ ภายในเกม สามารถตอบสนองได้อย่างฉับไว รวมทั้งยังมีระบบระบายความร้อนแบบ Stainless Steel Vapour Cooling ที่ช่วยลดอุณหภูมิภายในตัวเครื่องได้สูงถึง 15 องศา จึงทำให้ไม่มีอาการสะสมความร้อนขณะประมวลผลหนัก

การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

realme GT 5G มาพร้อมกับกล้องหลังจำนวน 3 ตัวแบบ Sony 64MP Triple Camera โดยกล้องตัวหลักมาพร้อมกับความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดถ่ายภาพแบบ 64MP สำหรับถ่ายภาพเต็มความละเอียดของเซ็นเซอร์ เพื่อเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วน เหมาะสำหรับนำไปปรินท์ภาพขนาดใหญ่ รวมถึงคร็อปภาพบางส่วนเพื่อนำไปใช้งานต่อได้อย่างคมชัด

มาพร้อมกับโหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับระดับการเบลอของฉากหลังได้ทั้งหมด 100 ระดับ

พร้อมรองรับฟีเจอร์ AI Beautification สำหรับปรับระดับการเบลอของใบหน้าตัวแบบได้ทั้งหมด 100 ระดับเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังสามารถปรับเอฟเฟกต์ของการละลายฉากหลังได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Dynamic Bokeh, Neon Portrait และ AI Color Portrait

Super Nightscape Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความคมชัดโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง ผ่านการใช้อัลกอริทึม Pure-Raw, AI auto-retouch และ AI Noise Cancellation รวมทั้งยังมีฟีเจอร์ Pro Nightscape Mode ที่ผู้ใช้สามารถตั้งค่า ISO, Speed Shutter, White Balance และการโฟกัสได้ด้วยตนเอง

ด้านการถ่ายวิดีโอ realme GT รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ที่ระดับ 60FPS

พร้อมรองรับการเปิดใช้งาน AI Highlight Video สำหรับถ่ายวิดีโอย้อนแสงให้มีความคมชัด รวมทั้งยังรองรับฟีเจอร์ Ultra Nightscape Video 2.0 สำหรับถ่ายวิดีโอกลางคืนให้มีความคมชัดผ่านการนำเอา AI เข้ามาวิเคราะห์สภาพแสงโดยรอบ เพื่อปรับแต่งวิดีโอให้มีความสว่างคมชัด

และรองรับฟีเจอร์ป้องกันวิดีโอสั่นไหวแบบ Ultra Steady

ด้านกล้องหน้าเซลฟี่ มาพร้อมกับความละเอียด 16 ล้านพิกเซลแบบ Wide-angle Selfie

มาพร้อมกับโหมดการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบ Portrait ที่ผู้ใช้สามารถปรับระดับการเบลอของฉากหลังได้ทั้งหมด 100 ระดับ

พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI Beautification ที่สามารถปรับส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าได้อย่างอิสระ

มาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพเซลฟี่กลางคืนแบบ Super Nightscape เพื่อช่วยให้ภาพถ่ายเซลฟี่ในยามค่ำคืนมีความสว่างคมชัดเหมือนกับกล้องหลัง

ด้านการถ่ายวิดีโอ รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด Full HD ที่ระดับ 60FPS และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลออีกด้วย

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (Sony 64MP Triple Camera) ความละเอียดระดับ 64+8+2 ล้านพิกเซล ของ realme GT 5G

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องมุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide Angle)

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Macro

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Super Nightscape

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมปรับเอฟเฟกต์โบเก้แบบ Neon Portrait

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมปรับเอฟเฟกต์โบเก้แบบ AI Color Portrait

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมปรับเอฟเฟกต์โบเก้แบบ Dynamic Bokeh

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ของ realme GT 5G

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait

สรุปผลการทดสอบของ realme GT 5G

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนเรือธงตัวแรงที่ถือว่าน่าจับตามองในช่วงส่งท้ายครึ่งแรกของปี 2021 เลยก็ว่าได้ เพราะ realme จัดเต็มมาให้ครบทุกคุณสมบัติการใช้งานสมฐานะสมาร์ทโฟนเรือธง ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ 120Hz Super AMOLED Fullscreen ที่แสดงผลได้อย่างลื่นไหล ผสานเทคโนโลยี Touch Sampling Rate 360Hz ที่ช่วยตอบสนองต่อการสัมผัสได้อย่างฉับไว พร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ( In-Display Fingerprint Scanner ) ภายในขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตประมวลผลตัวท็อปจาก Qualcomm อย่าง Snapdragon 888 ประกบคู่กับหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 พร้อมหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 ที่ช่วยให้การใช้งานแอปพลิเคชัน รวมถึงการเล่นเกมเป็นไปอย่างรวดเร็วลื่นไหลเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีระบบระบายความร้อนแบบ Stainless Steel Vapour Cooling ที่ช่วยลดอุณหภูมิของแกนซีพียูได้ถึง 15 องศา

ด้านการถ่ายภาพก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยการเลือกใช้ระบบกล้องหลังแบบ Sony 64MP Triple Camera ที่สามารถถ่ายภาพได้อย่างคมชัดสวยงามทั้งกลางวัน และกลางคืน พร้อมโหมดถ่ายภาพที่ช่วยให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Super Nightscape สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความสว่างคมชัดภายในพริบตา, โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ที่ผู้ใช้สามารถปรับเอฟเฟกต์การเบลอของฉากหลังได้หลายรูปแบบ, โหมด Dual-View Video ที่บันทึกภาพจากกล้องหน้า และกล้องหลังพร้อมกัน ไปจนถึงฟีเจอร์ป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Ultra Steady

นอกเหนือจากความโดดเด่นข้างต้นแล้ว realme GT 5G ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไล่ตั้งแต่ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 65W SuperDart Charge , รองรับเทคโนโลยีเครือข่าย Wi-Fi 6 , รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนเครือข่าย 5G , ระบบ Dual Wi-Fi Acceleration ที่ช่วยเพิ่มความเร็วการดาวน์โหลดให้เร็วแรงยิ่งขึ้น ไปจนถึงดีไซน์ตัวเครื่องที่มีความสวยงามพรีเมียมบางเฉียบ ดูโดดเด่นเมื่อจับถือ

ล่าสุดวันนี้ทาง realme ก็ได้ประกาศราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยออกมาแล้วที่ 19,990 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ไม่สูงจนเกินไปเมื่อเทียบกับความสามารถที่ใส่มาให้ระดับนี้ โดยมีให้เลือก 2 สีได้แก่ Racing Yellow และ Dashing Blue ส่วนการวางจำหน่ายจะเริ่มในวันที่ 26 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป พร้อมทั้งสามารถแบ่งจ่ายด้วย ดอกเบี้ย 0% ได้นานสูงสุดถึง 24 เดือน กับสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ

ท่านใดที่สนใจก็สามารถหาซื้อ หรือสั่งซื้อได้ที่ realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมทั้งช่องทางออนไลน์

ซึ่งล่าสุด (เวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 24 มิถุนายน 2564) ในทุกช่องทางออนไลน์ข้างต้น กำลังเปิดให้สั่งซื้อได้ในราคาพิเศษเพียง 15,990 บาท เท่านั้น หากท่านใดสนใจก็คงต้องรีบตัดสินใจกันสักนิด

และแน่นอนว่าหากซื้อกับผู้ให้บริการเครือข่ายก็จะได้ราคาพิเศษเช่นเดียวกัน เริ่มต้นเพียง 11,990 บาท ทั้งเครือข่าย AIS, TrueMove H และ dtac

นอกจากนี้ยังมีชุดจำหน่ายพิเศษแบบ ROM Exclusive Box Set เอาใจแฟน ๆ Ragnarok โดยเฉพาะในราคา 25,999 บาท ซึ่งสามารถสั่งจองล่วงหน้าที่ realme Brand Shop เท่านั้น และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 3 กรกฎาคม 2564

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง realme ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง realme GT 5G มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

จุดเด่นของ realme GT 5G

- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Dual-Tone Vegan Leather (สี Racing Yellow) กับ 3D Glass Body (สี Dashing Blue) - ระบบระบายความร้อนแบบ Stainless Steel Vapour Cooling ที่สามารถลดอุณหภูมิของแกนซีพียูได้ 15 องศา - หน้าจอแสดงผลแบบ 120Hz Super AMOLED Fullscreen ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล : 409 ppi) พร้อมค่า Touch Sampling Rate ระดับ 360Hz, พื้นที่แสดงผล 91.7%, อัตราส่วนแบบ 20:9, รองรับขอบเขตสีแบบ DCI-P3 ได้ 100% และแบบ NTSC ได้ 98%, เทคโนโลยี O1 Ultra Vision Engine, ระบบ Dual Ambient Light Sensors และฟังก์ชัน Dark Mode - เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanner) - ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 5G (SM8350) ความเร็ว 2.84 GHz บนสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 5nm - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 660 - หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5 ขนาด 8GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 128GB - แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 65W SuperDart Chargeที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ได้ในเวลา 35 นาที, ระบบป้องกันความปลอดภัยขณะชาร์จแบตเตอรี่แบบ 5 ชั้น (5 Levels IntelligentChip Protection)และฟีเจอร์ Super Power Saving Mode - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย realme UI 2.0 กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Sony 64MP Triple Camera) ความละเอียด 64+8+2 ล้านพิกเซล ประกอบด้วย

> กล้องตัวหลัก ( Primary ) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX682 ขนาด 1/1.73 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร, มุมรับภาพ 78.6 องศา, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์ > กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.3, ทางยาวโฟกัส 15.7 มิลลิเมตร, มุมรับภาพ 119 องศา และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์ > กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4, ระยะโฟกัส 4 เซนติเมตร, ทางยาวโฟกัส 21.88 มิลลิเมตร, มุมรับภาพ 88.8 องศา และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์

- รองรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอผ่านโหมด Portrait - รองรับการปรับเอฟเฟกต์ Bokeh ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Neon Portrait, Dynamic Bokeh และ AI Color - โหมดการถ่ายภาพแบบ Super NightScape สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความสว่างคมชัด โดยไม่ต้องตั้งค่าการถ่ายภาพ - โหมดการถ่ายภาพแบบ Ultra Macro สามารถโฟกัสวัตถุได้ใกล้สุดที่ระยะ 4 เซนติเมตร - รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (60 fps) - ระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวแบบ Ultra Steady - ฟีเจอร์ AI Highlight Video สำหรับถ่ายวิดีโอย้อนแสง - รองรับการถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ

กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบ Wide Angle Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.5, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร และมุมรับภาพ 78 องศา

พร้อมฟีเจอร์ Portrait Bokeh, Timelapse Video, Panoramic View, Beauty, HDR, Face Recognition, Filter, Mirror Image, Super Nightscape, Adjustable Bokeh, Portrait Distortion Correction และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30 fps)

- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนเครือข่าย 5G (SA/NSA), 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS - รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทาง Wi-Fi 2.4/5GHz พร้อมเทคโนโลยี Wi-Fi 6 และเทคโนโลยี Dual Wi-Fi Acceleration สำหรับเชื่อมต่อ Wi-Fi พร้อมกัน 2 แห่ง เพื่อเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดให้สูงขึ้น - รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.2 และ NFC - รองรับการระบุตำแหน่งด้วยระบบดาวเทียม GPS, A-GPS, Glonass, Beidou, Galileo และ QZSS พร้อมรองรับเทคโนโลยี Dual Frequency GPS - พอร์ตเชื่อมต่อแบ USB Type-C (USB 2.0) พร้อมรองรับการใช้งาน OTG (USB On-the-Go) - พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร - ลำโพงเสียงแบบคู่ พร้อมระบบเสียงแบบ Dolby Atmos และรองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูงแบบ Hi-Res (24-bit/192kHz) - กลไกระบบสั่นแบบ Linear Motor Tactile Engine - ราคา 19,990 บาท ถือว่าไม่สูงจนเกินไปเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

Leave a Comment