รีวิว realme XT สมาร์ทโฟน 4 กล้อง 64 ล้านพิกเซล รุ่นแรกในไทย พร้อมสเปกจัดเต็มถึงใจ ในราคาสุดคุ้ม :: Thaimobilecenter.com

สมาร์ทโฟน 4 กล้อง 64 ล้านพิกเซล รุ่นแรกในไทย พร้อมสเปกจัดเต็มถึงใจ ในราคาสุดคุ้ม ด้วยกล้อง AI Quad Camera 64MP ผสานกล้องหน้า AI 16MP, จอ Super AMOLED Dewdrop ไซส์ใหญ่ พร้อมสแกนนิ้วบนหน้าจอ, ชิปเซ็ต Snapdragon 712, RAM 8GB+ROM 128GB และแบตเตอรี่ VOOC Flash Charge 3.0 ความจุ 4000 mAh บนตัวเครื่องดีไซน์ Sparking Hyperbola สุดเงางาม ในราคาเพียง 10,999 บาท

1 ตุลาคม 2019 - หลังจากที่ทีมงานได้ทำการ พรีวิว (Preview) realme XT ก่อนเข้าไทยให้ทุกท่านได้ทราบข้อมูลกันแบบคร่าวๆ ซึ่งเนื่องในโอกาสที่วันนี้ทาง realme ได้ทำการเปิดตัว realme XT ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเคาะราคาออกมาแล้วที่ 10,999 บาท ทางทีมงาน Thaimobilecenter ก็ไม่พลาดที่จะนำบทความรีวิวแบบเจาะลึกทุกการใช้งานมานำเสนอให้แก่ทุกท่านได้รับชมกัน

โดยสำหรับ realme XT ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนเน้นกล้องถ่ายภาพที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่ง ด้วยการมาพร้อมกับนวัตกรรม กล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ที่ กล้องตัวหลักมีความละเอียดสูงถึง 64 ล้านพิกเซลเป็นรุ่นแรกของประเทศไทย ซึ่งนอกเหนือจากกล้องตัวหลักแล้ว realme ก็ยังได้ใส่เลนส์รูปแบบต่างๆ เพื่อตอบโจทย์การถ่ายภาพในสถานการณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เลนส์ Wide Angle ที่มีองศาในการรับภาพกว้างถึง 119 องศา รวมไปถึงเลนส์ Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ และเลนส์ Macro ที่ช่วยเปิดมุมมองการถ่ายภาพใหม่ๆ ด้วยการถ่ายภาพในระยะใกล้สุดถึง 4 เซนติเมตร รวมทั้งยังมีลูกเล่นการถ่ายภาพที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น Super Nightscape สำหรับการถ่ายภาพกลางคืนโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง หรือวิดีโอแบบ Super Slow Motion ที่ระดับ 960FPS

นอกจากความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพแล้ว realme XT ยังมีจุดเด่นในเรื่องของสเปกที่จัดว่าน่าสนใจในระดับราคานี้ ด้วยการมาพร้อมกับขุมพลัง Snapdragon 712 AIE ประกบคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และ หน่วยความจำภายในความจุ 128GB ที่ถือว่าเพียงพอต่อการใช้ งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ทั้งการลงแอปพลิเคชัน หรือการเก็บภาพความประทับใจ นอกจากนี้ realme XT ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4000mAh เพื่อ รองรับการใช้งานตลอดวัน อีกทั้งยังสามารถเติมแบตเตอรี่กลับไปได้อย่างรวดเร็วทันใจด้วยระบบ VOOC Flash Charge 3.0

จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า realme XT เป็นสมาร์ทโฟนสเปกครบเครื่องที่น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่น ณ ชั่วโมงนี้เลยทีเดียว โดยตัวเครื่องจริงจะมีความสวยงามเพียงใด และจะมีฟีเจอร์อะไรให้เลือกใช้งานบ้าง เราไปติดตามผ่านรีวิวจากทีมงาน Thaimobilecenter กันได้เลยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Realme XT มาพร้อมกับกล่องแพ็กเกจสีขาวสะอาดตา ที่ด้านหน้ากล่องบรรจุภัณฑ์พิมพ์ภาพดีไซน์ตัวเครื่อง realme XT พร้อมคุณสมบัติเด่นให้เห็นแบบเด่นชัด ทั้ง 64MP Quad Camera ซึ่งเป็นการสื่อถึงกล้อง 4 ตัวความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล รวมถึงระบบชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0 ที่ชาร์จเพียง 30 นาที ก็ได้แบตเตอรี่กลับมาถึง 55%

อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปดว้ย สาย USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูลระหว่างสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์, อแดปเตอร์ชาร์จไวที่รองรับการจ่ายไฟแบบ 5V4A (VOOC 3.0), เคสใส, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน

ภาพขณะสวมใส่เคสใสที่แถมมาในกล่องบรรจุภัณฑ์

มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง สำหรับ realme XT มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2340x1080 พิกเซล) บน ดีไซน์หน้าจอแบบ Dewdrop Fullscreen Display ซึ่งเป็นดี ไซน์จอขอบบางเฉียบทั้งสี่ด้าน พร้อมเว้นพื้นที่จอด้านบนบางส่วนคล้ายกับหยดน้ำ สำหรับติดตั้งกล้องหน้าเซลฟี่ ส่งผลให้ realme XT มีพื้นที่การแสดงผลเมื่อเทียบกับตัวเครื่องสูงถึง 91.9% เลยทีเดียว นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลของ realme XT ยังติดตั้งกระจ ก Gorilla Glass 5 สำหรับช่วยปกป้องหน้าจอจากการตกกระแทก

ที่ด้านบนของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับกล้องหน้า เซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX47 1 รูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสม และเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน ส่วนลำโพงสนทนาจะถูกซ่อนเอาไว้บริเวณขอบด้านบนของตัวเครื่องอย่างแนบเนียน

กล้องหน้าของ realme XT ยังรองรับการทำงานร่วมกับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) ได้อีกด้วย

ที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับปุ่มควบ คุมบนหน้าจอ ประกอบไปด้วย ปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง, ปุ่ม Home สำหรับย้อนกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และปุ่ม Back สำหรับกลับไปยังหน้าก่อนหน้า

และสามารถปรับเปลี่ยนไปใช้วิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการซ่อนปุ่มควบคุมเอาไว้ด้านล่างทั้งหมด และใช้วิธีการลากนิ้วจากบริเวณขอบเพื่อสั่งการ ช่วยให้มีพื้นที่ในการแสดงผลเต็มจอมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริเวณด้านล่างของหน้าจอยังมีการติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Display Fingerprint) เวอร์ชันใหม่ล่าสุด โดยเลือกใช้โมดูลจากแบรนด์ที่ชื่อว่า Goodix ช่วยให้ปลด ล็อกได้เร็วขึ้น และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยทาง realme ระบุว่า สามารถปลดล็อกได้ในเวลาเพียง 0.34 วินาที เท่านั้น

ที่ด้านบนของตัวเครื่องติดั้งไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวนเอาไว้

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมาพร้อมกับถาดใส่ซิ มการ์ด และปุ่มปรับระดับเสียง

สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดของ realme XT จะเป็นแบบ Triple-Slot โดยรองรับการทำงานร่วมกับซิมการ์ดแบบ nano-SIM พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมาพร้อมกับปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ พร้อมแต้มสีทองที่บริเวณปุ่มเพื่อให้สังเกตได้ง่าย

ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ลำโพงหลักของตัวเครื่อง, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องเสียบหูฟังมาตรฐานแบบ 3.5 มม.

ด้านหลังของตัวเครื่องมพาร้อมกับบอดี้กระจกขอบ โค้งแบบ 3D ที่มีการเคลือบผิวสัมผัสแบบ Sparking Hyperbola ที่ช่วยให้ตัวเครื่องสามารถสะท้อนเล่นลายเป็นริ้วได้อย่างสวยงามเมื่อกระทบกับแสง โดย realme XT จะมีสองเฉดสีให้เลือก ได้แก่ สี Pearl White ที่ทีมงานได้รับมารีวิวในวันนี้ ส่วนอีกสีคือสีน้ำเงิน Pearl Blue

ที่ด้านบนของตัวเครื่องติดตั้งชุดกล้องหลัง จำนวน 4 ตัว (Quad Camera) โดยแบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Samsung GW1 ที่มีขนาด 1/1.72 นิ้ว โครงสร้างแบบ 6 ชิ้น เลนส์ พร้อมค่ารูรับแสงกว้างสูงสุด f/1.8 ถัดมาเป็นกล้อง Wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีองศาในการรับภาพกว้าง 119 องศา โครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์ พร้อมค่ารูรับ แสงกว้าง f/2.25 ขณะกล้องตัวที่สามจะเป็นกล้อง Portrait Lens ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สำหรับช่วยถ่าย ภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ส่วนกล้องตัวที่สี่จะเป็นกล้อง Macro ความ ละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพได้ใกล้สุดถึง 4 เซนติเมตรเลยทีเดียว

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

Realme XT ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.0.1 เวอร์ชันใหม่ที่มาพร้อมกับลูกเล่นการใช้งานอย่างหลากหลาย

สำหรับหน้าโฮมสกรีนของ realme XT ถูกออกแบบให้ดูสะอาดตา แอปพลิเคชันต่างๆ ถูกเก็บเอาไว้ภายใน App Drawer ที่สามารถเรียกดูได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ตวัดนิ้วขึ้นจากด้านล่างของหน้าจอแสดงผล

เมื่อปัดไปที่ด้านซ้ายจากหน้าจอจะพบกับ Smart Assistant ซึ่งเป็นศูนย์รวมการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน รวมถึงคีย์ลัดสำหรับการตั้งค่าต่างๆ ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปแบบการแสดงผลได้ด้วยตนเองผ่านการแตะที่ไอคอนรูป + ที่บริเวณมุมขวามือบน

เมื่อปัดนิ้วมือจากบนลงล่างจะพบกับ Toggle Switch ซึ่งเป็นศูนย์รวมคีย์ลัดสำหรับการตั้งค่าภายในตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น การเปิด-ปิด การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต, เปิด-ปิด Bluetooth หรือเปิด-ปิด ไฟฉาย เป็นต้น ถัดลงมาคือ Notification Center ซึ่งเป็นหน้าสำหรับแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ โดยผู้ใช้สามารถปัดไปทางด้านซ้าย หรือขวา เพื่อลบการแจ้งเตือนได้อย่างง่ายดาย

สามารถแตะค้างที่หน้าโฮมสกรีนเพื่อปรับแต่งหน้า จอได้ ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่ม Widget, เปลี่ยนวอลเปเปอร์, เปลี่ยนเอฟเฟ็กต์ขณะสลับหน้าโฮมสกรีน รวมถึงการตั้งค่าต่างๆ เกี่ยวกับหน้าโฮมสกรีน

เมื่อกดที่ปุ่ม Recent Apps จะพบกับแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง โดยผู้ใช้สามารถสลับการใช้งานแอปพลิเคชันได้ที่หน้าต่างนี้ หรือจะเคลียร์การทำงานทั้งหมดผ่านการแตะที่ไอคอนรูปกากบาทที่อยู่บริเวณด้านล่าง

ด้านแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาให้ภายใน realme XT จะประกอบไปด้วย แอปพลิเคชันจากฝั่ง Google เช่น Gmail, Maps, Google Drive และ Photos พร้อมแอปพลิเคชันเครื่องมือพื้นฐาน อย่างเช่น บันทึกเสียง, เข็มทิศ หรือวิทยุ FM

Realme XT รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมค่อบนเครือข่าย 4G LTE ทั้งสองซิมการ์ด รวมถึงเทคโนโลยี VoLTE สำหรับสนทนาผ่านเครือข่าย 4G LTE และเทคโนโลยี WiFi Calling สำหรับสนทนาผ่านเครือ ข่าย WiFi

มาดูที่ฟังก์ชันการใช้งานของระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.0.1 กันบ้าง เริ่มตั้งแต่ฟังก์ชัน Night Shield สำหรับปรับเปลี่ยนอุณหภูมิสีของหน้าจอแสดงผลให้อยู่ในโทนอุ่น พร้อมกับตัดแสงสีฟ้าที่อาจเป็นอันตรายต่อดวงตา ตอบโจทย์การใช้งานสมาร์ทโฟนในตอนกลางคืน หรือในสภาวะแสงน้อย รวมทั้งยังมีเทคโนโลยี L ow-brightness Flicker-Free Care ซึ่งช่วยลดอาการล้าของสายตาจากปัญหาหน้าจอแสดงผลกระพริบเมื่อใช้งานในความสว่างระดับ ต่ำ

ฟังก์ชัน OSIE Vision Effect สำหรับช่วยปรับสีสันของหน้าจอให้มีความสดใสมากยิ่งขึ้นเมื่อใช้งานร่วมกับแอปพลิเค ชันที่รองรับ

สามารถตั้งค่าอนิเมชันเกี่ยวกับความเร็วในการ เปิด-ปิด แอปพลิคเชันได้ทั้งหมด 3 ระดับ

สามารถปรับเปลี่ยนธีม รวมถึงวอลเปเปอร์ได้ที่แอปพลิเคชัน Theme Store

มาพร้อมกับระบบเสียง Dolby Atmos ที่ผู้ใช้สามารถปรับรูปแบบของเอฟเฟ็กต์เสียงได้ทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ Smart สำหรับปรับเสียงให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่กำลังเล่นอยู่, Movie สำหรับปรับเสียงแบบรอบทิศทาง และเพิ่มเสียงเบสให้หนักแน่นยิ่งขึ้น, Gaming สำหรับปรับเสียงให้เหมือนกับสถานการณ์จริง พร้อมเสียงเบสที่หนักแน่น และ Music สำหรับปรับเสียงให้สมดุล

สามารถปรับการทำงานของปุ่ม Power เพื่อเป็นปุ่มเรียกใช้ผู้ช่วยอัจฉริยะ Google Assistant ได้ อย่างง่ายด้ายเพียงกดค้างเป็นเวลา 5 วินาที

ฟังก์ชัน Smart Sidebar สำหรับเรียกใช้งานคีย์ลัด หรือเปิดแอปพลิเคชันแบบเร่งด่วนขณะใช้แอปพลิเคชันอื่นๆ อยู่ ผ่านการลากนิ้วจากบริเวณขอบด้านขวา (เมื่อใช้งานในแนวตั้ง) หรือขอบด้านซ้าย (เมื่อใช้งานในแนวนอน) ของสมาร์ทโฟน

มาพร้อมกับฟังก์ชัน Power Saving Mode หรือโหมดประหยัดพลังงานเพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานยิ่งขึ้น ผ่านการปิดการทำงานของแอปพลิเคชันเบื้องหลัง, พักการซิงค์ข้อมูล รวมถึงการลดความสว่างหน้าจอให้ต้ำลง โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าให้ Power Saving Mode เปิดใช้งานแบบอัตโนมัติเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่าตัวเลขที่ผู้ใช้กำหนดเอาไว้ได้ อีกด้วย

อีกทั้งยังมีฟังก์ชัน Sleep Standby Optimization ซึ่งเป็นการปรับโหมดการทำงานของสมาร์ทโฟนให้อยู่ในรูปแบบสแตนด์บายเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ ใช้สมาร์ทโฟนเป็นระยะเวลานาน โดยการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่างๆ จะดีเลย์มากกว่าเดิมเล็กน้อย

และที่สำคัญ ยังมาพร้อมกับโหมดการทำงานแบบ High Performance Mode สำหรับรีดประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องให้อยู่ในระดับสูงสุด แต่หากใครกลัวว่าจะส่งผลให้ใช้แบตเตอรี่มากจนเกินไป ก็สามารถปรับไปใช้งานโหมด Smart Performance ซึ่งจะเป็นการปรับรูปแบบการทำงานของตัวเครื่อง ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานของแต่ละท่านแบบอัตโนมัติ

นอกเหนือจากลูกเล่นด้านการใช้งานแล้ว ColorOS 6.0.1 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์อัจฉริยะที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์ Screen-off Gestures หรือการวาดนิ้วเป็นรูปต่างๆ เพื่อสั่งการขณะที่ล็อกหน้าจอเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น แตะสองครั้งเพื่อปลุกหน้าจอ, วาดรูปตัว O เพื่อเปิดกล้องถ่ายาพ, วาดรูปตัว V เพื่อเปิดฟังก์ชันไฟฉาย หรือวาด < > เพื่อเปลี่ยนเพลง เป็นต้น

รวมถึง Smart Call ซึ่งเป็นการรับสายเรียกเข้าแบบอัตโนมัติเมื่อยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาแนบหู หรือปิดเสียงเสียงเรียกเข้าเมื่อคว่ำหน้าจอ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน Raise to Turn On Screen สำหรับปลุกหน้าจอแบบอัตโนมัติเมื่อยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาใน ระดับหนึ่ง รวมทั้งยังสามารถบันทึกภาหน้าจอได้อย่างง่ายๆ เพียงใช้ 3 นิ้วลากจากบนลงล่าง

อีกทั้งยังมีฟังก์ชันที่เน้นไปในเรื่องของความ ปลอดภัยขณะขับขี่โดยเฉพาะอย่าง Smart Driving ที่มีให้เลือกทั้งหมด 2 โหมดด้วยกัน ได้แก่ Driving Mode และ Riding Mode โดย Driving Mode จะเป็นการเปิดบลูทูธเพื่อเชื่อมต่อกับรถยนต์ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการทำงานต่างๆ ผ่านคอนโซลรถได้ทันที ส่วน Riding Mode จะเป็นการปิดเสียงการแจ้งเตือนทั้งหมดยกเว้นเสียงเรียกเข้า เพื่อให้ผู้ใช้มีสมาธิอยู่กับท้องถนน ตอบโจทย์ผู้ที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ หรือจักรยาน เป็นอย่างมาก

มาดูในด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับสิทธิการใช้งาน รวมถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้กันบ้าง ซึ่ง ColorOS 6.0.1 ก็ถือว่าจัดเต็ม ด้วยการมาพร้อมกับฟีเจอร์ Personal Information Protection สำหรับปกป้องข้อมูลประวัติการโทร, ปกป้องรายชื่อผู้ติดต่อ หรือปกป้องตารางานงานในปฏิทิน รวมไปถึงฟังก์ชัน Anti-Harassment สำหรับบล็อคเบอร์ผู้ติดต่อที่ไม่พึงประสงค์

มาพร้อมกับฟังก์ชัน App Encryption สำหรับล็อกแอปพลิเคชันเพื่อความเป็นส่วนตัว โดยผู้ที่จะสามารถเข้าใช้งานได้มีเพียงแค่เจ้าของเครื่องที่รู้รหัส หรือลงทะเบียนลายนิ้วมือเอาไว้เท่านั้น รวมทั้งยังมีฟังก์ชัน Private Safe ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟนที่ผู้ใช้สามารถนำไฟล์ต่างๆ ไปเก็บไว้ได้อย่างปลอดภัย

อีกหนึ่งฟังก์ชันที่น่าสนใจ และอยู่คู่กับระบบ ColorOS มาโดยตลอดนั่นก็คือ Clone Apps หรือการโคลนแอปพลิเคชันเพื่อแยกการทำงานออกจากกัน ทำให้เราสามารถเล่นแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้แบบ 2 แอคเคานท์ โดยแอปพลิเคชันที่ถูกโคลนออกมาจะมีคำว่า (Clone) อยู่ต่อท้ายแอปพลิเคชัน

รวมถึงฟังก์ชัน Game Space ที่ช่วยปรับแต่งประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้อยู่ในระดับสูงสุดผ่านการจัดสรรทรัพยากร ภายในตัวเครื่องให้เหมาะสมกับการรันแอปพลิเคชันหนักๆ และปิดการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้ได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์เล่นเกมแบบเต็มอารมณ์

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน App Split-Screen ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน

สำหรับแอปพลิเคชันอัลบั้มภาพถ่าย สามารถแสดงผลได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ แสดงภาพถ่ายทั้งหมดภายในตัวเครื่อง และแสดงภาพถ่ายโดยแยกเป็นอัลบั้ม

อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ด้านต้นว่า ระบบความปลอดภัยของ realme XT มีให้เลือกใช้งานทั้งหมด 2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า โดยในส่วนของระบบสแกนลายนิ้วมือ รองรับการบันทึกลายนิ้วมือสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ ส่วนทางด้านระบบปลดด้วยใบหน้าจะรองรับการลงทะเบียนแค่ใบหน้าเดียวเท่านั้น

โดยในส่วนของระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ ผู้ใช้สามารถเลือกเอฟเฟ็กต์ในขณะปลดล็อกได้ด้วยตนเอง

มาดูที่ประสิทธิภาพการทำงานกันบ้าง โดย realme XT มาพร้อมกับขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 712 AIE ซึ่ง เป็นชิปเซ็ตแบบ 8 แกนประมวลผลระดับรองท็อปตัวใหม่ที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมระดับ 10 นาโนเมตร โดยจะทำงานควบคู่กับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Adreno 612 พร้อมหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB และ หน่วยความจำภายในแบบ UFS 2.1 ความจุ 128GB และ แบตเตอรี่ 4000mAh โดยจะรันอยู่บนระบบปฏิบัติการ Anroid OS เวอร์ชัน 9 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0.1 ตั้งแต่แกะกล่อง

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง realme XT นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor

เมื่อลองนำเอา realme XT ไปทดสอบประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu (เปิด High Performance Mode) ก็พบว่า สามารถทำคะแนนได้ราว 183532 คะแนน

ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ CPU ด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 4 พบว่า สามารถทำคะแนนแบบ Single-Core ได้ทั้งหมด 408 คะแนน และทำคะแนนทดสอบแบบ Multi-Core ได้ทั้งหมด 1503 คะแนน

ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ GPU ด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark พบว่า สามารถทำคะแนนทดสอบด้วยโหมด OpenGL ES 3.1 ได้ที่ 2117 คะแนน ขณะที่ โหมด Vulkan ทำคะแนนได้ 2007 คะแนน

แน่นอนว่า ด้วยประสิทธิภาพที่อยู่ในระดับรองท็อป ส่งผลให้ realme XT สามารถเล่นเกมกราฟิกหนักๆ ยอดฮิตบนท้องตลาดอย่าง PUBG Mobile ได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการหน่วง หรือสะดุดให้พบเจอ ซึ่งแม้ว่าจะมีอาการตัวเครื่องร้อนให้เห็นบ้างเมื่อเล่นเป็นระยะเวลานาน แต่ก็สามารถระบายความร้อนออกจากตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนการรับชมคอนเทนต์ความละเอียดสูงก็สามารถทำ ได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งเมื่อใช้งานร่วมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ที่มีจุดเด่นด้านการแสดงสีสันที่คมชัดสดใส รวมถึงดีไซน์หน้าจอของ realme XT ที่เป็นแบบจอหยดน้ำ Dewdrop Fullscreen Display ที่มีพื้นที่ในการแสดงผลสูงถึง 91.9% แล้ว ส่งผลให้การดูหนัง และเล่นเกม เป็นไปอย่างเต็มตาเต็มอารมณ์

ด้าน GPS  จากที่ทดสอบกลางแจ้งพบว่า สามารถตรวจจับสัญญาดาวเทียมได้ทั้งหมด 51 ดวง และมีความคลาดเคลื่อนที่ +- 12 เมตร

การใช้งานกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

realme XT มาพร้อมกับกล้องหลังจำนวน 4 ตัว แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Samsung GW1, กล้อง Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, กล้อง Portrait Lens และกล้อง Macro Lens โดยหน้า Interface ก็ถือว่าถูกออกแบบมาให้เน้นใช้งานได้ง่ายด้วยการจัดเรียงไอคอนการปรับแต่งการตั้งค่า ของกล้องเอาไว้ที่ด้านบน เช่น การเปิด-ปิด HDR, เปิด-ปิด ไฟแฟลช หรือเปิดใช้งานฟังก์ชัน Chroma Boost และโหมดการถ่ายภาพที่ด้านล่าง

สามารถสลับจากกล้องตัวหลักไปใช้งานกล้องเลนส์ มุมกว้างได้อย่างง่ายๆ เพียงแตะที่ไอคอนลำดับที่สามจากซ้าย

realme XT มีฟังก์ชัน AI Scene Recognition สำหรับวิเคราะห์ฉาก หรือวัตถุที่อยู่ตรงหน้า เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าการถ่ายภาพให้แบบอัตโนมัติ

รองรับการปรับหน้าสวยด้วยฟังก์ชัน AI Beauty ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ และปรับแต่งสีผิวโดยปัญญาประดิษฐ์ โดยสามารถปรับแต่งได้จาก 0-100 ระดับ

สามารถเปลี่ยนฟิลเตอร์เพื่อปรับเปลี่ยนโทนสีของ ภาพถ่ายได้อย่างหลากหลาย

รองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอผ่านโหมด Portrait

ที่สำคัญยังมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพที่ความ ละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล ส่งผลให้ภาพที่ออกมามีขนาดใหญ่ขึ้น มองเห็นรายละเอียดต่างๆ ที่ถูกซ่อนเอาไว้ได้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันการถ่ายภาพในรูปแบบอื่นๆ ที่ถูกซ่อนเอาไว้ในเมนูสามขีดที่อยู่ทางด้านซ้าย อย่างเช่น Super Nightscape หรือโหมดถ่ายภาพกลางคืน รวมไปถึง Pano สำหรับถ่ายภาพมุมกว้าง และ Expert สำหรับการปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องถ่ายภาพด้วยตนเองคล้ายกับโหมด M ของกล้องใหญ่

รวมถึงฟังก์ชัน Ultra Macro ที่ช่วยถ่ายภาพได้ใกล้สุดถึง 4 เซนติเมตร

ส่วนทางด้านการถ่ายวิดีโอ realme XT รองรับการถ่ายบนความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD รวมทั้งยังสามารถ่ายวิดีโอแบบ Super Slow Motion ได้ที่ระดับ 960FPS

ด้านกล้องหน้าเซลฟี่ของ realme XT มาพร้อมกับความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX471 ซึ่งหน้า Interface ก็ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายไม่แพ้กันกับกล้องหลัง โดยผู้ใช้สามารถเลือกเปิด-ปิด ฟังก์ชันต่างๆ ได้ที่ไอคอนบริเวณด้านบน ไม่ว่าจะเป็น การเปิด-ปิด HDR หรือเลือกฟิลเตอร์สำหรับเปลี่ยนโทนสีของภาพถ่าย

รองรับเทคโนโลยีการถ่ายภาพหน้าสวยแบบ AI Beauty ที่สามารถปรับระดับความเนียนได้มากถึง 100 ระดับ นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งส่วนต่างๆ ของใบหน้าได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็น ความเรียวของใบหน้า หรือคาง เป็นต้น

รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) เหมือนกับกล้องหลัง ซึ่งสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ AI Beauty ควบคู่กันได้ด้วย

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับโหมดเซลฟี่แบบ Pano สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่ในมุมกว้าง

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ความละเอียดระดับ 64+8+2+2 ล้านพิกเซล ของ realme XT

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากกล้องตัวหลัก พร้อมเปิดฟังก์ชัน Chroma Boost

ภาพถ่ายด้วยโหมด Super Nightscape จากกล้องตัวหลัก

ภาพถ่ายจากกล้องเลนส์มุมกว้าง พร้อมเปิดฟังก์ชัน Chroma Boost

ภาพถ่ายจากโหมด Ultra Macro

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลของ realme XT

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมด AI Beauty

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Beauty

สรุปผลการทดสอบของ realme XT

จากการทดสอบทั้งหมดในข้างต้นพอจะสรุปได้ว่า realme XT เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบด้านการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ เนื่องจากมาพร้อมกับกล้องหลังมากถึง 4 ตัว (AI Quad Camera) ซึ่งกล้องแต่ละตัวก็ตอบโจทย์การถ่ายภาพในสถานการณ์ที่ต่างกันออกไป โดยกล้องตัวหลักก็เหมาะแก่การถ่ายภาพทั่วไปทั้งตอนกลางวัน และกลางคืน เนื่องจากมาพร้อมกับรูรับแสงกว้างถึง f/1.8 พร้อมความ ละเอียดมากถึง 64 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องตัวที่สองซึ่งเป็น เลนส์ Wide Angle ก็เหมาะแก่การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ หรือการถ่ายภาพในบางสถานการณ์ที่มีพื้นที่จำกัด ขณะกล้อง Portrait ก็ ตอบโจทย์การถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่ช่วยละลายฉากหลังได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมดึงตัวแบบให้ดูมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ส่วนกล้องตัวสุดท้ายอย่าง Macro ก็ถูกออกแบบมาเพื่อเก็บภาพบรรยากาศในระยะใกล้ เพื่อช่วยถ่ายทอดเรื่องราวในมุมที่ต่างกันออกไป ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ก็มาพร้อมกับความละเอียดเพียงพอที่ 16 ล้านพิกเซล พร้อมลูกเล่นการถ่ายภาพที่น่าจะตอบโจทย์คอเซลฟี่ได้เป็นอย่างดี ทั้ง AI Beauty หรือ Portrait

ด้านสเปกภายในก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานแบบรอบ ด้าน ด้วยการมาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 712 AIE แบบ 8 แกนประมวลผล (Octa-Core) ประกบคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และหน่วยความจำภายในความจุ 128GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอกได้อีก 256GB ช่วย ให้เก็บไฟล์ภาพ, เพลง หรือลงแอปพลิเคชันได้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 9 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.0.1 เ วอร์ชันใหม่ ล่าสุดที่ถือว่ามีลูกเล่นการใช้งานอย่างหลากหลาย

realme XT ยังตอบโจทย์สายเล่นเกมได้เป็นอย่างดี ด้วยฟังก์ชัน Game Space ที่ช่วยรีดประสิทธิภาพการเล่นเกมให้ถึงขีดสุด ผ่านการจัดสรรทรัพยากรภายในตัวเครื่อง รวมถึงปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ที่อาจรบกวนสมาธิขณะเล่นเกม ซึ่งเมื่อใช้งานร่วมกับขุมพลังระดับรองท็อปอย่าง Qualcomm Snapdragon 712 AIE และระบบเสียง Dolby Atmos แล้ว จะทำให้ผู้ใช้ได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์เล่นเกมแบบเต็มอารมณ์ ซึ่งจากที่ทดสอบก็พบว่า realme XT สามารถเล่นเกมได้ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงเกมกราฟิก 3 มิติหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล แต่ในเกม PUBG Mobile พบว่ายังไม่สามารถ ปรับเฟรมเรทเป็นระดับสูงสุด (Ultra) ได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการอัปเดตซอฟท์แวร์แก้ไขในอนาคต

นอกจากการถ่ายภาพ หรือสเปกสุดเร็วแรงแล้ว realme XT ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการใช้งานในชีวิตประจำวัน เริ่มตั้งแต่ ฟีเจอร์ OSIE Vision Effect สำหรับปรับสีสัน ของหน้าจอให้มีความสดใสเมื่อใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันที่รองรับ, ฟังก์ชัน Night Shield สำหรับปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอให้อยู่ในโทนอุ่น พร้อมกับตัดแสงสีฟ้าเพื่อใช้งานในตอนกลางคืน, ฟังก์ชัน Clone Apps สำหรับโคลนแอปพลิเคชันเพื่อใช้งานแบบ 2 แอคเคานท์ รวมถึงฟังก์ชัน Power Saving Mode ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนาน ยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ realme XT ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือบนหน้าจอที่สามารถบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ, ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า, Anti-Harassment สำหรับ บล็อกเบอร์โทรศัพท์จากผู้ไม่พึงประสงค์, Private Safe สำหรับเก็บไฟล์สำคัญต่างๆ เอาไว้ในตู้นิรภัยประจำตัวเครื่อง หรือ App Encryption สำหรับล็อกแอปพลิเคชัน เพื่อป้องกันผู้อื่นเข้ามาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

และจากการทดสอบทั้งหมดพอจะสรุปได้ว่า realme XT เหมาะแก่ผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่มีความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพในทุกสถานการณ์ พร้อมประสิทธิภาพตัวเครื่องที่พร้อมเป็นกำลังขับเคลื่อนในการใช้งานของผู้ใช้ ทุกๆ ไลฟ์สไตล์ รวมถึงผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ด้านความบันเทิงแบบเต็มอารมณ์ ซึ่ง realme XT ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว สำหรับ realme XT มีให้เลือกทั้งหมด 2 เฉดสี ได้แก่ สี Pearl White และสี Pearl Blue

ล่าสุดวันนี้ (1 ตุลาคม 2019) realme XT ก็ได้เปิดราคาวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้วที่ 10,999 บาท โดยจะเริ่มขายแบบ Flash Sale ผ่าน Lazada วันนี้ (1 ตุลาคม 2019) ตั้งแต่เวลา 19.00-24.00 น. และจะมีการขายภายในงาน Thailand Mobile Expo ระหว่างวันที่ 3-6 ตุลาคมนี้ด้วย ส่วนกำหนดการขายอย่างเป็นทางการจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นร่วมกับเครือข่าย AIS และ Truemove H กับส่วนลดค่าเครื่องราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 2,999 บาท เท่านั้น

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง realme ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง realme XT มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

จุดเด่นของ realme XT

- ฝาหลังกระจกขอบโค้งแบบ 3D Curved Glass Design พร้อมกระบวนการเคลือบผิวสัมผัสแบบ Hyperbola Light Streaks ที่สะท้อนเล่นแสงเป็นเส้นริ้ว - หน้าจอแสดงผลไร้ขอบ ไร้รอยบากแบบ Super AMOLED Dewdrop Fullscreen Display  ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2340x1080 พิกเซล : 402 ppi) ในอัตราส่วน 19.5:9 พร้อมพื้นที่การแสดงผลเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง 91.9% ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 พร้อมฟีเจอร์ Night Shield สำหรับปรับอุณหภูมิสีหน้าจอให้อยู่ในโทนอุ่น และฟังก์ชัน OSIE Vision Effect สำหรับปรับสีสันของคอนเทนต์ให้มีความสดใส - ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 712 AIE แบบ Octa-Core Processor ที่มีความเร็ว 2.3 GHz - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Adreno 616 - หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 2.1 ขนาด 128GB - รองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 256GB - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie พร้อมครอบทับด้วย ColorOS 6.0.1 - กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX471 รูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมเทคโนโลยี AI Beauty และ โหมดการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) - กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ความละเอียด แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Samsung GW1 ขนาด 1/1.72 นิ้ว (f/1.8), กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษแบบ Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (f/2.25) เก็บภาพมุมกว้างสุด 119 องศา, กล้องตัวที่สาม Portrait Lens ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (f/2.4) และกล้องตัวที่สี่ Macro Lens ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (f/2.4) โดยรองรับโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ Portrait และการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD - เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) ปลดล็อกได้ในเวลาเพียง 0.34 วินาที - ฟีเจอร์ปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) - ฟังก์ชัน App Encryption และ Private Safe เพื่อความเป็นส่วนตัว - ฟังก์ชัน Smart Sidebar สำหรับเปิดแอปพลิเคชัน หรือเข้าถึงคีย์ลัด ขณะใช้งานในโหมดการแสดงผลเต็มหน้าจอ - ระบบเสียง Dolby Atmos - มีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน - แบตเตอรี่ความจุ 4000mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0 ที่ชาร์จจาก 0-55% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที - ฟังก์ชัน Game Space สำหรับรีดประสิทธิภาพการเล่นเกมให้อยู่ในระดับสูงสุด พร้อมบล็อกการแจ้งเตือนต่างๆ - ฟังก์ชัน Clone Apps สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ - ฟังก์ชัน App Split-Screen สำหรับใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอ - พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C - ระบบ GPS+A-GPS ในตัว - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS - รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/n/g/n/ac , Bluetooth 5.0 - รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) - รองรับถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot - รองรับการสแตนด์บายแบบ Dual 4G LTE - ราคา 10,999 บาท ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ realme XT

Leave a Comment