รีวิว Vivo V20 กล้องหน้า 44MP มีชาร์จไว 33W จัดหนักจอ AMOLED บวก Android 11 รุ่นแรกในไทย ในราคาหมื่นต้นๆ :: Thaimobilecenter.com vivo V20

สมาร์ทโฟนกล้องหน้า 44MP มีชาร์จไว 33W จัดหนักจอ AMOLED บวก Android 11 รุ่นแรกในไทย ในราคาหมื่นต้นๆ ด้วยกล้องหน้า Eye Autofocus 44MP ผสาน 3 กล้องหลัง 64MP, จอ AMOLED ใหญ่ 6.44 นิ้ว กับสแกนนิ้วบนจอ, ชิปเซ็ต Snapdragon 720G, RAM 8GB+ROM 128GB, แบตเตอรี่ 33W FlashCharge จุใจ 4000 mAh และใส่ Android 11 เป็นรุ่นแรก บนบอดี้ AG Matt Glass สุดบางเฉียบ ในราคา 11,999 บาท

23 ตุลาคม 2020 - เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา Vivo เพิ่งจะเปิดตัวสมาร์ทโฟน Vivo V20 Pro 5G ด้วยราคาเบาๆ เพียง 14,999 บาท ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากตลาดไปไม่น้อย พร้อมทั้งได้รับเสียงชื่นชมจากหลายๆ สื่อในเรื่องของดีไซน์ และกล้อง ที่ทำได้ดีไม่แพ้สมาร์ทโฟนคู่แข่งรุ่นอื่นๆ ในระดับราคาเดียวกัน ล่าสุด Vivo ก็ได้ส่งรุ่นน้องอย่าง Vivo V20 ตามออกมาด้วยอีกรุ่นหนึ่ง เพื่อให้เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการ สมาร์ทโฟนที่มากับกล้องหน้าชั้นดี มีฟีเจอร์ครบเครื่องสดใหม่ ในราคาที่ย่อมเยากว่า ซึ่งเราจะนำมารีวิวให้ชมกันในครั้งนี้ครับ

Vivo V20 เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ ถอดคุณสมบัติเด่นๆ มาจาก V20 Pro เกือบทั้งหมด แต่ลดสเปกลงมาเล็กน้อย และรองรับเฉพาะ 4G LTE โดยมีจุดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่สวยสะดุดตา และคุณสมบัติการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับเดียวกัน

ฝาหลังของ Vivo V20 เป็นแบบผิวด้านซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยี AG Matte Glass และเทคโนโลยี AF ช่วยป้องกันรอยนิ้วมือเหมือนกับรุ่น Pro จึงดูหรูหราสวยงามไม่แพ้กัน ส่วนด้านหน้าเป็นหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ ที่ให้สีสันสดใสด้วยค่าคอนทราสต์ 2,000,000:1 จึงสามารถถ่ายทอดคอนเทนต์ภาพยนตร์ และเกมออกมาได้อย่างคมชัดตระการตา

ในเชิงประสิทธิภาพ Vivo V20 ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 720G ซึ่งเป็นชิปเซ็ตระดับกลาง พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB สามารถรองรับการใช้งานทุกประเภทได้อย่างราบรื่นไม่ว่าจะดูหนัง, ฟังเพลง, เล่นเกม หรือถ่ายรูป โดยมีหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB สำหรับติดตั้งแอปพลิเคชัน และเก็บไฟล์ต่างๆ รวมทั้งรองรับการเพิ่มหน่วยความจำด้วยการ์ด microSD พร้อมด้วยแบตเตอรี่ความจุ 4000mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 33W Vivo FlashCharge 2.0 ให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องตลอดวัน และที่น่าสนใจคือ Vivo V20 ยัง เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกๆ ในวงการที่มากับระบบปฏิบัติการ Android 11 ตั้งแต่แกะกล่อง อีกด้วย

สำหรับการถ่ายรูป Vivo V20 จัดเต็มทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง โดยเป็นกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 44 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Eye Autofocus Selfie ที่จับโฟกัสจากดวงตา ช่วยให้ภาพเซลฟี่มีรายละเอียดคมกริบในทุกสภาพแสง และชุดกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ที่ประกอบด้วยกล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล , กล้อง Multi-Function 8 ล้านพิกเซล และกล้อง Mono 2 ล้านพิกเซล ที่ครอบคลุมการถ่ายรูปทุกระยะทั้งแบบมุมกว้าง, มาโคร และโบเก้ โดยมี Super Night Mode หรือโหมดถ่ายภาพกลางคืนช่วยขับเน้นความสวยงามของแสงไฟยามค่ำคืนได้อย่างน่าประทับใจ และยังสร้างความแปลกใหม่ให้กับรูปถ่ายได้ด้วยฟิลเตอร์สำหรับภาพถ่ายกลางคืนหลากหลายรูปแบบ

ทั้งหมดนี้เป็นแค่ไฮไลท์ส่วนหนึ่งของ Vivo V20 เท่านั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปชมความสามารถเต็มๆ ของ Vivo V20 กันเลยดีกว่าครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Vivo V20 มาในดีไซน์หน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำ โดยเป็นหน้าจอแสดงผลประเภท AMOLED อัตราส่วน 20:9 กว้าง 6.44 นิ้ว มีความละเอียดสูงสุดระดับ FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) พื้นที่แสดงผลครอบคลุมพื้นที่ 83.7% ของตัวเครื่องด้านหน้า กล้องดิจิทัลด้านหน้ามีความละเอียด 44 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/2.0 หน้าจอมีการติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาให้จากโรงงาน และรองรับการสแกนนิ้วใต้หน้าจอ

ฝาหลังของ Vivo V20 เป็นกระจกผิวด้านที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี AG Matte Glass สามารถแสดงสีสันที่แตกต่างกันออกไปตามมุมตกกระทบของแสง และป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือได้ สำหรับเครื่องที่เรานำมารีวิวในครั้งนี้เป็นสี Sunset Melody ซึ่งเป็นสีที่ทาง Vivo ออกแบบโดยมีแรงบันดาบใจมาจากท้องฟ้ายามเย็น

กล้องหลังของ Vivo V20 เป็นชุดกล้อง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วย :

- กล้องหลัก ( Wide ) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.89 - กล้อง Multi-Function ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาดf/2.2, รองรับการถ่ายรูปมุมกว้างแบบ Super-Wide Angle มุมรับภาพ 120องศา และรองรับการถ่ายรูปแบบ Macro ที่ระยะโฟกัสใกล้สุด 2.5 เซนติเมตร - กล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4

ปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียงจะอยู่ที่ด้านขวาของตัวเครื่อง ส่วนด้านซ้ายเยื้องไปด้านบนจะมีช่องใส่ซิมการ์ด ซึ่งเป็นแบบ Triple Slot สามารถใส่ซิมการ์ดแบบ Nano-SIM 2 ซิม และ MicroSD Card อีก 1 ตัวได้พร้อมกัน

Vivo V20 ใช้พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ และโอนถ่ายข้อมูล โดยตัวเครื่องมีแบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh และมีช่องลำโพง, ไมโครโฟน และช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ส่วนด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน

เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์

Vivo V20 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกๆ ของวงการที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11 เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งมีการปรับปรุงดีไซน์ของอินเทอร์เฟซให้ดูเรียบง่าย และเป็นระเบียบยิ่งขึ้น ในสไตล์แบบ Flat Art

เมื่อปัดนิ้วจากด้านบนลงมาจะเป็นการเปิด แผงแจ้งเตือน โดยมีทางลัดสำหรับการตั้งค่าที่ใช้บ่อยๆ เช่น Wi-Fi, โหมดเงียบ, Bluetooth, หมุนจออัตโนมัติ, ปรับความสว่างหน้าจอ เป็นต้น และมีฟังก์ชั่นการบันทึกวิดีโอหน้าจอมาให้ด้วย ส่วนด้านล่างจะแสดงแถบแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันต่างๆ

หากปัดนิ้วลงมาอีกครั้งจะเป็นการขยายเมนูทางลัด เมื่อกดที่ไอคอนรูปปากกาและกระดาษที่มุมซ้ายล่าง จะเข้าสู่เมนู ปรับ แต่งการ์ด โดย เราสามารถเลือกไอคอนการตั้งค่าที่เราต้องการเข้ามาไว้ในแผงการแจ้งเตือนได้ตามใจชอบ

เมื่ออยู่ที่หน้าจอเริ่มต้น หากปัดนิ้วจากขอบจอด้านล่างขึ้นมาจะเป็นการเปิดหน้า ลิ้นชัก ซึ่งจะแสดงรายการแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ติดตั้งไว้ในเครื่อง

สำหรับแอปพลิเคชันของ Google ที่ติดตั้งมาในเครื่องก็เป็นเวอร์ชั่นใหม่เช่นกัน และมีแอปพลิเคชันใหม่อย่าง YT Music และ Google One ด้วย

สำหรับฟังก์ชันสำคัญอย่างการโทร ยังคงมีหน้าอินเตอร์เฟซที่สะอาดเรียบง่าย และไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเวอร์ชันก่อนมากนัก

เมื่อกดค้างลงบนพื้นที่ว่างบนหน้าจอหลัก จะมีเมนูสำหรับการปรับแต่งหน้าจอปรากฏขึ้น ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าเกี่ยวกับหน้าจอเริ่มต้น, เปลี่ยนภาพพื้นหลัง และวิดเจ็ตได้

หากรู้สึกเบื่อกับหน้าจอเดิมๆ เราสามารถเข้าไปยัง ธีม เพื่อดาวน์โหลดภาพพื้นหลัง, ธีม และรูปแบบอักษรใหม่ๆ ได้ มีทั้งที่ดาวน์โหลดฟรี และแบบเสียเงิน โดยจะมีราคาแจ้งไว้ชัดเจนทุกรายการ

ในส่วนการตั้งค่าหน้าจอ ยังมี ธีมมืด ที่จะเปลี่ยนโทนสีของหน้าจอให้มืดลง ช่วยถนอมสายตาเมื่อใช้งานในเวลากลางคืน

หากรู้สึกว่าสีสันบนหน้าจอไม่ตรง หรือไม่ถูกใจ สามารถเข้ามาปรับแต่งได้เองในหน้าการตั้งค่า

หรือถ้ารู้สึกว่าตัวอักษรเล็กเกินไป มองไม่ค่อยเห็น ก็สามารถเข้ามาปรับขนาดได้เช่นกัน

และยังเลือกซื้อฟอนต์ใหม่ๆ ในร้านค้าธีมมาใช้งานได้ด้วย โดยจะมีราคาอยู่ที่ 20-55 บาท

นอกจากการตั้งค่าหน้าจอทั่วไปแล้ว Vivo V20 ยังมีฟีเจอร์การรักษาหน้าจอ หรือ Screen Saver ช่วยป้องกันไม่ให้จอ AMOLED เกิดอาการ Burn-In โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดงเป็นนาฬิกา หรือภาพสไลด์จาก Google Photos

ในด้านความปลอดภัย Vivo V20 รองรับทั้งการสแกนใบหน้าและลายนิ้วมือ โดยตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่บนหน้าจอ ใกล้กับขอบล่างของตัวเครื่อง เหมาะกับการสแกนด้วยนิ้วโป้งข้างขวา

Vivo V20 มีแอปพลิเคชัน iManager สำหรับปรับปรุงสมรรถนะของตัวเครื่องให้รวดเร็วอยู่เสมอ โดยสามารถล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็น, สแกนไวรัส, ตรวจสอบการใช้ข้อมูลเน็ต, จัดการแอปพลิเคชัน และอื่นๆ  เมื่อเปิดแอปขึ้นมา ตัวแอปจะตรวจสอบสถานะการทำงานของระบบทันที หากผลการประเมินต่ำกว่า 100 เราสามารถสั่งให้ระบบจัดการโดยอัตโนมัติได้ในปุ่มเดียว ซึ่งใช้เวลาจัดการไม่นาน

ในเมนู ล้างพื้นที่ จะแสดงการใช้งานหน่วยความจำภายใน และตัวเลือกในการล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็น เมื่อกดปุ่ม ล้างข้อมูล ทั้งหมด ระบบจะลบไฟล์ขยะทั้งหมดทันที การลบไฟล์เหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตัวเครื่องแต่อย่างใด

ในเมนู การตรวจสอบความปลอดภัย จะเป็นการสแกนหาช่องโหว่ในระบบและมัลแวร์ต่างๆ

ในเมนู ปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ต จะแสดงปริมาณดาต้าอินเทอร์เน็ตที่เราใช้ไปทั้งหมด ทั้งแบบ LTE และ Wi-Fi พร้อมทั้งแสดงสถิติการใช้ปริมาณดาต้าของแต่ละแอปพลิเคชันด้วย

เมนู แอปและการแจ้งเตือน เป็นเมนูการจัดการเกี่ยวกับแอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึงแสดงสถิติการใช้งาน และระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละวัน

นอกจากเมนูหลักข้างต้นแล้ว ยังมีเมนูอื่นๆ ใน เครื่องมือยูทิลิ ตี้ ให้ใช้งานด้วย ซึ่งเมนูการตั้งค่าของ Ultra Game Mode จะอยู่ในนี้

Ultra Game Mode คือฟีเจอร์สนับสนุนการเล่นเกมของ Vivo ที่นอกจากจะปิดกั้นการแจ้งเตือน และการโทรระหว่างเล่นได้แล้ว ยังตั้งค่าการสั่น และคุณภาพเสียงเอฟเฟกต์ในเกมได้ด้วย

โหมด E-Sport จะเป็นโหมดที่ Vivo ใช้ในการแข่งขัน E-Sport เกม RoV โดยจะปิดกั้นการแจ้งเตือน, ปิดเกสเจอร์ท่าทาง และล็อคความสว่างหน้าจอ เพื่อให้การเล่นเกมถูกรบกวนน้อยที่สุด

แอปพลิเคชันแกลเลอรีของ Vivo V20 นอกจากจะใช้ดูรูปภาพแล้ว ยังมีลูกเล่นแต่งภาพเยอะมากอีกด้วย โดยทำได้แทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นคร็อปตัด, หมุน, ใส่ฟิลเตอร์, ปรับความเบลอ, ใส่เอฟเฟกต์ต่างๆ เป็นต้น

ที่น่าสนใจก็คือ ในเวอร์ชันนี้มีฟีเจอร์ การตัดพื้นหลังโดย อัตโนมัติ ให้ใช้งานด้วย

ระบบจะวิเคราะห์ภาพ และแยกวัตถุด้านหน้ากับพื้นหลังออกจากกัน ทำให้เราปรับแต่งภาพเฉพาะวัตถุหรือฉากหลังได้ ซึ่งระบบสามารถแยกแยะวัตถุออกจากฉากหลังได้อย่างแนบเนียนทีเดียว

และยังมีภาพพื้นหลังสำเร็จรูปหลายแบบให้เลือกใช้ด้วย

ลูกเล่นอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ ซ่อมแซม ซึ่งสามารถคืนความละเอียดให้กับรูปถ่ายเก่าๆ ที่พร่ามัวได้ โดยระบบจะทำงานโดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องควบคุม หรือตั้งค่าใดๆ เพิ่มเติม

จากการทดลองใช้ ฟีเจอร์นี้จะทำให้ใบหน้าในภาพชัดขึ้น และแก้ไขสีสันของภาพโดยรวมเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่มีประโยชน์ และยังไม่มีในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ครับ

ด้านความบันเทิง Vivo V20 มีแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลงติดตั้งมาให้แล้ว ซึ่งก็มีอินเทอร์เฟซการใช้งานที่เข้าใจได้ไม่ยาก และมีฟังก์ชันการใช้งานครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นตั้งค่าการสับเปลี่ยนเพลง, วนซ้ำ, ดูเพลย์ลิสต์, ตั้งเป็นเสียงเรียกเข้า เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ยังมีเอฟเฟกต์เสียง DeepField ที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับเสียงเพลง, เพิ่มเบส และปรับ Equalizer ได้

สำหรับการเล่นไฟล์วิดีโอก็มีเครื่องเล่นของตัวเองติดตั้งมาให้แล้วเช่นกัน โดยมีปุ่มลัดในการล็อกการสัมผัสหน้าจอ (รูปแม่กุญแจทางซ้าย), ภ่ายสกรีนช็อต (ปุ่มสี่เหลี่ยมทางขวา), เปิดหน้าตางลอย (ไอคอนสี่เหลี่ยมมุมซ้ายล่าง) และ แผงควบคุมทั่วไป ส่วนการตั้งค่าอื่นๆ จะอยู่ที่ไอคอนไข่ปลา 3 จุดมุมขวาบน

ในเมนูการตั้งค่าเพิ่มเติม จะมีให้ปรับความสว่างของจอ, ปรับสัดส่วนภาพ, ปรับความเร็วในการเล่น และเปิด/ปิดซับไตเติ้ล (เฉพาะวิดีโอที่มีซับไตเติ้ลติดมา)

สำหรับการเล่นเกม Vivo V20 มี Ultra Game Mode ช่วยเร่งประสิทธิภาพของตัวเครื่องขณะเล่นเกม และปิดกัเนการแจ้งเตือนต่างๆ สามารถตั้งค่าแยกแต่ละเกมได้อย่างละเอียด และเพิ่มแอปพลิเคชันที่ไม่ใช่เกมเข้ามาใน Ultra Game Mode เพื่อใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ได้ด้วย

ขณะเล่นเกม เราสามารถเรียกเมนูลัดออกมาได้ด้วยการลากนิ้วจากขอบจอด้านซ้ายไปทางขวา เพื่อตั้งค่าการปิดกั้นระหว่างเล่นเกมได้อย่างรวดเร็ว

ในการทดสอบประสิทธิภาพการเล่นเกมของ Vivo V20 ทางทีมงานได้เลือกทดสอบด้วยเกม 3 เกม ได้แก่ LoL : Wild Rift, PUBG Mobile และ Genshin Impact โดยตั้งค่ากราฟิกของตัวเกมไว้ดังนี้ :

การตั้งค่าเกม LoL : Wild Rift

การตั้งค่าเกม PUBG Mobile

การตั้งค่าเกม Genshin Impact

หลังจากที่ทางทีมงานได้ลองเล่นทั้ง 3 เกมอย่างต่อเนื่องราว 2 ชั่วโมงบน Vivo V20 พบว่า สามารถรันเกมได้ดีเกินคาด สามารถตั้งค่ากราฟิกของเกมในระดับกลาง-สูงได้โดยที่ตัวเกมยังคงลื่นอยู่ แม้ว่าชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 720G จะไม่ได้เป็นชิปเซ็ตที่แรงมากก็ตาม เชื่อว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะระบบ Multi-Boost ที่ช่วยเร่งประสิทธิภาพการทำงานอยู่เบื้องหลัง สำหรับเกมแนว FPS อย่าง PUBG Mobile ตัวเครื่องมีการตอบสนองต่อการควบคุมได้ดี ไม่รู้สึกหน่วงหรือดีเลย์ แต่ด้วยขนาดตัวเครื่องอาจจะควบคุมไม่ค่อยถนัดสำหรับคนมือใหญ่ ส่วนเกมที่กินทรัพยากรสูงอย่าง Genshin Impact ก็สามารถเล่นได้อย่างราบรื่นที่กราฟิกระดับกลาง และมีเฟรมเรตที่ใกล้เคียง 60 โดยตัวเครื่องมีการสะสมความร้อนเล็กน้อย ถือว่าทำได้ดีทีเดียวสำหรับสมาร์ทโฟนราคาหมื่นต้นครับ

Vivo V20 ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 720G แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.3 GHz มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 618 , หน่วยความจำแรม RAM ขนาด 8 GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128 GB

Vivo V20 วัดค่า benchmark จากแอปพลิเคชัน GeekBench 5 ในส่วน Single-Core ได้ 552 คะแนน และ Multi-Core 1693 คะแนน และจากแอปพลิเคชัน 3DMark ในชุดทดสอบ Sling Shot Extreme (OpenGL ES 3.1) ได้ 2595 คะแนน

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Vivo V20 นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor ส่วนหน้าจอแสดงผลรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

ระบบ GPS สามารถจับสัญญาณดาวเทียมในที่กลางแจ้งได้ดี โดยจากภาพตัวอย่างจะเห็นว่าจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 77 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 3 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ขึ้นอยู่กับพื้นที่และสภาพอากาศด้วย ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่และช่วงเวลา

การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

การถ่ายรูปเป็นไฮไลท์สำคัญของ Vivo V20 โดยยังคงมีระบบ AI ระบุฉากที่จะวิเคราะห์และแต่งรูปให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ และรองรับการถ่ายรูปครบทั้งมุมกว้าง, มาโคร และโบเก้ พร้อมด้วยลูกเล่นมากมาย เช่นเอฟเฟกต์บิวตี้ที่ปรับแต่งได้อย่างละเอียด และโหมดกลางคืน Super Night Mode เป็นต้น

สำหรับกล้องหลังของ Vivo V20 เป็นชุดกล้อง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วย :

- กล้องหลัก ( Wide ) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.89 - กล้อง Multi-Function ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาดf/2.2, รองรับการถ่ายรูปมุมกว้างแบบ Super-Wide Angle มุมรับภาพ 120องศา และรองรับการถ่ายรูปแบบ Macro ที่ระยะโฟกัสใกล้สุด 2.5 เซนติเมตร - กล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4

ในโหมด ถ่ายภาพ (โหมดอัตโนมัติ) จะมีเมนูให้เปิดใช้มุมมองกว้างพิเศษ (Super-Wide Angel), โบเก้ และ Super Macro ได้ ซึ่งโหมดโบเก้จะทำให้เราถ่ายรูปแบบหน้าชัดหลังเบลอได้กับตัวแบบทุกประเภท ไม่จำเป็นต้องเป็นคน และเรายังปรับระดับความเบลอของฉากหลังได้ด้วย

ทั้งนี้ ในการถ่ายแบบมุมกว้างพิเศษ จะจับภาพกว้าง 108 องศา เพื่อหลีกเลี่ยงภาพเบี้ยวบริเวณขอบ

โหมด กลางคืน หรือ Super Night Mode ช่วยให้เราถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้สว่างชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องใช้แฟลชหรือขา ตั้งกล้อง โดยจะใช้เวลาประมวลผลภาพนานขึ้นเล็กน้อย (ประมาณ 2-4 วินาที) ซึ่งระหว่างนี้เราจะต้องถือสมาร์ทโฟนเอาไว้นิ่งๆ เพื่อไม่ให้ภาพเบลอ ที่น่าสนใจคือมีลูกเล่น สไตล์ ที่เป็นฟิลเตอร์สำหรับภาพถ่ายกลางคืนให้ใช้ 4 แบบ ช่วยเปลี่ยนภาพถ่ายให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น

โหมด ภาพคน สำหรับถ่ายรูป Portrait แบบหน้าชัดหลังเบลอ ปรับบิวตี้ได้ 100 ระดับ ซึ่งปรับได้อย่างละเอียดตั้งแต่สีผิวไปจนถึงรูปทรงของจุดต่างๆ บนใบหน้า และยังเลือกให้ AI ปรับความงามของตัวแบบตามเพศได้ด้วย

ในโหมด โปร เราสามารถตั้งค่ากล้องได้ด้วยตนเอง ได้แก่ค่า ISO (สูงสุด 3200), Shutter Speed (1/12000-32s), ชดเชยแสงได้สูงสุด ±3 และ White Balance (2300K-7500K) เหมาะสำหรับผู้ที่มีทักษะการถ่ายรูปอยู่แล้ว

กล้องหน้าของ Vivo V20 มีความละเอียด 44 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสง f/2.0 มีระบบ Eye Autofocus ที่จะจับโฟกัสบริเวณดวงตาของเราโดยอัตโนมัติ ทำให้ใบหน้าชัดเจนเสมอ ไม่หลุดโฟกัส พร้อมกันนี้ยังมีฟิลเตอร์หลากหลายรูปแบบให้ใช้ รวมถึงเอฟเฟกต์แสงภาพถ่ายบุคคลที่เพิ่มลูกเล่นให้กับการเซลฟี่ด้วย

นอกจากนี้ ยังโหมดกลางคืนสำหรับเซลฟี หรือ Super Night Selfie สำหรับถ่ายเซลฟีในเวลากลางคืน ซึ่งจะช่วยให้ภาพสว่างขึ้นโดยไม่ต้องใช้แฟลช แสงของภาพจึงไม่แข็งกระด้าง

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 64+8+2 ล้านพิกเซล

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิดใช้เอฟเฟกต์โบเก้

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิดใช้เลนส์ Super Macro

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิดใช้เลนส์ Super Macro

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิดใช้เลนส์ Super Macro (เนื้อขนมปังโฮลวีท)

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิดใช้เลนส์ Super-Wide Angle

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิดใช้เลนส์ Super-Wide Angle

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิดใช้เลนส์ Super-Wide Angle

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิดใช้เลนส์ Super-Wide Angle

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Mode

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Mode เปิดใช้สไตล์ ดำและทอง

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Mode เปิดใช้เลนส์ Super-Wide Angle และเปิดใช้สไตล์ ไซเบอร์พังค์

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Mode เปิดใช้เลนส์ Super-Wide Angle และเปิดใช้สไตล์ ดำและทอง

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Mode และเปิดใช้สไตล์ ส้มเขียว

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Mode เปิดใช้เลนส์ Super-Wide Angle และเปิดใช้สไตล์ ไซเบอร์พังค์

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Mode

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Mode และเปิดใช้สไตล์ ส้มเขียว

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Mode เปิดใช้เลนส์ Super-Wide Angle

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Mode เปิดใช้สไตล์ ดำและทอง

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Mode เปิดใช้เลนส์ Super-Wide Angle

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Mode เปิดใช้เลนส์ Super-Wide Angle และเปิดใช้สไตล์ น้ำแข็งสีฟ้า

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ และเปิดใช้เอฟเฟกต์โบเก้แบบแวดวง

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ และเปิดใช้เอฟเฟกต์โบเก้แบบหัวใจ

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ และเปิดใช้เอฟเฟกต์โบเก้แบบสามเหลี่ยม

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ และเปิดใช้เอฟเฟกต์โบเก้แบบดาว

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ และเปิดใช้เอฟเฟกต์โบเก้แบบห้าเหลี่ยม

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ เปิดใช้เอฟเฟกต์โบเก้แบบห้าเหลี่ยม และเปิดใช้สไตล์ปาร์ตี้ฤดูร้อน

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ และเปิดใช้เอฟเฟกต์โบเก้แบบดาว

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิดใช้เลนส์ Super-Wide Angle

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิดใช้เลนส์ Super-Wide Angle

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิด AI Beauty แบบอัตโนมัติ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า Eye Autofocus ความละเอียด 44 ล้านพิกเซล

ถ่ายด้วยโหมด Portrait

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิดใช้เอฟเฟกต์แสงภาพพื้นหลังแสงธรรมชาติ

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิดใช้เอฟเฟกต์แสงภาพพื้นหลังแสงไฟสตูดิโอ

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิดใช้เอฟเฟกต์แสงภาพพื้นหลังแสงไฟสเตอริโอ

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิดใช้เอฟเฟกต์แสงภาพพื้นหลังแสงลูปไลท์

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิดใช้เอฟเฟกต์แสงภาพพื้นหลังแสงรุ้ง

ถ่ายด้วยโหมด Portrait เปิดใช้เอฟเฟกต์แสงภาพพื้นหลังขาว-ดำ

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Selfie

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน Super Night Selfie

สรุปผลการทดสอบของ Vivo V20

สิ่งแรกที่ทางทีมงานรู้สึกประทับใจใน Vivo V20 คือดีไซน์ของตัวเครื่องที่สวยสะดุดตา โดยตัวเครื่องสี Sunset Melody ที่ทางทีมงานได้มารีวิวมีการไล่เฉดสีชมพู-ม่วง-ฟ้า-ส้ม ซึ่งเป็นชุดสีที่ดูสวยงามลงตัว อีกทั้งฝาหลังยังเป็นพื้นผิวแบบด้านที่ไม่เป็นรอยนิ้วมือ จึงไม่ต้องคอยเช็ดทำความสะอาดบ่อยๆ

ด้านประสิทธิภาพ Vivo V20 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 720G ความเร็วสูงสุด 2.3GHz ทำงานคู่กับหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR4x ขนาด 8GB จึงทรงพลังพอที่จะรับมือกับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ และยังเล่นเกมใหม่ๆ บน PlayStore ได้อย่างราบรื่น มีการตอบสนองว่องไวติดมือ โดยรวมแล้วอยู่ในระดับที่น่าพอใจ อีกทั้งหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้วยังให้สีสันสดใส และมีขนาดกำลังดี ช่วยให้การรับชมภาพยนตร์ และการเล่นเกมมีอรรถรสยิ่งขึ้น น่าเสียดายที่มีอัตราการรีเฟรชหน้าจอที่ 60Hz เท่านั้น หากรองรับอัตรารีเฟรช 90-120Hz ก็จะสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว

Vivo V20 มีแบตเตอรี่ขนาด 4000mAh นับว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในแต่ละวัน แต่อาจจะไม่ได้อึดทนอย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม Vivo V20 ได้ชดเชยส่วนนี้ด้วยระบบชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0 ที่ช่วยร่นระยะเวลาในการชาร์จได้มาก

สำหรับเรื่องการถ่ายภาพที่ Vivo ยกให้เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ เรียกได้ว่าไม่ทำให้ผิดหวัง ชุดกล้องหลังทั้ง 3 ตัว ของ Vivo V20 สามารถทำงานด้วยกันได้อย่างลงตัว โดยกล้องหลักมีความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ประกบด้วยกล้อง Multi-Function ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่ถ่ายได้ทั้งมุมกว้าง และมาโคร กับกล้องขาว-ดำ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่ช่วยเก็บข้อมูลด้านแสงเงา เพื่อเพิ่มความคมชัดให้กับรูปถ่าย เมื่อทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพแล้ว ได้ผลลัพธ์ที่ดูดีทีเดียวสำหรับสมาร์ทโฟนราคาหมื่นต้นๆ โดยภาพจะมีความสว่างกว่าปกติเล็กน้อย และแสดงผล HDR ได้ดี

สำหรับสมาร์ทโฟนระดับกลางหลายรุ่น คุณภาพของรูปถ่ายจะลดลงเมื่อสลับไปใช้เลนส์มุมกว้าง หรือเลนส์มาโคร เช่น เกิดจุดรบกวน, ภาพแตก, วัดแสงไม่ตรงกับกล้องหลัก หรืออื่นๆ แต่สำหรับ Vivo V20 กลับ สามารถรักษาคุณภาพของรูปถ่ายไว้ได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับกล้องหลัก มาก แม้จะอยู่ในสภาวะแสงน้อยก็ตาม

โหมดถ่ายภาพกลางคืน หรือ Super Night Shot ที่ทำออกมาได้ดี แถมยังถ่ายในมุมมองกว้างพิเศษได้ด้วยและที่ทางทีมงานรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษคือ ฟิลเตอร์สำหรับภาพถ่ายกลางคืนทั้ง 4 แบบ ที่ช่วยเปลี่ยนภาพถ่ายกลางคืนธรรมดาๆ ให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้นในคลิกเดียว การถ่ายรูปในยามค่ำคืนด้วย Vivo V20 จึงมีความสร้างสรรค์ และสนุกกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปมาก

สำหรับการถ่ายรูปด้วยเอฟเฟกต์ละลายหลัง หรือโบเก้ Vivo V20 ก็ยังสามารถทำได้ดี โดยแยะแยะตัวแบบ กับฉากหลังออกได้อย่างแนบเนียน โดยอาจมีผิดพลาดบ้างในจุดที่เป็นเส้นผมละเอียด และยังมีลูกเล่นเปลี่ยนรูปทรงของดวงไฟโบเก้ให้เป็นรูปดาว, รูปหัวใจ, และรูปทรงอื่นๆ

ในส่วนกล้องหน้าของ Vivo V20 นั้นถือเป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้ ด้วยความละเอียดสูงถึง 44 ล้านพิกเซล สูงกว่าสมาร์ทโฟนเกือบทุกรุ่นในระดับเดียวกัน รูปถ่ายเซลฟี่จึงมีรายละเอียดที่คมชัดมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ทีมงานมองว่าจุดเด่นที่แท้จริงของกล้องหน้า Vivo V20 ไม่ใช่จำนวนพิกเซล แต่เป็นโหมด Super Night Selfie ที่ช่วยให้ภาพถ่ายเซลฟี่ในที่มืดสว่างขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้แฟลช หรือก็คือโหมดกลางคืนของกล้องหน้านั่นเอง ซึ่งในปัจจุบัน มีสมาร์ทโฟนระดับกลางเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่มีโหมดนี้ให้ใช้

ทั้งหมดนี้ ยังไม่รวมลูกเล่นอย่างฟิลเตอร์ หรือสติกเกอร์ AR นับว่ากล้องของ Vivo V20 มีอะไรให้เล่นเยอะมาก ดังนั้นใครที่ชอบถ่ายรูปจะต้องหลงรัก Vivo V20 อย่างแน่นอน

ด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้น เราเชื่อว่า Vivo V20 เป็นสมาร์ทโฟนระดับหมื่นต้นๆ ที่ถ่ายรูปสวยทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง อีกทั้งยังรองรับการใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี สามารถเล่นเกมทั่วๆ ไปได้ไม่มีปัญหา  ถึงแม้จะไม่ใช่สมาร์ทโฟนที่มีสเปกแรงที่สุดในระดับราคานี้ แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปครับ

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณ Vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Vivo V20 มาให้ทางทีมงานได้รีวิวให้ทุกท่านได้ชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

จุดเด่นของ Vivo V20

- ดีไซน์ตัวเครื่องไล่เฉดสีต่างกันตามมุมที่แสงตกกระทบด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบ AG Matte Glass ให้สัมผัสพื้นผิวแบบด้าน ป้องกันรอยนิ้วมือ - ตัวเครื่องขนาด 161.30x74.20x7.48 มิลลิเมตร น้ำหนัก 172 กรัม มีความบาง และเบากว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปเล็กน้อย - หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400x1080 พิกเซล) ในอัตราส่วนการแสดงผลแบบ 20:9, ค่า Contrast Ratio 2,000,000:1 และครอบทับด้วยกระจกขอบนูน 2.5D - เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ พร้อมระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า - ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 720G ความเร็ว 2.3 GHz - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Adreno 618 - หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8 GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128 GB - รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 11

กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 44 ล้านพิกเซล

พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบ Eye Autofocus, รูรับแสงขนาด f2.0 และรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ที่ความเร็ว 30fps

กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย

> กล้องหลัก ( Wide ) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.89 > กล้อง Multi-Function ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.2, รองรับการถ่ายรูปมุมกว้างแบบ Super-Wide Angle มุมรับภาพ 120 องศา และรองรับการถ่ายรูปแบบ Macro ที่ระยะโฟกัสใกล้สุด 2.5 เซนติเมตร > กล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4

มีระบบวิเคราะห์ภาพถ่ายด้วย AI, รองรับมุมมองกว้างพิเศษ (Super-Wide Angle), เอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง, โหมด Macro สำหรับถ่ายภาพระยะประชิด, โหมดพาโนราม่า และโหมดโปร รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ที่ความเร็ว 60fps

- แบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0 - ฟีเจอร์ Ultra Game Mode บล็อกการแจ้งเตือน Pop-up ต่างๆ พร้อมกับเร่งประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องขณะเล่นเกม - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 2.4GHz/5GHz, 4G/4G+, 3G, EDGE และ GPRS - รองรับการระบุตำแหน่งด้วยระบบดาวเทียม GPS, A-GPS, BeiDou, GLONASS และ Galileo - รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.1 - พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C พร้อมรองรับการใช้งาน OTG (USB On-the-Go) - รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual SIM-Dual Standby) บนถาดแบบ Triple-Slot - พอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร - วิทยุ FM ในตัว - ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Sunset Melody และ Midnight Jazz - ราคา 11,999 บาท ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Vivo V20

Leave a Comment