รีวิว vivo TWS Neo หูฟังไร้สายคุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ โชว์ดีไซน์สวย บวกฟีเจอร์ล้ำสดใหม่ ในราคาไม่ถึง 3 พันบาท:: Thaimobilecenter.com

หูฟังไร้สายคุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ โชว์ดีไซน์สวย บวกฟีเจอร์ล้ำสดใหม่ ในราคาไม่ถึง 3 พันบาท ด้วยไดรเวอร์ใหญ่ 14.2 มิลลิเมตร ผสานขดลวดทองแดง Daikoku ให้ไพเราะทุกย่านเสียง, ระบบ AI Dynamic, ความหน่วงต่ำ 88ms, สั่งงานระบบสัมผัส, Bluetooth 5.2 และส่งสัญญาณแบบ Dual Channel 2.0 บนบอดี้เบาใส่สบายกันน้ำได้ระดับ IP54 ในราคาคุ้มค่าเพียง 2,999 บาท

22 กรกฎาคม 2020 - ช่วงหลังมานี้แบรนด์สมาร์ทโฟนหลายๆ เจ้าเริ่มจะขยาย ecosystem ของตัวเองด้วยการเปิดตัวอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาสมาร์ทวอทช์, สมาร์ทแบนด์, หูฟัง ไปจนถึงแกดเจ็ตอื่นๆ และเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา หนึ่งในแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Vivo ก็ได้เปิดตัวหูฟังไร้สายแบบ True Wireless (TWS) รุ่นดาวเด่นประจำค่ายออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในชื่อ Vivo TWS Neo โดยเปิดราคามาเพียง 2,999 บาท เท่านั้นครับ

Vivo TWS Neo เป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ที่มากับคุณสมบัติครบเครื่องเกินราคา โดยมากับไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ถึง 14.2 มิลลิเมตร ซึ่งใหญ่กว่าหูฟัง TWS หลายๆ รุ่นในตลาด โดยใช้ขดลวดทองแดงคุณภาพสูงจาก Daikoku ประเทศญี่ปุ่นช่วยในการขับเสียง ทำให้ได้เสียงที่คมชัด สมจริง ราวกับอยู่ในสตูดิโอ ขณะเดียวกัน ยังใช้ชิปเซ็ต Qualcomm เจเนอเรชั่น 4 ที่รองรับการเข้ารหัสเสียงแบบ aptX Adaptive สามารถเก็บรายละเอียดของเนื้อเสียงได้มากกว่าหูฟังไร้สายทั่วไป 1.5 เท่า จึงให้เสียงที่ละเอียดเทียบเท่าต้นฉบับ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Deep X ที่ใช้หลักการสร้างเสียงแบบ Deep Field ทำให้หูฟังสามารถปรับเอฟเฟกต์เสียงได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Mega Bass สำหรับขับเสียงเบสให้หนักแน่นขึ้น, Clear Voice สำหรับขับเสียงร้องให้พุ่ง ฟังมีมวล และ Clear High Pitch สำหรับขับเสียงย่านสูงให้ชัดใส ไม่บาดหู

จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของ Vivo TWS Neo คือ ค่าความหน่วงของเสียง (Latency) ที่ต่ำเพียง 88 ms เท่านั้น ทำให้เสียงมาตรงจังหวะ ไม่ดีเลย์ขณะใช้งาน จึงดูหนัง และเล่นเกมได้แบบไม่เสียอรรถรส เท่านั้นยังไม่พอ ยังมี ระบบ AI Dynamic ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนด้วยไมโครโฟน 2 ตัว ทำให้เสียงพูดของเราชัดเจนยิ่งขึ้นขณะคุยสาย ไม่ต้องตะโกนให้เจ็บคอเมื่อใช้งานในสถานที่ที่มีบรรยากาศจอแจ

ด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้น กับราคาเปิดตัวอันย่อมเยา เชื่อว่าหลายคนคงจะเริ่มสนใจหูฟังรุ่นนี้กันแล้ว แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อ มาติดตามดูรีวิวจากการใช้งานจริงของเรากันก่อนดีกว่าครับ

หูฟังแบบ Half in-ear

ขนาดหูฟัง 33.9 x 18.6 x 16.5 mm

ขนาดเคสชาร์จ 58.1 x 51.6 x 24.0 mm

น้ำหนักรวมเคสชาร์จ 45.7 กรัม

น้ำหนักหูฟัง 4.7 กรัม

คุณสมบัติของการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นในระดับ IP54

ไดรเวอร์ไดนามิก 14.2 mm

คลื่นความถี่ 20Hz - 20000Hz

การเข้ารหัสเสียง aptX Adaptive/AAC/SBC

ไมโครโฟนคู่

รองรับ Two-Ear Voice Calss

ระบบตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ

เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ Dual-Channel Transmission 2.0

Latency ต่ำสุด 88 ms

เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2

ระบบควบคุมแบบสัมผัสบนตัวหูฟัง

รองรับ Google Assistant

ระบบติดตามหูฟังสูญหาย Find My TWS Neo

พอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C

แบตเตอรี่หูฟังความจุ 27 mAh (2 ข้าง)

แบตเตอรี่เคสชาร์จความจุ 415 mAh

ใช้งานได้ 4.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

ใช้งานได้ 22.5 ชั่วโมงเมื่อใช้คู่กับเคสชาร์จ

มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Moonlight White และ สีน้ำเงิน Starry Blue

Vivo TWS Neo มาในเคสชาร์จรูปทรงโค้งมนรอบด้าน ผิวสัมผัสมันเงาดูพรีเมียมสวยงาม ด้านหน้ามีไฟ LED สำหรับแสดงสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ของตัวหูฟัง และปุ่มควบคุมสำหรับควบคุมการเชื่อมต่อ Bluetooth ส่วนใต้ตัวเคสจะมีพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ โดยสายชาร์จจะแถมมาให้ในกล่องอยู่แล้ว

เมื่อเปิดฝาเคสออก จะพบกับหูฟัง Vivo TWS Neo อยู่ด้านใน ซึ่งยึดติดกับตัวเคสด้วยแม่เหล็ก ช่วยให้หูฟังไม่หลุดจากเคสโดยง่าย

ตัวหูฟัง Vivo TWS Neo มีดีไซน์ที่เรียบง่าย และมีน้ำหนักเบาเพียง 4.7 กรัมเท่านั้น โดยมีผิวสัมผัสมันเงาเหมือนกับตัวเคส ภายในมีไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ถึง 14.2 มิลลิเมตร โดยใช้แผ่นไดอะเฟรมแบบ Bio-fiber Composite ที่ช่วยขับเสียงย่านกลาง และย่านสูงให้นุ่มนวล ไม่บาดหู พร้อมด้วยขดลวดทองแดงบริสุทธิ์คุณภาพสูงจาก Daikoku ประเทศญี่ปุ่น ช่วยขับเสียงในย่านต่ำให้กระหึ่มยิ่งขึ้น

Vivo TWS Neo มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีน้ำเงินเข้ม Starry Blue และ สีขาว Moonlight White

Vivo TWS Neo เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยสัญญาณ Bluetooth ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ใดๆ เพิ่มเติม โดยมีขั้นตอนดังนี้ :

- เปิด Bluetooth ในสมาร์ทโฟน - เปิดฝาเคส Vivo TWS Neo ค้างไว้ แล้วกดปุ่มตรงกลางค้างไว้ประมาณ 2 วินาทีจนไฟสถานะกะพริบเป็นสีขาว หูฟังจะเริ่มค้นหาสัญญาณ Bluetooth ในระยะทันที - ไปที่หน้า Bluetooth ของสมาร์ทโฟน แล้วเลือกเชื่อมต่อกับ Vivo TWS Neo

Vivo TWS Neo จะจดจำสมาร์ทโฟนที่เคยเชื่อมต่อไว้ในการเชื่อมต่อครั้งต่อๆ ไป เพียงแค่เปิดฝาเคส หูฟังก็จะทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนโฟนทันที

สำหรับใครที่ใช้สมาร์ทโฟน Vivo จะมีฟังก์ชัน Quick Pairing ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อหูฟัง Vivo TWS Neo กับสมาร์ทโฟนในครั้งแรกง่ายขึ้นไปอีก โดยสมาร์ทโฟน Vivo จะตรวจหาหูฟังและเตรียมจับคู่โดยอัตโนมัติ เพียงแค่เรากด “เชื่อมต่อ” ก็พร้อมใช้งานทันที ส่วนการเชื่อมต่อครั้งต่อๆ ไป เพียงแค่เปิดฝาเคส หูฟังก็จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทันทีครับ

สำหรับการควบคุมสั่งการ จะใช้ระบบสัมผัสบนตัวหูฟังทั้งสองข้าง โดยมีวิธีการควบคุมดังนี้ :

- เลื่อนขึ้น - ลง เพื่อปรับระดับเสียงได้ - แตะ 1 ครั้ง เพื่อหยุด / เล่นเพลง และใช้รับสายโทรศัพท์ หรือวางสาย - แตะ 2 ครั้ง เพื่อไปเพลงถัดไป หรือกลับไปเพลงที่แล้ว / เรียกใช้ผู้ช่วย Google Assistant หรือ Jovi (เฉพาะสมาร์ทโฟน Vivo)

ใครที่ใช้สมาร์ทโฟน Vivo จะสามารถปรับเอฟเฟกต์เสียงหูฟังจากระบบ Deep X ได้ 3 แบบ ได้แก่ เสียงร้อง, เสียงสูง และเสียงเบส โดยไปที่ การตั้งค่า > บลูทูธ > Vivo TWS Neo

เมื่อถอดหูฟังระหว่างใช้งาน เพลงจะหยุดเล่นโดยอัตโนมัติ และระบบสัมผัสบนตัวหูฟังจะทำงานก็ต่อเมื่อหูฟังอยู่ในหูเราเท่านั้น จึงไม่ต้องกลัวว่าจะไปสั่งการโดยไม่ตั้งใจ ทั้งนี้ หากเราอยู่ห่างจากสมาร์ทโฟนจนการเชื่อมต่อหลุด เมื่อกลับเข้าสู่ระยะของสัญญาณบลูทูธอีกครั้งใน 10 นาที หูฟังจะกลับไปเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ

หูฟัง Vivo TWS Neo สามารถใช้งานได้ประมาณ 4.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เมื่อเก็บหูฟังเข้าไปในเคส ตัวเคสจะเริ่มชาร์จหูฟังทันที เป็นกระบวนการชาร์จซ้ำ และใช้งานต่อได้อีกรวมๆ แล้วประมาณ 22.5 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าอึดพอสมควร โดยระหว่างชาร์จ ไฟสถานะจะแสดงเป็นสีส้ม และจะดับลงเมื่อชาร์จเต็มครับ

เมื่อเปิดฝาเคสในขณะที่มีหูฟังทั้งสองข้างอยู่ข้างใน ไฟสถานะจะบอกแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ของหูฟัง ถ้าเอาหูฟังออกจากเคส ไฟสถานะจะบอกปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ของเคสชาร์จแทน โดย ไฟสีส้มหมายถึงแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 50% ส่วน ไฟสีเขียวหมายถึงแบตเตอรี่เหลือมากกว่า 50%

Vivo TWS Neo ค่อนข้างได้เปรียบหูฟัง TWS รุ่นอื่นๆ ด้วยขนาดไดรเวอร์เสียงที่ใหญ่กว่า ซึ่งคุณภาพเสียงที่ออกมาก็ถือว่าดีทีเดียว โดยสามารถเก็บรายละเอียดเสียงเครื่องดนตรีได้ครบถ้วน แยกเสียงซ้าย-ขวาได้ชัดเจน เสียงมีมิติพอสมควร และไม่มีดีเลย์ โดยเสียงและภาพสามารถซิงค์กันได้อย่างสมบูรณ์ไม่ว่าจะเล่นเกมหรือดูหนัง นับว่าทำได้ดีจริงอย่างที่พูดไว้ สะท้อนให้เห็นว่า Vivo ยังไม่ทิ้งจุดเด่นเรื่องเสียงในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง โดยรวมแล้วไม่ทำให้ผิดหวังครับ

จากที่ทีมงานของเราได้ทดลองใช้หูฟัง Vivo TWS Neo มาระยะหนึ่ง พูดได้ว่าไม่ผิดหวังเลยสำหรับหูฟังรุ่นนี้ ตั้งแต่ดีไซน์โค้งมนที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ผนวกเข้ากับความมันเงาของผิวสัมผัส ทำให้เคสหูฟัง Vivo TWS Neo ดูสวยงามน่าใช้ และ เข้ากันได้กับสไตล์การแต่งตัวของทั้งผู้หญิง และผู้ชาย อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบาเพียง 4.7 กรัม จึงสวมใส่ได้อย่างสบายหู ส่วนคุณภาพเสียงเรียกได้ว่าน่าประทับใจ โดยสามารถเก็บรายละเอียดเสียงเครื่องดนตรีได้ครบถ้วน แยกเสียงซ้าย-ขวาได้ชัดเจน เสียงมีมิติพอสมควร มีความทุ้มหนักแน่นใช้ได้ และไม่มีดีเลย์ โดยเสียงและภาพสามารถซิงค์กันได้อย่างสมบูรณ์ไม่ว่าจะเล่นเกม หรือดูหนัง เมื่อเทียบกับราคา 2,999 บาท แล้ว ถือว่าคุ้มค่าน่าใช้ครับ

อย่างไรก็ตาม Vivo TWS Neo มีจุดที่ต้องพิจารณาอยู่ นั่นคือข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์ ที่บางฟีเจอร์จะต้องใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟน Vivo รุ่นใหม่ๆ เท่านั้น เช่นการปรับเอฟเฟกต์เสียง Deep X ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายพอสมควรครับ

Vivo TWS Neo วางจำหน่ายแล้วในราคา 2,999 บาท สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ Vivo Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั้ง BaNANA, CSC, IT CITY, TG FONE, Jaymart, Maxlink, IBIZ, PTE, Stamp, Team, Boonchai และ Advice รวมถึงช่องทางออนไลน์บน LAZADA และ Shopee ครับ

- ไดรเวอร์ขนาดใหญ่กว่าหูฟัง TWS รุ่นอื่นๆ ในตลาด (14.2 มม.) - โครงสร้างฮาร์ดแวร์ภายในคุณภาพสูง ได้แก่ Bio-fiber Composite Diaphragm, ขดลวดทองแดง Daikoku, Flexible Printed Circuit, วงจรแม่เหล็กคอมโพสิต, ไดอะแฟรมคอมโพสิตจากโดมไททาเนียม และหุ้มด้วยแมกนาเลีย - ตัวหูฟังมีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นในระดับ IP54 - น้ำหนักเบาเพียง 4.7 กรัม สวมใส่สบาย - ความหน่วง (Latency) ต่ำเพียง 88 ms ไม่มีดีเลย์ขณะใช้งาน - ระบบ AI Dynamic พร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ SmartSound - คุณภาพเสียงระดับ CD Audio เบสดี, เสียงกลางชัด และเสียงสูงใส - มีระบบติดตามหูฟังหาย Find My TWS Neo - รองรับการเข้ารหัสแบบ aptX - เอฟเฟกต์เสียง Deep X ที่ให้เสียงคมชัด มีมิติสมจริงทุกย่านเสียง - การสั่งงานด้วยระบบสัมผัส - รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooh 5.2 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด - ระบบการส่งสัญญาณแบบ Dual Channel 2.0 - ฟังก์ชัน Find My TWS Neo - เชื่อมต่อง่าย ไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ เพิ่มเติม - ใช้งานได้ทั้งสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android และ iOS - มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก ได้แก่ สีขาว Moonlight White และสีน้ำเงิน Starry Blue - ราคา 2,999 บาท ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

Leave a Comment