รุ่นเล็กสุด สวยสะดุดบางเบา พร้อมความลื่นของ Android GO ในราคาแค่ 2 พันกว่า ด้วยจอใหญ่คมชัด 5.3 นิ้ว, ชิปเซ็ต MediaTek MT6739, ระบบ Android GO ลื่นไหลใช้ง่าย, กล้อง 8+5 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 3000 mAh บนบอดี้ลวดลายทันสมัยสะดุดตา ในราคาเริ่มต้นสุดประหยัดเพียง 2,500 บาท
21 สิงหาคม 2020 - ใกล้ปลายปีแบบนี้ดูเหมือนว่าทิศทางของตลาดสมาร์ทโฟนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยเริ่มหันไปแข่งขันกันในตลาดมือถือระดับล่างมากขึ้น สังเกตได้ว่าระยะหลังนี้หลายๆ แบรนด์ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน Entry Level ราคาประหยัดไม่เกิน 3,000 บาทออกมาหลายรุ่น แม้กระทั่ง Samsung เองถึงแม้จะมี Galaxy A10s อยู่แล้ว แต่ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ออกมาเจาะตลาดกลุ่มนี้ให้ลึกกว่าเดิม ซึ่งก็คือ Samsung Galaxy A01 Core ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 2,500 บาท เท่านั้นครับ Samsung Galaxy A01 Core เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่ เน้นการใช้งานทั่วๆ ไป โดยมีฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐานครบถ้วนในราคาไม่แพง ตัวเครื่องเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตขัดผิวด้าน หยิบจับถนัด ทนไม้ทนมือ และทำความสะอาดง่าย โดยมีหน้าจอแสดงผลแบบ PLS TFT LCD ขนาด 5.3 นิ้ว ความละเอียด 1480x720 พิกเซล (HD+) รองรับการแสดงสีสันได้ 16 ล้านสี ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek MT6739 ความเร็ว 1.5GHz พร้อมด้วย RAM สูงสุด 2GB กับ หน่วยความจำภายในสูงสุด 32GB ซึ่งสามารถเพิ่มได้อีกด้วยการ์ด microSD สูงสุดถึง 512GB ให้เราได้เก็บรูปถ่าย และไฟล์ต่างๆ ได้อย่างจุใจ โดยมีแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh เป็นแหล่งพลังงาน ให้พร้อมลุยไปกับเราตลอดทั้งวัน
Samsung Galaxy A01 Core รองรับการถ่ายภาพขั้นพื้นฐาน ด้วยกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ FHD ที่ 30fps ได้ อีกทั้งยังรองรับการใช้งาน 2 ซิม (Nano-SIM) ที่สำคัญคือ มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android 10 (GO edition) ที่ไม่ต้องการคุณสมบัติด้านการประมวลผลที่สูงมากนัก ต่างจากระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันปกติ จึงสามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล ด้วยการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการติดตั้งแอปพลิเคชั่นที่จำเป็นมาให้จากโรงงาน พร้อมใช้งานได้ทันที
จากคุณสมบัติเบื้องต้น น่าจะโดนใจผู้ที่กำลังมองหามือถือรุ่นเล็กไว้ติดตัว ในราคาประหยัด สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ และการใช้งานจริง เราไปติดตามกันใน รีวิว Samsung Galaxy A01 Core โดยทีมงาน Thaimobilecenter ได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
Samsung Galaxy A01 Core เป็นสมาร์ทโฟนขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเหมาะมือ ตัวเครื่องด้านหน้ามีขอบจอค่อนข้างหนา ซึ่งเป็นดีไซน์ทั่วไปของสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น หน้าจอแสดงผลเป็น PLS TFT LCD ขนาด 5.3 นิ้ว ไม่มีรอยบาก ความละเอียดระดับ HD + (1480 x 720 พิกเซล) มีความสว่างพอสมควร สามารถใช้งานในอาคารได้ดี และยังพอมองเห็นได้เมื่อใช้งานกลางแจ้ง แต่มีการสะท้อนมากพอสมควร
ขอบด้านบนหน้าจอมีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ไม่มีไฟแฟลช และช่องลำโพงสนทนา
ฝาหลังเป็นพลาสติกผิวด้าน พื้นที่ส่วนหนึ่งพิมพ์ลายนิ้วนูน ช่วยกันลื่นขณะจับถือได้ดี อีกทั้งยังไม่เป็นรอยนิ้วมือ แต่ฝาหลังจะติดกับเฟรมอย่างถาวร ไม่สามารถแกะออกเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ทำให้ตัวเครื่องดูแน่นหนา ทนทานยิ่งขึ้น สำหรับเครื่องที่นำมารีวิวในครั้งนี้เป็น สี น้ำเงิน (Blue)
กล้องหลังมีเพียงตัวเดียว มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และมาพร้อมกับแฟลช LED 1 ดวง
ปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียงจะอยู่รวมกันที่ตัวเครื่องด้านขวา โดยอยู่เกือบชิดขอบด้านบน ต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มักจะอยู่ตรงกลาง อาจจะทำให้ไม่ชินมือเท่าไหร่สำหรับการใช้งานช่วงแรกๆ
สำหรัลถาดใส่ซิมการ์ดจะอยู่ที่ตัวเครื่องด้านซ้าย
ใต้ตัวเครื่องมีช่องหูฟัง 3.5 มม., ไมโครโฟน, พอร์ต Micro-USB (USB 2.0) และลำโพง ด้านบนไม่มีโมดูลใดๆ
ถาดซิมการ์ดของ Samsung Galaxy A01 Core เป็นแบบ Triple Slot สามารถใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM ได้ 2 ซิมการ์ด พร้อมกับใส่การ์ด microSD ด้วยได้ โดยรองรับความจุสูงสุด 512 GB
เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์
Samsung Galaxy A01 Core ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 (Go Edition) ครอบทับด้วย One UI
เมื่อปลดล็อกหน้าจอ จะเข้าสู่หน้าเริ่มต้นของ Samsung Galaxy A01 Core ซึ่งมีอินเทอร์เฟซโค้งมน ไม่บาดตาตามแบบฉบับของ One UI
เมื่อปัดนิ้วจากขอบด้านบนของหน้าจอ ลงมาจะเป็นการเปิด แถบแจ้งเตือน และเมื่อปัดลงอีกครั้งจะเป็นการขยาย เมนูปุ่มลัด สำหรับ การตั้งค่าที่ใช่บ่อยๆ เช่น เปิด-ปิด WiFi, เปิด-ปิด Bluetooth, หมุนหน้าจออัตโนมัติ, เปิดโหมดประหยัดพลังงาน เป็นต้น
และยังสามารถเพิ่ม หรือลบทางลัดการตั้งค่าในเมนูนี้ได้ด้วย
เมื่อปัดนิ้วตรงกลางหน้าจอหลักหนึ่งครั้ง จะเป็นการเปิด ลิ้นชัก แอปพลิเคชันทุกตัวที่ติดตั้งไว้ในเครื่องจะแสดงอยู่ในนี้ทั้งหมด
Samsung Galaxy A01 Core ติดตั้งชุดแอปพลิเคชันของ Google มาให้แล้วจากโรงงาน แต่เป็นเวอร์ชั่น GO ซึ่งกินสเปก และพื้นที่ในเครื่องน้อยกว่าเวอร์ชั่นมาตรฐาน เพื่อให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหล โดยมีฟังก์ชั่นการใช้งานหลักๆ เหมือนกัน
เมื่อกดปุ่ม แอปล่าสุด ตรงแถบนำทางด้านล่าง จะพบกับหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดค้างไว้ เราสามารถเลือกปิดแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้ด้วยการปัดหน้าต่างแอปนั้นขึ้นด้านบนทีละ ตัว หรือจะกด ปิดทั้งหมด เพื่อปิดทุกแอปทันทีก็ได้ แต่ ไม่สามารถเปิดใช้งานพร้อมกัน 2 แอปได้
สำหรับฟังก์ชันสำคัญอย่างการโทร มีการออกแบบที่เรียบง่าย และสบายตา ทั้งตัวเลข และรายชื่อมีการเว้นช่องไฟในระยะกำลังดี ไม่ดูอึดอัดหรือโล่งเกินไปช่วยให้มองเห็น และกดได้ง่าย
เมื่อกดค้างที่บนพื้นที่ว่างในหน้าจอหลักสักครู่ จะเข้าสู่การปรับแต่งหน้าจอ ซึ่งสามารถปรับตำแหน่งของไอคอน และเพิ่ม หรือลบวิดเจ็ตต่างๆ บนหน้าจอหลักได้ตามต้องการ แต่ไม่มีแอป Galaxy Themes ให้เข้าไปเลือกโหลดธีม หรือวอลเปเปอร์เหมือนสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy รุ่นอื่นๆ
นอกจากภาพพื้นหลัง และวิดเจ็ตแล้ว ระบบของ Samsung Galaxy A01 Core ยังอนุญาตให้ผู้ใช้ปรับขนาดของตัวอักษรได้ด้วย ช่วยให้ผู้สูงอายุใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
ในส่วนการตั้งค่าแบบละเอียดของหน้าจอ จะมีตัวเลือก โหมดกลางคืน ให้ใช้งาน ซึ่งจะเปลี่ยนอินเตอร์เฟซให้เป็นสีดำ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในเวลากลางคืน
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ Samsung Galaxy A01 Core จะมีเฉพาะตัวเลือกมาตรฐานอย่าง PIN, การลากเส้นแพทเทิร์น, และการตั้งรหัสผ่าน ไม่รองรับการสแกนลายนิ้วมือ และไม่รองรับการสแกนใบหน้า
มาดูการใช้งานด้านความบันเทิงกันบ้างครับ สำหรับการฟังเพลง Samsung Galaxy A01 Core จะใช้แอปพลิเคชันพื้นฐานเป็น Google Music ซึ่งมีฟังก์ชันการทำงานพื้นฐานครบถ้วน แต่ไม่มีลูกเล่นอะไรมากนัก
ในส่วนของการเล่นวิดีโอ Samsung Galaxy A01 Core จะใช้แอปพลิเคชันเล่นวิดีโอของ Samsung เอง แต่จะมีฟีเจอร์ให้ใช้งานน้อยกว่าสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy รุ่นอื่นๆ โดยมีเพียงปุ่มล็อคการสัมผัส และปรับสัดส่วนหน้าจอ แต่สามารถเล่นวิดีโอความละเอียด Full HD ได้อย่างลื่นไหลและคมชัด ไม่มีปัญหาใดๆ ส่วนการแสดงสีสันก็ทำได้ดีเช่นกัน
เนื่องจากหน้าจอของ Samsung Galaxy A01 Core มีอัตราส่วนการแสดงผลอยู่ที่ 18.5:9 เมื่อเปิดวิดีโอที่เป็นอัตราส่วน 4:3 หรือ 16:9 จะเหลือขอบสีดำที่ด้านซ้ายและขวาเอาไว้ ซึ่งเราสามารถขยายให้เต็มจอได้ 2 แบบ คือ ยืดภาพให้เต็มพื้นที่ หรือ ขยายให้เต็มโดย คงอัตราส่วนเดิมไว้
หากเลือก ยืดภาพ ภาพจะยืดออกจนปิดขอบดำไว้ทั้งหมด แต่สัดส่วนของภาพจะเพี้ยนไป
หากเลือก ขยายภาพ ภาพจะขยายจนปิดส่วนขอบดำทั้งหมด แต่ขอบภาพบางส่วนจะล้นออกไปจากจอ
แม้ว่า Samsung Galaxy A01 Core จะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกม แต่เราก็เลือกที่จะทดสอบคุณสมบัติในส่วนนี้ดู โดยเลือกเกมที่กินสเปกน้อยอย่าง Last Arrows และเกมฮิต RoV ผลปรากฏว่าเกมเบาๆ อย่าง Last Arrows สามารถเล่นได้แบบไม่มีปัญหา และตอยสนองต่อการควบคุมได้แม่นยำ ส่วนเกม RoV สามารถเล่นได้บนการตั้งค่ากราฟิกระดับต่ำสุด โดยมีอาการหน่วงและกระตุกเมื่อโหลดฉากครั้งแรก หรือจังหวะเข้าเกม แต่เมื่ออยู่ในเกมแล้วสามารถเล่นได้เรื่อยๆ โดยรวมถือว่าพอเล่นได้ แต่อาจจะไม่สนุกเท่าที่ควร นอกจากนี้ แบตเตอรี่ยังลดเร็วมากอีกด้วย อาจ เป็นเพราะชิปเซ็ต MediaTek MT6739 ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นเกม ทำให้จัดสรรพลังงานด้านนี้ไม่ดีนัก แต่ก็เป็นปกติของสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นอยู่แล้วครับ
Samsung Galaxy A01 Core วัดค่า benchmark จากแอปพลิเคชัน PCMark ได้ 3242 คะแนน และจากแอปพลิเคชัน CPU Prime Benchmark ได้ 4684 คะแนน
Samsung Galaxy A01 Core ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek MT6739 แบบ 4 แกน (Quad-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 1.5 GHz มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) PowerVR Rogue GE8100 , หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 1 GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 16 GB แต่ทั้งนี้ ยังมีรุ่น RAM 2GB + ROM 32GB วางจำหน่ายด้วย
สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Samsung Galaxy A01 Core นั้นมีเพียง 3 อย่าง ได้แก่ Accelerometer Sensor, Proximity Sensor, และ Sound Sensor ส่วนหน้าจอแสดงผลรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 5 จุด
ระบบ GPS สามารถจับสัญญาณดาวเทียมในที่กลางแจ้งได้ดี โดยจากภาพตัวอย่างจะเห็นว่าจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 21 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 4 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ขึ้นอยู่กับพื้นที่และสภาพอากาศด้วย ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่และช่วงเวลา
การใช้งานกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ)
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่ จากกล้องหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ ไม่เปิดเอฟเฟกต์บิวตี้ใดๆ
ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิดเอฟเฟกต์บิวตี้ระดับ 8 (สูงสุด)
สรุปผลการทดสอบของ Samsung Galaxy A01 Core
แม้ว่า Samsung Galaxy A01 Core จะเป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่มีคุณสมบัติไม่สูง และไม่ได้ใช้วัสดุพรีเมียม แต่ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างน่าประทับใจ เริ่มจากการออกแบบตัวเครื่องที่เลือกใช้ฝาหลังที่เป็นพลาสติกผิวด้าน จึงไม่เป็นรอยนิ้วมือ และไม่ลื่นเหมือนกระจก ทำให้เราไม่ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ สามารถหยิบจับใช้งานได้ถนัดมือโดยไม่ต้องระวังมากนัก นอกจากนี้ ฝาหลังที่แกะออกไม่ได้ ยังทำให้งานประกอบแน่นหนาขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าทำตกพื้นแล้วแบตเตอรี่จะกระเด็นออกมา อีกทั้งยังช่วยให้ถอด หรือใส่ซิมการ์ดได้สะดวกขึ้น เพราะไม่ต้องแกะฝาหลังกับแบตเตอรี่ออกก่อนเหมือนสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นรุ่นอื่นๆ
ด้านการใช้งาน Samsung Galaxy A01 Core สามารถตอบสนองได้รวดเร็วพอสมควร แม้อาจจะไม่ได้เร็วแบบปุบปับ แต่ไม่กระตุกให้หงุดหงิดแน่นอน เพราะใช้ระบบปฏิบัติการ Android 10 (Go Edition) ซึ่งประหยัดทรัพยากรกว่าเวอร์ชันปกติ หากเป็นการใช้งานทั่วไปอย่างการดู YouTube, เล่น LINE, เล่น Facebook, หรือดูรูปในเครื่อง ไม่มีปัญหาแน่นอน และยังสามารถเล่นเกมฆ่าเวลาเล็กๆ น้อยๆ ได้ด้วย แต่ก็คงไม่เหมาะกับการนำไปเล่นเกมแบบจริงจัง เพราะหน่วยความจำภายในตัวเครื่องค่อนข้างน้อย และจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น
ด้านการถ่ายรูป Samsung Galaxy A01 Core มากับฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ในระดับพื้นฐาน คือทำได้แค่ถ่ายรูปนิ่งด้วยโหมดอัตโนมัติ และถ่ายวิดีโอเท่านั้น ไม่มีลูกเล่นหน้าชัดหลังเบลอ หรือโหมดพิเศษอื่นใด อีกทั้งยังไม่มีฟังก์ชัน HDR ให้ใช้ อย่างไรก็ตาม คุณภาพของรูปถ่ายถือว่าค่อนข้างดีทีเดียวเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในระดับเดียวกัน สามารถนำไปถ่ายรูประหว่างทำงานได้ เช่น ถ่ายตัวอย่างสินค้า, หน้างาน, เอกสาร และอื่นๆ แต่จะติดขัดสักหน่อยเมื่อถ่ายในที่มืดครับ
ทั้งนี้ กล้องหน้าของ Samsung Galaxy A01 Core จะมีเอฟเฟกต์บิวตี้มาให้ด้วย และมีคุณภาพค่อนข้างน่าพอใจ แต่ไม่มีเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง หรือโบเก้ ด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ Samsung Galaxy A01 Core จึงถือเป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นราคาประหยัดที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ดี มีความทนทาน เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัยที่ต้องการมือถือราคาไม่แพง แต่วางใจได้เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน หรือผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องสำรองครับ Samsung Galaxy A01 Core วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ววันนี้ที่ร้าน Samsung Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อยได้แก่ รุ่น RAM 1GB+ROM 16GB ราคา 2,500 บาท และรุ่น RAM 2GB+ROM 32GB ราคา 2,899 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Black และ สีน้ำเงิน Blue สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณ Samsung ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Samsung Galaxy A01 Core มาให้ทางทีมงานได้รีวิวกันในโอกาสนี้ด้วยครับ
จุดเด่นของ Samsung Galaxy A01 Core
- ดีไซน์เรียบง่าย มีลวดลายทันสมัยสะดุดตา งานประกอบแน่นหนา แข็งแรงทนทาน - ฝาหลังไม่เป็นรอยนิ้วมือ และไม่ลื่น - ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดบางเบา สามารถใส่ในกระเป๋าเสื้อได้ โดยมีขนาด 141.7x67.5x8.6 มิลลิเมตร และน้ำหนักที่ 150 กรัม - หน้าจอแสดงผล PLS TFT LCD ขนาด 5.3 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (1480x720 พิกเซล) สู้แสงได้ค่อนข้างดี - ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek MT6739 แบบ 4 แกน (Quad-Core) ความเร็ว 1.5 GHz - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) PowerVR GE8100 - หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 1GB หรือ 2GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 16GB หรือ 32 GB - รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD ได้สูงสุดขนาด 512 GB - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 (Go Edition)ที่สามารถทำงานทำงานได้ลื่นไหลแม้คุณสมบัติการด้านประมวลผลจะไม่สูง - กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.2 , ไฟแฟลชในตัว, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ที่อัตราเฟรมเรต 30 fps - กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4 และมีเอฟเฟกต์บิวตี้ให้ใช้งาน - ช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร - แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh - พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB (USB 2.0) - รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi 802.11 b/g/n 2.4GHz - รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 - รองรับการใช้งานระบบดาวเทียม GPS, A-GPS และ Glonass - รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual Nano SIM) ด้วยถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot - มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก ได้แก่ สีดำ Black และ สีน้ำเงิน Blue - ราคา 2,500 บาท (รุ่น RAM 1GB+ROM 16GB) กับ 2,899 บาท (รุ่น RAM 2GB+ROM 32GB) ถือว่าเป็นราคาที่ประหยัดคุ้มค่า สามารถตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy A01 Core
- ไม่มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และระบบสแกนใบหน้า - เนื่องจากเป็น Android 10 (Go Edition) ฟีเจอร์หลายอย่างจึงถูกตัดออกไป - กล้องมีแค่ฟังก์ชันถ่ายภาพพื้นฐาน - พอร์ตเชื่อมต่อยังไม่ใช่แบบ USB Type-C
