รีวิว Vivo Y95 สมาร์ทโฟนกล้องหน้า-หลัง AI พร้อมจอใหญ่ไร้ขอบ กับแบตอึดจุใจ ในงบสบายกระเป๋า! :: Thaimobilecenter.com

สมาร์ทโฟนกล้องหน้า-หลัง AI พร้อมจอใหญ่ไร้ขอบ กับแบตอึดจุใจ ในงบสบายกระเป๋า! ด้วยจอ Halo FullView ใหญ่เต็มตา 6.22 นิ้ว, กล้องหน้า AI Selfie 20MP, กล้องหลังคู่ AI 13MP, แบตเตอรี่สุดอึด 4030 mAh, ชิปเซ็ต Snapdragon 439+RAM 4GB, ระบบสแกนใบหน้า+สแกนนิ้ว, ระบบ AI Game Mode และผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi บนบอดี้พรีเมียมมันวาวสีไล่เฉด ในราคาเพียง 7,499 บาท!

18 ธันวาคม 2018 - ล่าสุดนี้ทาง Vivo ประเทศไทยได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนน้องใหม่จากตระกูลยอดนิยมอย่าง Y-Series ภายใต้ชื่อ Vivo Y95 ที่มาพร้อมการดีไซน์จอไร้ขอบแบบหยดน้ำโฉมใหม่ (Halo FullView Display) ขนาด 6.22 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 บน ตัวเครื่องเงางามคล้ายกระจก และการไล่เฉดสี เล่นกับแสง ตามมุมที่ตกกระทบได้ทั้ง 2 ตัวเลือก ได้แก่ Starry Night และ Aurora Red

ทางด้านคุณสมบัติเด่นของ Vivo Y95 ก็จัดมาให้แบบครบครัน เริ่มที่การประมวลผลด้วย ชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง Snapdragon 439 จากค่าย Qualcomm จับคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB เรียกได้ว่ารองรับการเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพถ่าย, แอปพลิเคชัน และเกม ได้เพียงพอต่อการใช้งานในระดับพื้นฐาน โดยทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ที่ถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 4.5 เวอร์ชันใหม่ และให้แบตเตอรี่มาอย่างจุใจที่ 4030 mAh พร้อมระบบจัดการพลังงานภายในเครื่อง ที่ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดวัน

นอกจากนี้ Vivo Y95 ยังมาพร้อมฟังก์ชัน AI Game Mode โหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ที่ผู้ใช้สามารถบล็อกการแจ้งเตือนแบบ Pop-up ต่างๆ ขณะเล่นเกม และสามารถตอบแชทได้โดยไม่ต้องกดออกจากเกมได้ รวมถึงการย่อขนาดคีย์บอร์ดให้เล็กลง เพื่อป้องกันการบดบังการแสดงผลของเกมนั่นเอง

ทางด้านการถ่ายภาพ Vivo Y95 ติดตั้งระบบกล้องคู่แบบ AI Dual Camera ที่ด้านหลัง กับความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล โดยรองรับฟีเจอร์ AI Scene Identification ในการตรวจจับซีนได้กว่า 140 ซีน, การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) พร้อมฟีเจอร์ AI Portrait Framing ที่ช่วยแนะนำมุมสวยของการถือกล้องขณะถ่ายภาพ และโหมดหน้าสวย Smart Face Beauty ที่ปรับได้ 6 ระดับ รวมถึง AR Stickers ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับการถ่ายภาพ

สำหรับ กล้องหน้าคมชัดที่ระดับ 20 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ พร้อมโหมดการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) และลูกเล่นน่ารักๆ อย่าง AR Stickers ให้ได้เลือกใช้งานหลากรูปแบบด้วยเช่นกัน อีกทั้งกล้องหน้าของ Vivo Y95 ยังรองรับฟีเจอร์การสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอ (Face Access) ที่ทำงานร่วมกับการสแกนลายนิ้วมือจากเซ็นเซอร์ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง (Fingerprint Scanner) อีกด้วย

จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า Vivo Y95 มีจุดเด่นที่น่าสนใจในหลายด้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องสุดพรีเมียม หรือฟีเจอร์ที่จัดมาให้แบบครบครัน ในราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 7,499 บาท ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชม รีวิว Vivo Y95 พร้อมกันได้เลยค่ะ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Vivo Y95 มาในแพ็กเกจสีขาวสะอาดตา

ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ 5V/2A, สายเชื่อมต่อแบบ microUSB, หูฟัง, เคสใส, เข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน

ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายในแพ็กเกจ

Vivo Y95 มาพร้อมหน้าจอแสดงผล IPS LCD Halo FullView Display ขนาด 6.22 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 โดยมีพื้นที่การแสดงผลคิดเป็น 88.6% ความละเอียดระดับ HD+ (720x1520 พิกเซล : 270 ppi) และครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D บนตัวเครื่องมีขนาด 155.11x75.09x8.28 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 163.5 กรัม

ที่ด้านบนประกอบไปด้วยกล้องหน้าสำหรับเซลฟี่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสง F/2.0 และรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ พร้อมลำโพงสนทนาที่ด้านบน และติดตั้งเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม

พร้อมกับรองรับระบบสแกนใบหน้า (Face Access) ในการปลดล็อกตัวเครื่องอีกด้วย ซึ่งสามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วทันใจ

ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent App, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย

ที่ด้านบนของตัวเครื่องไม่มีปุ่มสั่งการใดๆ

ที่ด้านล่างประกอบด้วยช่องสำหรับเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ microUSB และลำโพงเสียง

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Triple-Slot ซึ่งรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ที่ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน

ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง

Vivo Y95 มีตัวเครื่องดีไซน์เงางามคล้ายกระจก พร้อมการไล่เฉดสีเล่นกับแสงตามมุมที่ตกกระทบได้ โดยตัวเครื่องที่ทางทีมงานนำมารีวิวให้ได้ชมกันเป็นสี Starry Night

กล้องตัวหลักที่ด้านหลังของ Vivo Y95 เป็นแบบคู่ (AI Dual Camera) ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงขนาด f/2.2+f/2.4 โดยรองรับฟีเจอร์ AI Scene Identification ในการจำแนกซีนต่างๆ ได้กว่า 140 ซีน, โหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) พร้อมฟีเจอร์ AI Portrait Framing สำหรับช่วยจัดองค์ประกอบภาพ โดยการวิเคราะห์ แยกแยะฉาก กับวิว เพื่อให้ภาพที่ได้มีความสวยงาม และโหมดหน้าสวยที่เลือกได้ถึง 6 ระดับ สำหรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) เพื่อปลดล็อกตัวเครื่องจะอยู่ถัดลงมาที่ตรงกลางด้านล่าง

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

Vivo Y95 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 8.1 Oreo ซึ่งถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 4.5 ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE (ซิมการ์ดที่สองรองรับเครือข่าย 3G)

มีหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB และหน่วยความแรม (RAM) ขนาด 4GB

แอปพลิเคชัน i Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการล้างพื้นที่ (การเคลียร์แรม), ตั้งค่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแต่ละแอปพลิเคชัน หรือการจำกัดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

เมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะพบกับหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปิดแอปพลิเคชันที่เปิดค้างเอาไว้ได้ เพียงแค่เลื่อนหน้าต่างแอปนั้นๆ ไปยังด้านบน หรือปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในครั้งเดียวได้อย่างง่ายดาย ด้วยการกดปุ่มไอคอน X ที่ด้านล่าง

เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับตำแหน่งของไอคอน พร้อมเลือกใช้งาน Widget ที่ต้องการได้

เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้ารวมสำหรับการแสดงแจ้งเตือนต่างๆ และเมื่อลากจากขอบด้านล่างของหน้าจอจะพบกับ Toggle Swtich ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต, Bluetooth หรือการหมุนหน้าจออัตโนมัติ

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งตำแหน่งของคีย์ลัดเองได้ด้วย

สามารถปรับเปลี่ยนภาพพื้นหลัง (Wallpaper) และธีม (Theme) ของตัวเครื่องได้อย่างอิสระ

และผู้ใชยัง้สามารถเปลี่ยนภาพพื้นหลัง (Wallpaper) และธีม (Theme) ของตัวเครื่องที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นได้ผ่านแอปพลิเคชัน i Theme

รวมถึง Font ตัวอัปษรรูปแบบต่างๆ และการตั้งค่าอื่นๆ บนหน้าจอ

นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่า Lockscreen ให้เปลี่ยนเองแบบอัตโนมัติได้

สำหรับบริการต่างๆ จากทาง Google รวมถึงแอปพลิเคชันพื้นฐาน ก็มีการติดตั้งมาไว้ให้ได้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Calculator, Recorder, Compass, Feedback และวิทยุ FM Radio

Vivo Y95 สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ, โหมด Eye Protection และการปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอที่เลือกระดับได้ตามที่ต้องการ

และด้วยดีไซน์ของ Vivo Y95 ที่เป็นแบบ Halo FullView Display ในอัตราส่วน 19:9 จึงสามารถปรับให้บางแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลในสัดส่วนแบบเต็มหน้าจอได้ด้วย

สามารถสลับตำแหน่งของปุ่ม Navigation Buttons ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้

หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Navigation Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ พร้อมกับเลือก Navigation Gestures Style ได้ 2 รูปแบบ หรือไม่แสดงปุ่มใดๆ

ตัวอย่างการเลือกใช้ Navigation Gestures ทั้ง 2 รูปแบบ

สำหรับฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะ มาให้ใช้งานบน Vivo Y95 ด้วยเช่นกัน ซึ่งประกอบไปด้วย โหมด Smart Wake, Smart turn on/off screen และ Smart Call ซึ่ง Smart Wake เป็นการวาดตามรูปแบบต่างๆ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด เช่น การวาดตัวอักษร C เพื่อเข้าสู่ฟังก์ชันการโทรศัพท์ หรือการวาดตัวอักษร m เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชัน i Music สำหรับฟังเพลง

Smart turn on/off screen การเปิด-ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ โดยสามารถตั้งค่าให้หน้าจอติดเมื่อยกตัวเครื่องขึ้น หรือสัมผัสหน้าจอ 2 ครั้งติดกันเพื่อเป็นการล็อกหน้าจอ และ Smart Call การโทรอัจฉริยะ

Vivo Y95 ยังมาพร้อมระบบผู้ช่วยอัจฉริยะใหม่ล่าสุดอย่าง Jovi AI Assistant ที่รองรับฟังก์ชันหลักๆ 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ Smart Camera, Smart Scene และ Game Mode

เริ่มกันที่ Smart Camera ที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยี Smart Face Beauty ในการปรับโครงหน้าได้ทุกส่วนตามที่ต้องการด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์, AI Scene Identification ในการแยกแยะซีนที่ถ่ายพร้อมปรับค่าให้แบบอัตโนมัติ และ AI Portrait Framing สำหรับช่วยจัดองค์ประกอบภาพ

สำหรับ Smart Scene จะเป็นการแจ้งเตือนข่าวสารต่างๆ รวมถึงพยากรณ์อากาศ และตารางนัดหมาย เพื่อให้จัดการตารางเวลาได้ง่ายขึ้น และ Game Mode โหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ

Vivo Y95 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4030 mAh พร้อมระบบจัดการพลังงานภายในเครื่อง และโหมดประหยัดพลังงานแบบ Low Power Mode รวมถึง Super Power-Saving Mode ที่ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดวัน

ตัวอย่างการใช้งานในโหมด Super Power-Saving

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ Vivo Y95 มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง (Fingerprint Scanner) โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ

และระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Access) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น

สำหรับบริการ vivoCloud ก็มีให้ใช้งานบน Vivo Y95 เช่นเดียวกัน โดยผู้ใช้สามารถสำรองข้อมูลต่างๆ ภายในตัวเครื่อง เช่น ข้อความ SMS, รายชื่อผู้ติดต่อ และบุ๊คมาร์คของเว็บเบราวเซอร์ ไปยังระบบคลาวอินเทอร์เน็ตของ Vivo ได้

Vivo ได้ทำการรวบรวมแอปพลิเคชันเด่นมาให้ได้ดาวน์โหลดบน Vivo Y95 กันผ่านทาง Vivo App Store

Vivo Y95 รองรับการเล่นเพลง และไฟล์เสียงต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน i Music พร้อมเทคโนโลยี DeepField สำหรับช่วยขับเสียงร้องให้มีความชัดเจน พร้อมปรับเสียงเบสให้มีอิมแพคมากยิ่งขึ้น

และสามารถปรับรูปแบบอีควอไลเซอร์ได้หลากหลาย

Vivo Y95 มาพร้อมฟังก์ชันเอาใจสายโซเชียลอย่าง App Clone สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook และ Line จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์

ทางด้านอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้หลักๆ 2 แบบ คือ แสดงแบบแยกอัลบั้ม กับแบบรวมภาพถ่ายทั้งหมด

Vivo VY95 มีฟังก์ชัน Screen-Split ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน โดยสามารถตั้งค่าเปิดการใช้งานได้ 2 รูปแบบ

ตัวอย่างการใช้งานพร้อมกันสองหน้าจอ

รวมทั้งยังมีโหมดการใช้งานมือเดียว ซึ่งเป็นการปรับขนาดของแผงตัวเลขโทรศัพท์, แป้นพิมพ์รหัสผ่านให้เล็กลง ซึ่งช่วยให้ใช้งานมือถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสะดวกขึ้น และสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการลาก 3 นิ้ว จากบริเวณด้านล่างหน้าจอไปยังด้านบน

และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้ด้วย

ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี ไหลลื่น และสามารถแสดงเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

อีกหนึ่งไฮไลท์ของ Vivo Y95 คือ ฟังก์ชัน AI Game Mode ซึ่งเป็นโหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบป็อบอัปเท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา

รวมทั้งคีย์บอร์ดภายในฟังก์ชัน AI Game Mode ก็จะถูกย่อให้มีขนาดเล็กลง เพื่อป้องกันปัญหาคีย์บอร์ดบดบังการแสดงผลภายในเกม

และเมื่อปัดหน้าจอจากด้านซ้ายขณะเล่นเกม ก็จะพบกับคีย์ลัดต่างๆ ด้วยเช่นกัน

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Vivo Y95 นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor

สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS ในที่กลางแจ้งได้ดี พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 34 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 12 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง

Vivo Y95 มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 439 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.2 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 505, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB ที่สามารถเพิ่ม microSD ได้อีก 256GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo

Vivo Y95 มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 81,025 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 4 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 888 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 3,310 คะแนน

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 458 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 416 คะแนน

Vivo Y95 รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 8 จุด

จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติอย่าง Asphalt 9, ROV และ Marvel Future Fight ก็พบว่า Vivo Y95 นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น แต่ก็มีอาการหน่วง หรือกระตุก และการสะสมความร้อนให้เห็นบ้าง

Vivo Y95 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD Halo FullView Display ความละเอียดระดับ HD+ และมีอัตราส่วนแบบ 19:9 จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ HD 720p ได้อย่างเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ

การใช้งานกล้องดิจิทัล สำหรับการถ่ายภาพ และวิดีโอ

สำหรับกล้องถ่ายภาพของ Vivo Y95 เป็นแบบคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี AI โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรู สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน โดยสามารถเลือก เปิด-ปิด ไฟแฟลช, โหมด HDR, โหมด Portrait และ Live Photo ได้ รวมถึงการตั้งค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สัดส่วนภาพทั้ง 4 รูปแบบ, การจับเวลาถ่ายภาพ หรือการ เปิด-ปิด Watermark

ในโหมดการถ่ายภาพปกติ มีฟังก์ชัน AI Scene Identification ที่เป็นการนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์สภาพแวดล้อม และวัตถุที่อยู่ตรงหน้า เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ (ตัวอย่างเป็นหมวดหมู่ อาหาร, แมว, ก้อนเมฆ และกลางคืน)

และรองรับการถ่ายภาพพร้อม Filter แบบต่างๆ

สำหรับโหมด Portrait สามารถปรับความกว้างของรูรับแสงได้ตั้งแต่ F/0.95-F/16

ผู้ใช้ยังสามารถปรับระดับความเบลอในภายหลังได้อีกด้วย

รวมถึงโหมด Smart Face Beauty ที่สามารถปรับค่าผิวเนียนได้ถึง 6 ระดับ และรองรับโหมด Portrait ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์ AI Portrait Framimg ที่ช่วยแนะนำมุมสวยของการถือกล้องขณะถ่ายภาพ

หนึ่งในลูกเล่นที่น่าสนใจของ Vivo Y95 ได้แก่ AR Stickers สำหรับการถ่ายภาพพร้อมสติกเกอร์น่ารักๆ ที่มีให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบ

สำหรับการถ่ายโหมด Pro บน Vivo Y95 มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด

Vivo Y95 ยังรองรับ Google Lens บริการค้นหาวัตถุ หรือสถานที่ที่ถ่ายจาก Google ได้อย่างง่ายดาย

และรองรับการถ่ายภาพในมุมกว้างแบบพาโนรามา

การถ่ายวิดีโอบน Vivo Y95 รองรับฟังก์ชัน AI Scene Identification และสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p

ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้ามาพร้อมความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และมีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที และสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ที่เมนูตั้งค่า โดยสามารถเลือก เปิด-ปิด ไฟแฟลชหน้าจอ, โหมด HDR, โหมด Portrait และ Live Photo ได้ รวมถึงการตั้งค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สัดส่วนภาพทั้ง 4 รูปแบบ, การจับเวลาถ่ายภาพ หรือการ เปิด-ปิด Watermark

กล้องหน้าของ Vivo Y95 มาพร้อมเทคโนโลยี AI Face Beauty ที่สามารถเลือกปรับแต่งความสวยแบบอัตโนมัติ (AI) หรือเลือกได้เองถึง 6 ระดับ

ฟังก์ชัน Group Selfie สำหรับถ่ายเซลฟี่ในมุมกว้างก็มีให้ใช้งานบน Vivo Y95 ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นน่ารักๆ อย่าง AR Stickers ให้ได้เลือกใช้งานหลากรูปแบบ เพื่อเพิ่มสีสัน และความสนุกให้กับการถ่ายเซลฟี่

การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าของ Vivo Y95 ก็สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังคู่ (AI Dual Camera) ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล ของ Vivo Y95

ภาพถ่ายในโหมดปกติ พร้อมฟังก์ชัน AI Scene Identification

ภาพถ่ายในโหมดปกติ

ภาพถ่ายในโหมด Smart Face Beauty ที่ระดับ 3

ภาพถ่ายในโหมด Smart Face Beauty ที่ระดับ 6

ภาพถ่ายในโหมด Portrait

ภาพถ่ายในโหมดปกติ พร้อมฟังก์ชัน AR Stickers

ภาพถ่ายในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ของ Vivo Y95

ภาพถ่ายในโหมดปกติ

ภาพถ่ายในโหมดปกติ พร้อม AI Face Beauty แบบอัตโนมัติ (AI)

ภาพถ่ายในโหมดปกติ พร้อม AI Face Beauty ที่ระดับ 3

ภาพถ่ายในโหมดปกติ พร้อม AI Face Beauty ที่ระดับ 6

ภาพถ่ายในโหมด Portrait พร้อม AI Face Beauty แบบอัตโนมัติ (AI)

ภาพถ่ายในโหมดปกติ พร้อมฟังก์ชัน AR Stickers

ภาพถ่ายในโหมดปกติ

ภาพถ่ายในโหมดปกติ พร้อมฟังก์ชัน HDR

สรุปผลการทดสอบของ Vivo Y95

จากการทดสอบทั้งหมดในข้างต้นพอจะกล่าวได้ว่า Vivo Y95 เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ไม่ควรมองข้าม ตั้งแต่การดีไซน์จอไร้ขอบแบบหยดน้ำโฉมใหม่ (Halo FullView Display) ขนาดใหญ่ 6.22 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 มีสัดส่วนการแสดงผลกับตัวเครื่อง 88.6% ที่ให้มุมมองกว้างเต็มตาเป็นพิเศษ และความคมชัดระดับ HD+ (720x1520 พิกเซล : 270 ppi) พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D สำหรับ ตัวเครื่องที่ด้านหลังมีความเงางามคล้ายกระจก กับการไล่เฉดสีแบบใหม่ล่าสุด เล่นกับแสงในมุมตกกระทบ ที่ช่วยเสริมให้ตัวเครื่องมีความพรีเมียมในทุกสัมผัส

สเปกภายในก็จัดมาให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ตน้องใหม่จากค่าย Qualcomm อย่าง Snapdragon 439 แบบ 8-Core พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 505 จับคู่กับ RAM ขนาดมาตรฐาน 4GB ซึ่งรันอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย Funtouch OS 4.5 เวอร์ชันใหม่ จึงสามารถเล่นเกมทั่วไปบน Play Store ได้เป็นอย่างดี รวมถึงเกมที่เน้นกราฟิกได้ในระดับที่น่าพอใจ แม้จะมีการสะสมความร้อนให้ได้เห็นบ้างเมื่อเล่นเป็นระยะเวลานาน อีกทั้งยังมีความจุภายในตัวเครื่อง 64GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้อีก 256GB จึงสามารถเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพถ่าย, แอปพลิเคชัน และเกม ได้เพียงพอในการใช้งานพื้นฐาน รวมถึงหมดปัญหาการเลือกใช้งานในช่องซิมการ์ดที่ 2 เนื่องจาก Vivo Y95 มาพร้อมกับ ถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Triple-Slot ที่สามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ด + 1 microSD Card ได้ในเวลาเดียวกัน

หนึ่งในจุดเด่นที่สำคัญของ Vivo Y95 ได้แก่ แบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 4030 mAh พร้อมระบบจัดการพลังงานภายในเครื่อง และโหมดประหยัดพลังงานแบบ Low Power Mode รวมถึง Super Power-Saving Mode ที่ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดวัน

และ Vivo Y95 ยังรองรับฟีเจอร์สำหรับเกมเมอร์ตัวจริงอย่าง AI Game Mode โหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบ Pop-up เท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา และการย่อขนาดคีย์บอร์ดภายในเกมให้มีขนาดเล็กลง เพื่อป้องกันปัญหาคีย์บอร์ดบดบังการแสดงผลนั่นเอง

ด้านการถ่ายภาพ Vivo Y95 มาพร้อมระบบกล้องคู่ AI Dual Camera ที่ด้านหลัง กับความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงขนาด f/2.2+f/2.4 โดยรองรับฟีเจอร์ AI Scene Identification ในการจำแนกซีนต่างๆ ได้กว่า 140 ซีน, โหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) พร้อมฟีเจอร์ AI Portrait Framing สำหรับช่วยจัดองค์ประกอบภาพ โดยการวิเคราะห์ แยกแยะฉาก และวิว เพื่อให้ภาพที่ได้มีความสวยงามที่ช่วยจัดองค์ประกอบของภาพ โดยการแนะนำมุมสวยของการถือกล้องนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไป และไม่คุ้นชินกับการถ่ายภาพบุคคลมากนัก และโหมดหน้าสวย Smart Face Beauty ที่สามารถปรับได้ถึง 6 ระดับ นอกจากนี้ทาง Vivo ยังร่วมมือกับ Google ด้วยฟีเจอร์ Google Lens บริการค้นหาวัตถุ หรือสถานที่ที่ถ่ายได้อย่างง่ายดาย

สำหรับ กล้องหน้ามีความคมชัดที่ระดับ 20 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง f/2.0 พร้อมเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ พร้อมโหมดการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) และลูกเล่นน่ารักๆ อย่าง AR Stickers ให้ได้เลือกใช้งานหลากรูปแบบด้วยเช่นกัน อีกทั้งกล้องหน้าของ Vivo Y95 ยังรองรับฟีเจอร์การสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอ (Face Access) ที่ทำงานร่วมกับการสแกนลายนิ้วมือจากเซ็นเซอร์ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง (Fingerprint Scanner) อีกด้วย ซึ่งจากการทดสอบทั้งสองระบบก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ

นอกจากคุณสมบัติเด่นในข้างต้น Vivo Y95 ยังรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านอื่นๆ อย่างครับครัน ไม่ว่าจะเป็น Jovi AI Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะ, App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ อย่างเช่น เช่น Facebook หรือ Line ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์ในเวลาเดียวกัน และรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G LTE และ 3G รวมถึงฟังก์ชัน Screen-Split ในการใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชันได้พร้อมกัน และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้

และจากการทดสอบทั้งหมดพอจะสรุปได้ว่า Vivo Y95 เหมาะสำหรับท่านที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ พร้อมฟีเจอร์ครบครันทุกการใช้งานในขั้นพื้นฐาน บนดีไซน์จอไร้ขอบขนาดใหญ่ในอัตราส่วนที่กว้างขึ้นตามสมัยนิยม ที่ช่วยให้ใช้งานได้อย่างเต็มตา เต็มอารมณ์เป็นพิเศษ พร้อมกับตัวเครื่องไล่เฉดสีแบบใหม่ที่กำลังมาแรง รวมถึงชื่นชอบการถ่ายรูปทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง ที่ชาญฉลาดมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI และฟีเจอร์สำหรับถ่ายภาพที่หลากหลาย รวมถึงเน้นการเล่นเกมโดยไม่ถูกขัดจังหวะ ในราคาจับต้องได้

สำหรับ Vivo Y95 เปิดราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 7,499 บาท กับตัวเลือก 2 สีอย่าง Starry Night (ดำ - น้ำเงิน) และ Aurora Red (แดง - ม่วง) ซึ่งวางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านใดที่สนใจ ก็สามารถแวะเวียนเข้าไปทดลองใช้งานเบื้องต้น ได้ที่ Vivo Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Vivo Y95 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ

จุดเด่นของ Vivo Y95

- ตัวเครื่องดีไซน์เงางามคล้ายกระจก - บอดี้สีไล่เฉด (Gradient) ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงในมุมต่างๆ ทั้งหมด 2 ตัวเลือก ได้แก่ Starry Night (ดำ - น้ำเงิน) และ Aurora Red (แดง - ม่วง) - ตัวเครื่องขนาด 155.11x75.09x8.28 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 163.5 กรัม - หน้าจอแสดงผล IPS LCD Halo FullView Display ขนาด 6.22 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 โดยมีพื้นที่การแสดงผลคิดเป็น 88.6% ความละเอียดระดับ HD+ (720x1520 พิกเซล) และครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D - ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 439 Processor - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Adreno 505 - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 4.5 - หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 64GB - รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ความจุ 256GB - ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) และ microSD Card ได้ในเวลาเดียวกัน - กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0 โดยรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์, การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) และ AR Stickers - กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (AI Dual Camera) ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.2 + f/2.4 รองรับฟีเจอร์ AI Scene Identification ในการตรวจจับซีนได้กว่า 140 ซีน, การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) พร้อมฟีเจอร์ AI Portrait Framing สำหรับช่วยจัดองค์ประกอบภาพ โดยการวิเคราะห์ และแยกแยะฉาก และวิวในเฟรมนั้นๆ และโหมดหน้าสวยที่เลือกได้ 6 ระดับ รวมถึง AR Stickers - เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ที่ด้านหลังตัวเครื่อง - ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Access) - ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi AI Assistant - ฟังก์ชัน App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ - ฟังก์ชัน AI Game Mode โหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ - ช่องเสียบหูฟังมาตรฐานแบบ 3.5 มิลลิเมตร - แบตเตอรี่ความจุ 4030 mAh - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ WiFi (2.4 GHz) - ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของประเทศรัสเซีย และ Beidou ของประเทศจีน - รองรับ Bluetooth 4.2 และ USB OTG (USB On-The-Go) - ราคา 7,499 บาท

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Vivo Y95

- หน้าจอแสดงผลมีความละเอียดเพียงแค่ระดับ HD+ - หน้าจอ Halo FullView Display ในอัตราส่วน 19:9 ยังไม่สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันทั้งหมดได้ - ด้านหลังตัวเครื่องมีพื้นผิวแบบกระจกที่มีความมันวาว จึงอาจเกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย - กรอบตัวเครื่องไม่ใช่โลหะ - ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อน เมื่อมีการประมวลผลหนักๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน - ด้วยความที่หน้าจอมีขอบบาง อาจทำให้อุ้งมือของผู้ใช้ไปสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ - ไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง - ยังคงใช้พอร์ตแบบ microUSB - ไม่รองรับการสแตนด์บายแบบ Dual 4G LTE - รองรับการใช้งานเครือข่าย WiFi เฉพาะที่คลื่นความถี่ 2.4 GHz

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

สรุปคุณสมบัติเครื่อง

Leave a Comment