รีวิว OnePlus Nord N10 5G ตัวแรง 5G รุ่นใหม่ ใส่ชาร์จเร็ว 30W บวกจอลื่น 90Hz กล้อง 5 ตัว และลำโพงคู่ ในราคาไม่ถึงหมื่น :: Thaimobilecenter.com

ตัวแรง 5G รุ่นใหม่ ใส่ชาร์จเร็ว 30W บวกจอลื่น 90Hz กล้อง 5 ตัว และลำโพงคู่ ในราคาไม่ถึงหมื่น ด้วยจอ 90Hz Smooth Display 6.49 นิ้ว, แบตเตอรี่ Warp Charge 30T จุใจ 4300 mAh, ชิปเซ็ต Snapdragon 690, RAM 6GB+ROM 128GB, กล้อง AI Quad Camera 64MP ผสานกล้องหน้า In-Display 16MP และลำโพงคู่ บนบอดี้พรีเมียมโค้งมน ในราคาเพียง 9,990 บาท

30 พฤศจิกายน 2020 - ในปัจจุบัน OnePlus ไม่ได้ผลิตเพียงแค่สมาร์ทโฟนระดับเรือธงฟีเจอร์ไฮเอนด์เพียงอย่างเดียว เพราะมีการปรับกลยุทธ์ใหม่ด้วยการส่งมือถือ OnePlus ระดับกลาง เข้าแข่งขันในตลาดด้วย เพื่อให้ผู้ใช้มีตัวเลือกมากขึ้น และเข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ซึ่งล่าสุดวันนี้ (30 พฤศจิกายน 2563) ทาง OnePlus ก็ได้ฤกษ์ทำการเปิดตัว OnePlus Nord N10 5G สมาร์ทโฟน 5G รุ่นใหม่ในราคาไม่เกินหมื่น ( 9,990 บาท ) อย่างเป็นทางการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมเตรียมวางจำหน่ายในประเทศไทยวันที่ 1 ธันวาคมนี้

OnePlus Nord N10 5G ถือว่าเป็นมือถือซีรีส์ใหม่ล่าสุด โดยมาพร้อมกับจุดเด่นด้านคุณสมบัติด้านการใช้งานที่ครบเครื่องรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผลที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz เหมือนกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธง, ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Stereo Speakers) , ชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Qualcomm Snapdragon 690 5G รวมถึง กล้องหลัง AI Quad Camera ความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพได้อย่างสวยงามคมชัด ครอบคลุมทุกระยะ และระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงระดับ 30W แบบ Warp Charge 30T

ส่วนรายละเอียดข้างต้นของ OnePlus Nord N10 5G จะเป็นอย่างไร และตัวเครื่องจริงจะมีความสวยงามเพียงใดนั้น ไปติดตามรับชมรีวิวฉบับเต็มจากทีมงาน Thaimobilecenter กันได้เลยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

OnePlus Nord N10 5G มาพร้อมกับกล่องผลิตภัณฑ์สีดำ พร้อมพิมพ์ชื่อรุ่น N10 ด้วยสีฟ้าให้เห็นแบบเด่นชัด ซึ่งจะต่างจาก OnePlus รุ่นเรือธงที่มาพร้อมกับกล่องผลิตภัณฑ์สีแดง ตัดกับตัวอักษรสีดำ

สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย คู่มือการใช้งาน, สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับโอนถ่ายข้อมูล และเชื่อมต่อกับอแดปเตอร์จ่ายไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้กับสมาร์ทโฟน, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด และอแดปเตอร์สำหรับจ่ายไฟ

สำหรับอแดปเตอร์จ่ายไฟของ OnePlus Nord N10 5G มีกำลังการจ่ายไฟสูงสุดที่ 30W (5V/6A) ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Warp Charge 30T นั่นเอง โดยทาง OnePlus เปิดเผยว่า OnePlus Nord ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่แค่ 30 นาที ก็เพียงพอต่อการใช้งานยาวนานตลอดทั้งวันแล้ว

ที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับปุ่มควบ คุมแบบสัมผัสบนหน้าจอ ได้แก่ ปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับ, ปุ่ม Home สำหรับย้อนกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานอยู่เบื้องหลัง

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมาพร้อมกับถาดใส่ซิ มการ์ดแบบ Hybrid Slot รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ nanoSIM จำนวน 2 ซิมการ์ด หรือเลือกใส่ 1 ซิมการ์ด + microSD Card ความจุสูงสุด 512GB ถัดมาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง

ที่ด้านบนของตัวเครื่อง มาพร้อมกับไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน

ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง มาพร้อมกับฝาหลังแบบมันเงาที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงเป็นเส้นริ้วได้อย่างสวยงาม โดย OnePlus Nord N10 5G จะมีให้เลือกเพียงสีเดียวเท่านั้น คือ สี Midnight Ice ซึ่งบริเวณส่วนกลางจะมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ กับโลโก้ OnePlus

ที่ด้านบนมาพร้อมกับชุด กล้องหลังจำนวน 4 ตัว (AI Quad Camera ) ที่จัดวางอยู่ในกรอบโมดูลสี่เหลี่ยม แบ่งออกเป็น

- กล้องตัวหลัก ( Main ) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.79, ระบบป้องกันการสั่นแบบ EIS และระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ - กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.25 และมุมรับภาพกว้าง 119 องศา - กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 - กล้อง Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

OnePlus Nord N10 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 10 ครอบทับด้วย OxygenOS 10.5.5 ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่ได้ใช้ Android เวอร์ชัน 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11 เหมือนกับรุ่นพี่ OnePlus 8T แต่ทาง OnePlus เปิดเผยว่า OnePlus Nord N10 5G จะได้รับอัปเดตด้านซอฟต์แวร์ และความปลอดภัยต่อเนื่องอย่างแน่นอน

โดยแม้ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง แต่ระบบปฏิบัติการ OxygenOS 10.5.5 ของ OnePlus Nord N10 5G ก็ยังถือว่าทำงานได้อย่างลื่นไหล และยังคงความสะอาดตาของหน้า UI เอาไว้เช่นเดิม โดยใหนน้าโฮมสกรีนจะจัดวางแค่เฉพาะไอคอนแอปพลิเคชันพื้นฐานที่จำเป็นเอาไว้ให้ใช้ งานอย่างสะดวก เช่น โทรศัพท์, ข้อความ หรือกล้องถ่ายภาพ เป็นต้น รวมทั้งยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันพื้นฐานจาก Google ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Gmail, Maps หรือ Chrome เป็นต้น

เมื่อปัดไปทางซ้ายจากหน้าโฮมสกรีนจะพบกับ Google Discover ซึ่งเป็นศุนย์รวมฟีดข่าวที่น่าสนใจโดยคัดสรรมาให้เฉพาะผู้ใช้งานเท่านั้น ทำให้ไม่พลาดทุกเหตุการณ์สำคัญที่กำลังเกิดขึ้น

เมื่อลากนิ้วจากด้านบนลงมายังด้านล่างจะพบกับ Toggle Switch ซึ่งเป็นแหล่งรวมคีย์ลัดสำหรับตั้งค่าตัวเครื่องแบบเร่งด่วน เช่น การเปิด-ปิด Wi-Fi, การเปิด-ปิด Bluetooth หรือการเปิดใช้งานฟังก์ชันบันทึกหน้าจอ เป็นต้น โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งการจัดเรียงของไอคอนคีย์ลัดได้เองดดยการแตะที่ไอคอนรูปดินสอ

เมื่อกดค้างที่ไอคอนแอปพลิเคชันจะพบกับ App Shortcut ซึ่งเป็นคีย์ลัดสำหรับเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ของแอปพลิเคชันแบบเร่งด่วน

สำหรับแอปพลิเคชันทั้งหมดจะถูกจัดเรียงไว้อย่าง เป็นระเบียบใน App Drawer สามารถเรียกใช้ได้โดยการลากนิ้วจากขอบด้านล่างขึ้นมายังด้านบน

เมื่อปัดไปด้านขวาจาก App Drawer จะพบกับ Hidden Space ซึ่งผู้ใช้สามารถซ่อนแอปพลิเคชันที่ต้องการได้จากหน้านี้

มาดูที่ลูกเล่นการใช้งานกันบ้าง สำหรับ OnePlus Nord N10 5G รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ที่ซิมการ์ดที่ 1 โดยจากการทดสอบพบว่า สามารถใช้งาน 5G ในไทยได้ทันที ไม่จำเป็นต้องรออัปเดตซอฟต์แวร์เพิ่มเติมแต่อย่างใด (ทีมงานทดสอบกับซิมการ์ดของค่าย AIS) นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Smart 5G ซึ่งจะเป็นการปรับการใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตมือถือ 5G ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งาน เพื่อช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่

รองรับการปรับค่า Refresh Rate ได้ทั้งหมด 2 ระดับ ได้แก่ 90Hz และ 60Hz

สามารถซ่อนกล้องหน้าแบบเจาะรูได้ด้วยการเปิดฟี เจอร์ Hide the front camera โดยระบบจะทำการเพิ่มแถบสีดำบริเวณกล้องหน้า เพื่อให้กล้องหน้าดูเรียบเนียนไปกับขอบตัวเครื่อง

นอกจากนี้ ยังมี Reading Mode ซึ่งเป็นการปรับโทนสีของหน้าจอแสดผลให้เหมาะแก่การอ่านหนังสือ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่ Chromatic Effect ซึ่งเป็นการปรับสีสันของการแสดงผลให้อ่อนลง และ Mono Effect ซึ่งเป็นการปรับโทนสีของหน้าจอให้เป็นแบบขาว-ดำ

ฟีเจอร์ Lift up display สำหรับปลุกหน้าจอแสดงผลแบบอัตโนมัติเมื่อยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาในระดับพร้อมใช้งาน

สามารถปรับระดับของตัวอักษรได้ทั้งหมด 4 ระดับ และสามารถปรับขนาดของการแสดงผลได้ทั้งหมด 5 ระดับ

สามารถปรับเปลี่ยนธีมของตัวเครื่องได้ที่เมนู Customization โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ Vibrant Tints, Illuminating Light และ Nuanced Dark

สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการควบคุมสมาร์ทโฟนได้ ทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่ การใช้ปุ่มควบคุมแบบสัมผัสบนหน้าจอ และ Navigation Gestures ซึ่งเป็นวิธีการควบคุมสมาร์ทโฟนผ่านการลากนิ้วที่บริเวณขอบด้านล่าง และด้านข้างของหน้าจอแสดงผลนั่นเอง

มาพร้อมกับ Quick Gestures ซึ่งเป็นวิธีสั่งการตัวเครื่องแบบเร่งด่วน เช่น การใช้ 3 นิ้วลากบนหน้าจอเพื่อบันทึกภาพหน้าจอ หรือแตะหน้าจอสองครั้ง เพื่อปลุกหน้าจอแสดงผล เป็นต้น

มาพร้อมกับฟีเจอร์ Dirac Audio Tuner ซึ่งเป็นการปรับแต่งการเล่นเสียงในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ Dynamic สำหรับปรับเสียงให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่กำลังเล่นอยู่แบบอัตโนมัติ, Movie ปรับแต่งเสียงให้มีความสมจริงยิ่งขึ้น เน้นเสียงพูดของตัวละครให้มีความชัดเจน พร้อมเล่นเสียงแบบรอบทิศทาง เพื่อตอบโจทย์การรับชมภาพยนตร์ และ Music สำหรับปรับแต่งให้เนื้อเสียงมีความอิ่ม เหมาะแก่การฟังเพลง

OnePlus Nord N10 5G มาพร้อมกับระบบยืนยันตัวตนแบบ Biometrics ทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ การสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง โดยรองรับการบันทึกลายนิ้วมือสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ และการสแกนใบหน้าแบบ 2 มิติ

ในส่วนของแบตเตอรี่ มาพร้อมกับฟีเจอร์ Optimized Charging ซึ่งระบบจะทำการปรับกำลังการจ่ายไฟให้เหมาะสมแก่พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้แต่ละ ท่าน เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานยิ่งขึ้น

Digital Wellbeing ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบปริมาณการใช้งานสมาร์ทโฟนในแต่ละวัน เพื่อบริหารการใช้งานสมาร์ทโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฟีเจอร์ Parallel Apps สำหรับโคลนแอปพลิเคชันเพื่อทำงานแยกออกจากกัน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียได้แบบ 2 แอคเคานท์

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ App Locker สำหรับล็อกแอปพลิเคชันที่ต้องการ ผู้ใช้จำเป็นต้องใส่รหัส หรือสแกนลายนิ้วมือก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว

และสำหรับใครที่เพิ่งย้ายมาจาก OnePlus รุ่นอื่นๆ ก็สามารถย้ายข้อมูลจาก OnePlus เครื่องเก่าได้อย่างง่ายๆ ด้วยฟีเจอร์ OnePlus Switch

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็คือ Quick reply in landscape ซึ่งเป็นการตอบกลับข้อความแจ้งเตือนแบบเร่งด่วนเมื่อกำลังใช้สมาร์ทโฟนในแนวนอน โดยระบบจะทำการเปิดแอปพลิเคชันที่แจ้งเตือนไว้ทางด้านซ้าย และเปิดใช้งานแป้นคีย์บอร์ดแบบลอยที่ด้านขวา เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถตอบกลับข้อความได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้ OnePlus Nord N10 5G ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ RAM Boost โดยระบบจะทำการคาดการณ์ล่วงหน้าว่าผู้ใช้จะเปิดใช้งานแอปพลิเคชันใดต่อไป และจะทำการโหลดแอปพลิเคชันนั้นๆ มาเก็บไว้ที่ RAM เพื่อช่วยลดระยะเวลาการเปิดแอปพลิเคชันให้สั้นลงนั่นเอง

ด้านประสิทธิภาพการทำงาน OnePlus Nord N10 5G ขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 690 5G Octa-Core Processor ตัวใหม่ล่าสุด ซึ่งมีประสิทธิภาพการประมวลผลที่ใกล้เคียงกับชิปเซ็ตซีรีส์ระดับรองท็อปอย่าง Snapdragon 765G เลยทีเดียว

โดยชิปเซ็ต Snapdragon 690 5G บน OnePlus Nord N10 5G จะทำงานร่วมกับหน่วยหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 619L พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 6Gb และหน่วยความจำภายในความจุ 128GB พร้อมระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย OxygenOS 10.5.5 ตั้งแต่แกะกล่อง

ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลโดยรวมด้วยแอปพลิเค ชัน AnTuTu พบว่า OnePlus Nord N10 5G สามารถทำคะแนนได้ทั้งหมด 282,643 คะแนน

ทดสอบการประมวลผลของหน่วยประมวลผล CPU ด้วยแอปพลิเคชัน GeekBench 5 พบว่า สามารถทำคะแนนการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ได้ทั้งหมด 607 คะแนน และทำคะแนนการประมวลผลแบบหลายแกน (Multi-Core) ได้ทั้งหมด 1,844 คะแนน

ทดสอบการประมวลผลของหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) พบว่า สามารถทำคะแนนแบบ OpenGL ES 3.1 ในด่านทดสอบ Sling Shot Extreme ได้ทั้งหมด 2,172 คะแนน

ทีมงานลองนำ OnePlus Nord N10 5G ไปเล่นเกม LOL : Wild Rift โดยปรับกราฟิกอยู่ในระดับ High Definition (ยังไม่รองรับการเปิดใช้งานกราฟิกระดับ Ultra High Definition) พร้อมเปิดโหมดเฟรมเรท 60fps ก็พบว่า OnePlus Nord N10 5G สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลเลยทีเดียว โดยเฟรมเรทโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 59-60fps ในจังหวะการเดินเกมปกติ รวมถึงจังหวะที่มีการออกสกิลอย่างหนัก ส่วนในเรื่องของความร้อน พบว่า ตัวเครื่องสามารถจัดการความร้อนได้ดี ไม่มีอาการฝาหลังอุ่นให้เห็นแต่อย่างใด

ในด้านการเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูง ก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหลเช่นเดียวกัน

ทดสอบการจับสัญญาณ GPS แบบกลางแจ้ง พบว่า OnePlus Nord N10 5G มีความแม่นยำในการจับสัญญาณคลาดเคลื่อน +- ไม่เกิน 4 เมตร

การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

สำหรับ UI กล้องถ่ายภาพของ OnePlus Nord N10 5G ยังคงความเรียบง่ายตามสไตล์ OnePlus เช่นเดิม โดยมีการจัดเรียงไอคอนคีย์ลัดสำหรับตั้งค่ากล้องถ่ายภาพแบบเร่งด่วนเอาไว้ที่ด้านบน ไม่ว่าจะเป็น การตั้งเวลาถ่ายภาพ, การเปิด-ปิด ไฟแฟลช,

การเปิดใช้งานโหมดถ่ายภาพเต็มความละเอียด 64 ล้านพิกเซล, การเปิดใช้งานโหมดถ่ายภาพแบบ Super Macro

รวมถึงการเปิดใช้งานฟิลเตอร์เพื่อปรับเปลี่ยน โทนสีของภาพถ่าย

สามารถสลับระยะการถ่ายภาพได้อย่างง่ายๆ เพียงแตะที่ไอคอนรูปต้นไม้ด้านล่าง

ส่วนแถบด้านล่างจะเป็นโหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ เริ่มตั้งแต่ โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ โดยผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty เพื่อปรับใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามได้พร้อมกัน

โหมด Nightscape สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความสว่างคมชัดโดยที่ไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง สามารถใช้งานได้ทั้งกล้องตัวหลัก และกล้องเลนส์มุมกว้าง

โหมด Panorama สำหรับถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ในมุมกว้าง

โหมด Pro สำหรับปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ ของกล้องได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งยังสามารถเลือกถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW เพื่อนำไปปรับแต่งต่อในแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ด้านการถ่ายวิดีโอ สามารถบันทึกวิดีโอได้จากกล้องทุกระยะ พร้อมรองรับการบันทึกไฟล์วิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K CINE ที่เฟรมเรทระดับ 30FPS

นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกฟอร์แมตวิดีโอเป็นแบบ HEVC เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บได้ รวมถึงเปิดใช้งานฟิลเตอร์ในโหมดวิดีโอได้ด้วยเช่นเดียวกัน

รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion ที่เรมเฟรทระดับ 240fps

รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Time-Lapse จากกล้องทุกระยะ พร้อมรองรับการบันทึกไฟล์ที่ความละเอียดสูงสุด 4K ที่เฟรมเรทระดับ 30fps

ทางด้านกล้องหน้าเซลฟี่มาพร้อมกับการจัดเรียงไอ คอนต่างๆ คล้ายกับกล้องหลัง ได้แก่ การตั้งเวลาถ่ายภาพ, การเปิด-ปิดไฟแฟลช และการเปิดใช้งานฟิลเตอร์เพื่อปรับโทนสีของภาพถ่าย

แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือ ฟีเจอร์ Beauty สำหรับปรับใบหน้าให้มีความสวยงาม โดยสามารถเลือกปรับได้ทั้งหมด 3 ระดับ

พร้อมรองรับการเปลี่ยนฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกใช้ อย่างหลากหลาย

ด้านโหมดการถ่ายภาพ มาพร้อมกับโหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty ได้เช่นกัน

ด้านการถ่ายวิดีโอ รองรับการบันทึกไฟล์ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD ที่เฟรมเรทระดับ 60fps

ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานฟิลเตอร์เพื่อปรับโทนสี ขณะบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าได้เช่นกัน

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ความละเอียดระดับ 64+8+2+2 ของ OnePlus Nord N10 5G

ภาพถ่ายด้วยโหมดปกติ

ภาพถ่ายด้วยกล้องเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide Angle

ภาพถ่ายจากโหมด Super Macro

ภาพถ่ายจากโหมด Nightscape

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลของ OnePlus Nord N10 5G

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait

สรุปผลการทดสอบของ OnePlus Nord N10 5G

เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G ระดับกลางที่มีความน่าสนใจอีกหนึ่งรุ่นเลยทีเดียว สำหรับ OnePlus Nord N10 5G ซึ่งแม้ว่าจะเป็นมือถือระดับกลางรุ่นใหม่ แต่สำหรับฟีเจอร์ต่างๆ แล้ว ยังถือว่าจัดเต็มสมกับสมาร์ทโฟนจากค่าย OnePlus เริ่มตั้งแต่หน้าจอแสดงผลแบบ 90Hz Smooth Display ที่มาพร้อมกับค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz ซึ่งแสดงผลได้ลื่นไหลเนียนตากว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปที่จอแสดงผลมีค่า Refresh Rate ระดับ 60Hz พร้อมลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Stereo Speakers) ที่ดังกระหึ่มมีมิติสมจริง ซึ่งตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบดื่มด่ำความบันเทิงบนสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี

ทางด้านประสิทธิภาพการทำงานก็จัดเต็มไม่แพ้กัน โดยมาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ Qualcomm อย่าง Snapdragon 690 5G ซึ่งมีประสิทธิภาพการประมวลผลโดยรวมที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับชิปเซ็ตระดับรองท็อปอย่าง Snapdragon 765G ที่ถูกใช้บนสมาร์ทโฟนปัจจุบันหลายต่อหลายรุ่น ผสานกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB กับ ROM ขนาด 128GB รวมทั้งยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4300mAh ที่รองรับระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ Warp Charge 30T ซึ่งใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่เพียงแค่ 30 นาที ก็เพียงพอต่อการใช้งานที่ยาวนานตลอดวัน

ด้านการถ่ายภาพ OnePlus Nord N10 5G ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว โดยมาพร้อมกับกล้องหลังจำนวน 4 ตัว ที่มีเลนส์การถ่ายภาพค่อนข้างครอบคลุมทุกสถานการณ์ ทั้งเลนส์ Ultra Wide Angle สำหรับถ่ายภาพมุมกว้าง ไปจนถึงกล้อง Macro สำหรับถ่ายภาพในระยะใกล้ กับกล้อง Monochrome ที่ช่วยในการเบลอฉากหลัง ส่วนกล้องตัวหลักจัดเต็มความละเอียดมาให้สูงถึง 64 ล้านพิกเซล ซึ่งนับว่าเพียงพอต่อการบันทึกภาพความประทับใจในทุกสภาพแสง ทุกระยะ และทุกสถานการณ์ พร้อมกับกล้องหน้าแบบ In-Display ที่ช่วยให้ได้หน้าจอสวยๆ งามๆ แบบไร้รอยบาก กับความละเอียดที่ 16 ล้านพิกเซล

และที่สำคัญ OnePlus Nord N10 5G ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ OxygenOS 10.5.5 ที่ได้รับการปรับแต่งทางด้านซอฟต์แวร์ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหล รวมทั้งยังมาพร้อมกับความสามารถด้านการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ซึ่งสามารถใช้งาน 5G ในประเทศไทยได้ทันทีอีกด้วย

ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (30 พฤศจิกายน 2563) OnePlus Nord N10 5G ก็ได้เปิดราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้วที่ 9,990 บาท ซึ่งเรียกว่าเป็นราคามิตรภาพสำหรับสมาร์ทโฟน 5G ดีๆ สักเครื่องหนึ่ง กับตัวเลือกสีเดียวคือสี Midnight Ice โดยจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป

อีกหนึ่งความพิเศษก็คือ ผู้ที่สั่งซื้อ OnePlus Nord N10 5G ระหว่างวันที่ 1-11 ธันวาคม นี้จะได้รับฟรี E-VIP Card การ รับประกันหน้าจอแตกนาน 1 ปี เต็ม พร้อมลำโพง Desktop Speaker รวมมูลค่ากว่า 5,390 บาท

และผู้ที่สั่งซื้อ OnePlus Nord N10 5G ผ่านทางผู้ให้ริการเครือข่ายทั้ง 3 ค่าย มีโปรโมชั่นราคาพิเศษเริ่มเพียง 3,490 บาทเท่านั้น

ท่านใดที่สนใจก็สามารถจับจองเป็นเจ้า ของ OnePlus Nord N10 5G ได้ที่ OnePlus Official Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง OnePlus ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง OnePlus Nord N10 5G มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

จุดเด่นของ OnePlus Nord N10 5G

- ดีไซน์ฝาหลังแบบเงา สามารถสะท้อนเล่นกับแสงเป็นเส้นริ้วได้อย่างสวยงามพรีเมียม - หน้าจอแสดงผล 90Hz Smooth Display ขนาด 6.49 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400x1080 พิกเซล) พร้อมครอบทับด้วยกระจก 2.5D Corning Gorilla Glass 3, อัตราส่วนการแสดงผลแบบ 20:9 และรองรับช่วงสีแบบ sRGB - เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง พร้อมระบบสแกนใบหน้า (Face Unlock) - ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 690 5G - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 619L - หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4x ขนาด 6GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 2.1 ขนาด 128GB - รองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ความจุสูงสุด 512GB - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 10 ครอบทับด้วย OxygenOS10.5.5

กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ความละเอียด 64+8+2+2 ล้านพิกเซล ประกอบด้วย

- กล้องตัวหลัก ( Main ) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.79, ระบบป้องกันการสั่นแบบ EIS และระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ - กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.25 และมุมรับภาพกว้าง 119 องศา - กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 - กล้อง Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

พร้อมฟีเจอร์ Nightscape สำหรับถ่ายภาพกลางคืนโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง, ฟีเจอร์ Super Macro สำหรับถ่ายภาพในระยะใกล้, รองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 4K CINE ที่เฟรมเรทระดับ 60fps, ระบบป้องกันการสั่นแบบ EIS

กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบเจาะรูบนหน้าจอ (In-Display) ความละเอียดระดับ 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.05 พร้อมระบบป้องกันการสั่นแบบ EIS

- ฟีเจอร์ Parallel Apps สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ - ฟีเจอร์ App Locker สำหรับล็อกแอปพลิเคชันที่ต้องการ - ฟีเจอร์ RAM Boost สำหรับจัดสรรการใช้ RAM ให้เหมาะสมกับการใช้งาน - แบตเตอรี่ความจุ 4300mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ Warp Charge 30T (30W : 5V/6A) - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 5G NR (N1,3,7,28,41,66,78), 4G LTE 4x4 MIMO, 3G, EDGE, GPRS และ WiFi - รองรับเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สายแบบ Bluetooth 5.1 และ NFC - ระบบ Dual-GPS Frequency (L1+L5 Dual Band) พร้อมรองรับระบบดาวเทียมGLONASS ของรัสเซีย, Galileo ของสหภาพยุโรป และ BeiDou ของประเทศจีน - พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C - ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร - ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Stereo Speakers) พร้อมฟีเจอร์ปรับแต่งการเล่นเสียงแบบ Dirac Audio Tuner - ราคา 9,990 บาท ถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OnePlus Nord N10 5G

- หน้าจอแสดงผลเป็นแบบ IPS LCD ไม่ใช่ AMOLED - ไม่มีเคส และหูฟังแถมมาให้ภายในกล่องผลิตภัณฑ์ - ไม่มีปุ่ม Alert Slider สำหรับปรับโหมดการแจ้งเตือนเหมือนกับ OnePlus รุ่นอื่นๆ - ถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Hybrid Slot - มีให้เลือกเพียงแค่สีเดียวคือสี Midnight Ice

Leave a Comment