รีวิว OPPO A92 รุ่นสเปกจัดใหญ่ ในราคาหลักพัน กับ 4 กล้อง 48MP จอชัด เมมเยอะ แบตอึดชาร์จไว และลำโพงคู่ :: Thaimobilecenter.com

รุ่นสเปกจัดใหญ่ ในราคาไม่ถึง 9 พัน กับกล้องหลัง 4 ตัว จอชัด เมมเยอะ แบตอึดชาร์จไว และลำโพงคู่ ด้วยจอ 1080P Neo-Display ใหญ่ 6.5 นิ้ว, กล้อง AI Quad Camera 48 ล้านพิกเซล, ชิปเซ็ต Snapdragon 665, แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จไว 18W Fast Charge, RAM 8GB+ROM 128GB และลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมเอฟเฟกต์ Dirac 2.0 บนบอดี้ 3D Quad-Curve สวยโค้งมนเปล่งประกาย ในราคา 8,999 บาท

18 มิถุนายน 2020 - เรียกว่ามีกระแสตอบรับที่ดีตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดตัวในประเทศไทยเลยทีเดียว และล่าสุดก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว สำหรับ OPPO A92 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากตระกูล A-Series ภายใต้สโลแกน “สเปกแรงสุด สนุกไม่ยั้ง” ที่มีจุดเด่นเป็นดีไซน์ใหม่ในชื่อ 1080P Neo-Display กับหน้าจอขนาดใหญ่ความละเอียดสูง 6.5 นิ้ว แบบไร้ขอบ ไร้รอยบาก ไร้ติ่งหยดน้ำ พร้อมฝังกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลไว้บนจอ และฝาหลังขอบโค้ง 3D Quad-Curve ที่มีลวดลายดีไซน์ชื่อ Constellation Design โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการเปลี่ยนแปลงของสีบนท้องฟ้าที่ขั้วโลก ซึ่งจะสะท้อนเล่นกับแสงในมุมตกกระทบต่างๆ และมีการติดตั้งกล้องหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ทีกล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยกล้อง Ultra-Wide, กล้อง Portrait และกล้อง Monochrome ที่รองรับฟังก์ชันการถ่ายภาพแบบครบครัน และสามารถตัดต่อวิดีโอต่างๆ ได้ด้วยแอปพลิเคชัน SOLOOP ที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องแบบแกะกล่อง และเลือกติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Fingerprint Unlock)

OPPO A92 ยังโดดเด่นที่แบตเตอรี่ความจุมากถึง 5000 mAh ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน แถมความสามารถแปลงร่างเป็น Power Bank ให้กับเครื่องอื่นได้ผ่านสาย OTG ด้วยฟังก์ชัน Reverse Charging และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W Fast Charge ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังประมวลผลการทำงานด้วย ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 665 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น รองรับเทคโนโลยี Hyper Boost ที่ ช่วยเร่งประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวม 3 ด้านหลักๆ ได้แก่ แอปพลิเคชัน (AppBoost), ระบบ (SystemBoost) และเกม (GameBoost) ให้ดีขึ้น

โดยทำงานร่วมกับหน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB พร้อมหน่วยความจำภายใน ( ROM ) มาตรฐาน UFS 2.1 ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุดที่ 256GB และรองรับถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ที่รองรับ 2 ซิมการ์ด + 1 microSD Card ได้ในเวลาเดียวกัน รวมถึง ลำโพง Stereo แบบคู่ พร้อมระบบเสียง Hi-Res Audio และ Dirac 2.0 ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการใช้งานด้านความบันเทิง

จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า OPPO A92 มีจุดเด่นที่น่าสนใจในหลายด้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องสุดพรีเมียม หรือฟีเจอร์ที่จัดมาให้แบบครบครัน และกล้องถ่ายภาพที่ดีกว่าเดิมถึง 4 ตัว กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 8,999 บาท ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชมการ รีวิว OPPO A92 ไปพร้อมกันได้เลยค่ะ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

OPPO A92 มาในแพ็กเกจสีไล่เฉด พร้อมระบุรุ่นความจุไว้อย่างชัดเจน

ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ได้แก่ เคสใส, อะแดปเตอร์ (9V/2A), หูฟัง, สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, คู่มือการใช้งาน และเข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด

ภาพตัวอย่างการใส่เคสที่แถมมาในแพ็กเกจ

OPPO A92 มาพร้อมกับหน้าจอ 1080P Neo-Display  (TFT LCD) ดีไซน์ไร้ขอบแบบใหม่ ที่มีการฝังกล้องหน้าบนหน้าจอ ขนาด 6.5 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 (พื้นที่การแสดงผล 90.5%) ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 405 ppi) พร้อมขอบหน้าจอบางเฉียบเพียง 1.73 มิลลิเมตร บนตัวเครื่องขนาด 163.6x75.6x9.1 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 192 กรัม

ที่ด้านบนมีเพียงลำโพงสำหรับสนทนา และเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม

สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่ฝังอยู่บนหน้าจอที่มุมบนซ้าย ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์

พร้อมรองรับระบบการสแกนใบหน้า (Facial Unlock) ในการปลดล็อกตัวเครื่อง

ด้านหน้าส่วนล่างใช้ปุ่มควบคุมบนหน้าจอแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent App, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย

ที่ด้านบนของตัวเครื่องไม่มีปุ่มสั่งการ หรือช่องใดๆ

ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ลำโพงเสียงภายนอกแบบ Stereo, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนตัวหลักสำหรับสนทนา และช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้ว มือ (Side Fingerprint Unlock) พร้อมเป็นปุ่ม Power สำหรับ เปิด-ปิดเครื่อง และล็อกหน้าจอในตัว

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มปรับระดับเสียง และถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Triple-Slot ซึ่งรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (สแตนด์บายบนเครือข่าย 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด : Dual 4G) และการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ที่ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน

OPPO A92 มีฝาหลังขอบโค้งทั้ง 4 ด้านแบบ 3D Quad-Curve พร้อมลวดลายดีไซน์ชื่อ Constellation Design ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเปลี่ยนแปลงของสีบนท้องฟ้าที่ขั้วโลก ซึ่งจะสะท้อนเล่นกับแสงในมุมตกกระทบต่างๆ โดยสีที่ทางทีมงานได้รับมารีวิวนั้นคือสีดำ (Twilight Black)

ที่ด้านหลังตัวเครื่องของ OPPO A92 มีการติดตั้งระบบกล้องทั้งหมด 4 ตัว (Quad Camera) แบ่งออกเป็น

- กล้องตัวหลัก ( Main ) ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (F/1.7) - กล้องตัวที่สองแบบ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.2) เก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 119 องศา - กล้องตัวที่สามแบบ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4) - กล้องตัวที่สี่แบบ Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4)

ซึ่งรองรับโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง Ultra HD 48MP, โหมดถ่ายภาพกลางคืนแบบ Ultra Night Mode 2.0, โหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait), โหมดหน้าสวย (Beauty), ฟังก์ชัน AI Scene Recognition ในการตรวจจับซีนในแต่ละภาพ เพื่อนำไปปรับแต่งให้เหมาะสม และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD พร้อมโหมดป้องกันการสั่นไหวแบบ Ultra Steady Video รวมถึงการถ่ายวิดีโอในมุมกว้างพิเศษ (Video Ultra Wide Angle)

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

OPPO A92 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7.1 กับดีไซน์หน้า User Interface ที่เรียบหรู และดูสบายตามากขึ้น โดยรองรับหน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB พร้อมความจุภายในตัวเครื่องมาตรฐาน UFS 2.1 ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB

และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G แบบ Dual 4G LTE

เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Toggle Switch ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต, Bluetooth หรือการหมุนหน้าจออัตโนมัติ รวมถึง Notification Center แถบการแจ้งเตือนต่างๆ

โดยสามารถปรับตำแหน่งของคีย์ลัดต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ

เมื่อปัดไปทางด้านขวาจากหน้าโฮมสกรีน จะพบกับ Smart Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่คอยแนะนำฟีเจอร์ และข้อมูลต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟน เช่น ข้อมูลการออกกำลังกาย, ภาพถ่ายในแต่ละสัปดาห์ หรือรายชื่อผู้ติดต่อที่ติดต่อเป็นประจำ และยังสามารถจัดการแอปพลิเคชันที่แสดงภายในหน้า Smart Assistant ได้ ด้วยการกดเครื่องหมาย + ที่ด้านขวาบน

สามารถเข้าสู่เข้าสู่เมนูการปรับแต่งหน้าจอ เพื่อปรับตำแหน่งของไอคอน พร้อมเลือกใช้งาน Widget ที่ต้องการ รวมถึงเอฟเฟ็กเวลาเปลี่ยนหน้าจอ และภาพพื้นหลังได้ เพียงใช้สองนิ้วรูดเข้าหากันในแนวทแยง

และเมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะพบกับหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปิดแอปพลิเคชันที่เปิดค้างเอาไว้ได้ เพียงแค่เลื่อนหน้าต่างแอปนั้นๆ ไปยังด้านบน หรือปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในครั้งเดียวด้วยการกดปุ่ม Clear ที่ด้านล่าง

สำหรับบริการต่างๆ จากทาง Google รวมถึงแอปพลิเคชันพื้นฐาน ก็มีการติดตั้งมาไว้ให้ได้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Contact, Phone Manager, Recorder, Compass, Calculator, Clone Phone, One-Tap Lockscreen, FM Radio, HeyTap Cloud, Keep Notes และ OPPO Service

สามารถปรับค่าการแสดงผลต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ความสว่างอัตโนมัติ, อุณหภูมิสี หรือขนาดของตัวอักษร พร้อมรองรับฟังก์ชัน Eye Caring Mode สำหรับลดแสงสีฟ้าบนหน้าจอ

รวมถึงรองรับ Dark Mode ในการเปลี่ยนพื้นหลังให้กลายเป็นสีดำ และยังเลือกให้แอปพลิเคชันจาก Third-Party แสดงผลพื้นหลังเป็นสีดำได้อีกด้วย โดยในเบื้องต้นยังเป็นแบบ Beta อยู่

ตัวอย่างการใช้งาน Dark Mode

สามารถตั้งค่าต่างๆ ในหน้า Home Screen ได้

ตั้งแต่การเลือกใช้งานหน้าจอได้ทั้งในโหมดปกติ (Standard : ค่าเริ่มต้น), แบบ Drawer หรือแบบ Simple ที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ

และเลือกจำนวนการแสดงผลของไอคอนบนหน้าจอได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ 4x6 (ค่าเริ่มต้น) และ 5x6

สามารถปรับเปลี่ยนธีม (Theme), รูปแบบตัวอักษร (Font) และภาพพื้นหลัง (Wallpaper) ของตัวเครื่องได้อย่างอิสระ

และสำหรับท่านที่ต้องการใช้งานพื้นหลัง, รูปแบบธีม รวมถึงรูปแบบตัวอักษรที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ก็สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้จากแอปพลิเคชัน Theme Store

รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบของไอคอน

แอปพลิเคชัน Phone Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการเคลียร์ไฟล์แคช (Cache File), จัดการความเป็นส่วนตัว หรือการสแกนไวรัส ซึ่งจะช่วยให้ตัวเครื่องมีความปลอดภัย และใช้งานได้รวดเร็วอยู่ตลอดเวลา

สามารถสลับตำแหน่งของปุ่ม Navigation Buttons ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้

หรือเลือกใช้งานการควบคุมแบบ Swipe Gestures From Both Sides ในการปัดหน้าจอจากด้านข้างลักษณะต่างๆ เพื่อสั่งการ

หรือเลือกใช้งานการควบคุมแบบ Swipe-Up Gestures ในการปัดหน้าจอขึ้นลักษณะต่างๆ เพื่อสั่งการ

รวมถึงการเปิดใช้งานฟังก์ชัน Assistive Ball ปุ่มคีย์ลัดที่สามารถเลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งได้

และรองรับฟังก์ชัน Smart Sidebar สำหรับเรียกใช้งานคีย์ลัด และแอปพลิเคชันต่างๆ ผ่านการสไลด์ที่บริเวณขอบสีขาวที่หน้าจอ

โดยรองรับการใช้งานทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน พร้อมเลือกแอปพลิเคชันอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติมในแถบ Smart Sidebar ได้

และเมื่อกดค้างที่แอปพลิเคชันต่างๆ จะปรากฎคีย์ลัด เพื่อการใช้งานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น

OPPO A92 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะก็มีให้ใช้งาน ด้วยเช่นกัน ซึ่งประกอบไปด้วย การแคปเจอร์หน้าจอด้วยการลาก 3 นิ้วจากบนลงล่าง, การยกตัวเครื่องขึ้นเพื่อเป็นการปลุกการทำงาน, การรับสายอัตโนมัติ, การสลับจากลำโพงภายนอก มาเป็นลำโพงสำหรับสนทนาเมื่อนำมือถือมาแนบที่ใบหู และการคว่ำตัวเครื่องเพื่อปิดเสียงสายโทรเข้า

รวมถึง Screen-Off Gestures การวาดนิ้วในลักษณะต่างๆ ขณะหน้าจอดับอยู่ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด เช่น แตะสองครั้งเพื่อปลุกหน้าจอ, วาดตัวอักษร O เพื่อเปิดแอปพลิเคชันกล้องถ่ายภาพ, วาดตัวอักษร V เพื่อเปิดใช้งานไฟฉาย และการวาดตัวอักษร < หรือ > เพื่อเปลี่ยนเพลง นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่ารูปแบบการวาดเพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้

โดยที่สามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้ด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถเรียกใช้งาน Google Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Google บน OPPO A92 ได้ด้วยเช่นกัน โดยกดค้างที่ปุ่ม Power ประมาณ 2 วินาที โดยผู้ใช้สามารถสั่งงานภายในตัวเครื่อง รวมถึงค้นหาสิ่งต่างๆ ที่ต้องการผ่านคำสั่งเสียง รวมถึงบริการ Google Lens บริการค้นหาวัตถุ หรือสถานที่ด้วยการนำกล้องไปถ่ายวัตถุนั้นๆ ได้อย่างง่ายดาย

ตัวอย่างการใช้งานบนบริการ Google Lens

OPPO A92 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน พร้อมเปิดใช้งานในโหมดประหยัดพลังงานอย่าง Smart Power Saver ที่ช่วยจัดการพลังงานให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น โดยเมื่อกดใช้งานแถบแบตเตอรี่บนหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง

รวมถึงโหมด High Performance เพื่อการประมวลผลในระดับสูงสุด โดยเมื่อเปิดใช้งานจะมีสัญลักษณ์แบตเตอรี่สีเขียวที่ด้านซ้ายถัดจากเวลา

และรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูงแบบ 18W Fast Charge ที่ช่วยประหยัดเวลาในการชาร์จได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังรองรับฟังก์ชัน Reverse Charging สำหรับแปลงเป็น Power Bank ให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่น

ฟังก์ชัน Do Not Disturb สำหรับปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบไม่มีการสั่นเตือน ยกเว้นการตั้งปลุกที่ผู้ใช้ตั้งค่าเอาไว้ โดยจะมีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ที่ด้านบนเมื่อเปิดการใช้งาน

สามารถตรวจสอบเวลาที่ใช้ไปในแต่ละแอปพลิเคชัน รวมถึงกำหนดระยะเวลาในการใช้งานในแต่ละแอปพลิเคชันได้

และรองรับฟังก์ชันใหม่ล่าสุดอย่าง Focus Mode สำหรับช่วยตัดผู้ใช้ออกจากโลกภายนอก โดยระบบจะปิดแอปพลิเคชันที่ตั้งค่าไว้แบบชั่วคราว พร้อมเปิดเพลงสบายๆ โดยผู้ใช้สามารถเลือก Theme ของเพลงได้ และเปิดโหมดห้ามรบกวน (Do Not Disturb) เพื่อปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ตอบโจทย์เวลาที่ผู้ใช้ต้องการสมาธิ หรือเข้านอนนั่นเอง

OPPO A92 ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง App Cloner สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook และ Line จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์

รวมถึงรองรับการใช้งานแบบ Multiple Mode ที่สามารถสลับการใช้งานจากผู้ใช้หลายคนได้ โดยข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคน และการรักษาความปลอดภัยต่างๆ จะถูกแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเหมาะสำหรับท่านที่ต้องการแยกการทำงาน และการใช้งานทั่วไปให้ชัดเจน

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Split Screen ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ทั้งหมด 4 วิธี

ตัวอย่างการใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอ

ทางด้านอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้ หลักๆ 2 แบบ คือ รวมภาพถ่ายทั้งหมด และแสดงแบบแยกอัลบั้ม

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยบน OPPO A92 มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ติดตั้งอยู่ด้านขวาของตัวเครื่อง (Side Fingerprint Unlock) โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ

และการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Facial Unlock) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว

ท่านที่ใช้งาน OPPO A92 เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่แล้วอยากย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องเดิม ก็สามารถโอนย้ายข้อมูลด้วยแอปพลิเคชัน Clone Phone ได้ทันที

OPPO A92 รองรับการเล่นเพลง และไฟล์เสียงต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Music และสามารถเปิดใช้งานระบบเสียง Dirac ได้ โดยผู้ใช้สามารถสามารถปรับรูปแบบอีควอไลเซอร์ได้หลากหลาย (ระบบเสียง Dirac จะต้องใช้งานร่วมกับหูฟังเท่านั้น)

นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งแอปพลิเคชัน SOLOOP มาให้แบบแกะกล่อง กับความสามารถในการตัดต่อวิดีโอ

โดยสามารถเลือกใส่เอฟเฟกต์ต่างๆ, เลือกตัดเฉพาะส่วนที่ต้องการ, ใส่ฟีลเตอร์, เพิ่มคำบรรยาย และเพิ่มเพลง Background

ที่สำคัญ OPPO A92 ยังรองรับฟังก์ชันเพื่อความเป็นส่วนตัวอย่าง App Lockสำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง, Kid Space การจัดการแอปพลิเคชันสำหรับเด็ก รวมถึง Private Safe ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน นอกจากนี้ก็มีระบบรักษาความปลอดภัยเมื่อต้องกรอกรหัสผ่าน และการป้องกันการบันทึกหน้าจอที่เปิดเผยข้อมูลสำคัญ

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง OPPO A92 นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor

สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 43 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 4 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง

OPPO A92 มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm (SDM665) Snapdragon 665 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.0 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 610, หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) มาตรฐาน UFS 2.1 ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ซึ่งถูกครอบทับด้วย User Interface แบบ ColorOS 7.1

OPPO A92 มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 189,630 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 5 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 308 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 1,358 คะแนน

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 1,130 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 1,124 คะแนน

OPPO A92 รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

OPPO A92 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์สำหรับเกมเมอร์ตัวจริงอย่าง Game Assistant ที่ช่วยในเรื่องของภาพให้ออกมาสมจริง พร้อมเพิ่มอรรถรสเวลาเล่นเกม และ Game Space ที่ผู้ใช้สามารถบล็อกการแจ้งเตือน Pop-up ต่างๆ ขณะเล่นเกม รวมถึงการล็อกระดับความสว่างของหน้าจอได้

ใน Game Space นั้นก็มี Graphics Acceleration สำหรับรีดประสิทธิภาพการประมวลผลของ GPU เพื่อให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างลื่นไหลที่สุด รวมไปถึง Network Protection สำหรับจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยลดอาการแลคขณะเล่นเกมออนไลน์ที่จำเป็นต้องมีการรับ-ส่งข้อมูลอยู่ตลอดเวลา

จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสาม มิติอย่าง Dragon Raja, Marvel Future Fight และ Phantoms : Tang Dynasty ก็พบว่า OPPO A92 นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น แต่ก็มีอาการ หน่วง หรือกระตุกบ้าง หากเปิดกราฟิกในระดับสูงสุด และมีการสะสมความร้อนเมื่อเล่นติดกันเป็นเวลานาน

OPPO A92 มาพร้อมกับหน้าจอแบบ 1080P Neo-Display (TFT LCD) ขนาด 6.5 นิ้ว ดีไซน์ไร้ขอบพร้อมเจาะรูกล้องหน้า ในอัตราส่วน 20:9 (พื้นที่การแสดงผล 90.5%) ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 405 ppi) จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้อย่างคมชัดเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยี Widevine L1 จึงสามารถรับชมคอนเทนท์บนแอปสตรีมมิ่งที่ความคมชัดระดับ HD ได้ และด้วยลำโพงเสียง Stereo แบบคู่ พร้อมระบบเสียงระดับ Hi-Res Audio และ Dirac 2.0 จึงช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมภาพยนตร์/ซีรีส์เรื่องโปรด รวมถึงการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี

การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

OPPO A92 มาพร้อมระบบกล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) แบ่งออกเป็น

กล้องตัวหลัก ( Main ) ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (F/1.7) กล้องตัวที่สองแบบ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.2) เก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 119 องศา กล้องตัวที่สามแบบ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4) กล้องตัวที่สี่แบบ Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4)

โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรู สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน โดยสามารถเลือกถ่ายภาพในมุมปกติ (1x),  แบบมุมกว้าง Ultra-Wide (0.6x), ซูมที่ 2 เท่า (2x) และซูมที่ 5 เท่า (5x) โดยสามารถซูมสูงสุดที่ 10 เท่า (10x Digital Zoom)

พร้อมฟังก์ชันเปิด-ปิด ไฟแฟลช, โหมด HDR, ฟังก์ชัน AI Dazzle Color สำหรับเพิ่มสีสัน และการเพิ่มฟีลเตอร์

และเปิดแถบเมนูเพิ่มเติมได้ ประกอบด้วย สัดส่วนภาพถ่าย, การตั้งเวลาถ่ายภาพ, โหมด 48MP สำหรับถ่ายภาพความละเอียดสูง และการตั้งค่าอื่นๆ เพิ่มเติม

มาพร้อมกับฟังก์ชัน AI Scene Recognition สำหรับในการตรวจจับซีนในแต่ละภาพ เพื่อนำไปปรับแต่งให้เหมาะสม ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI)

OPPO A92 มาพร้อมกับโหมด AI Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ โดยสามารถเลือกระดับความเนียนได้ตั้งแต่ 0 - 100%

และโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ที่ 0 - 100%

และใส่ฟีลเตอร์แบบต่างๆ ได้

มีโหมดถ่ายภาพกลางคืนแบบ Ultra Night Mode 2.0 ทั้งในมุมปกติ และแบบมุมกว้าง (Wide-Angle) ด้วยเทคโนโลยี Multi-Frame Noise Reduction กับเทคโนโลยี HDR พร้อม Noise Reduction ที่ช่วยลดการเกิด noise บนภาพ รวมถึง Anti-Shake Effects กับ High-Light Suppression ที่ช่วยเพิ่มไดนามิกให้กับภาพ

รองรับกการถ่ายภาพมุมกว้างในโหมด PANO และโหมด Expert การตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด

รวมถึงเพิ่มสติกเกอร์แบบต่างๆ พร้อมใช้งานร่วมกับ AI Beauty ปรับค่าผิวเนียนได้

การถ่ายวิดีโอบน OPPO A92 สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดในโหมดปกติได้ที่ระดับ 4K UHD (30 fps) สามารถเลือกถ่ายภาพในมุมปกติ (1x),  แบบมุมกว้าง Ultra-Wide (0.6x), ซูมที่ 2 เท่า (2x) และซูมที่ 5 เท่า (5x) โดยสามารถซูมสูงสุดที่ 10 เท่า (10x Digital Zoom) และรองรับการโหมดป้องกันการสั่นไหวแบบ Ultra Steady Video

พร้อมใส่ฟีลเตอร์แบบต่างๆ ได้

และโหมด AI Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ โดยสามารถเลือกระดับความเนียนได้ตั้งแต่ 0 - 100%

รองรับฟังก์ชัน TIME-LAPSE และฟังก์ชัน SLO-MO

ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้าของ OPPO A92 ฝังบนหน้าจอ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสง F/2.0

โดยมีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที ได้แก่ เปิดปิดไฟแฟลช, ฟังก์ชัน HDR, การเพิ่มฟีลเตอร์แบบต่างๆ และเปิดแถบเมนูเพิ่มเติมได้ ซึ่งประกอบด้วย ประกอบด้วย สัดส่วนภาพถ่าย, การตั้งเวลาถ่ายภาพ และการตั้งค่าอื่นๆ

กล้องหน้าของ OPPO A92 รองรับเทคโนโลยี AI Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งแต่ละส่วนบนใบหน้าได้อย่างอิสระ ซึ่งสามารถเลือกระดับได้ตั้งแต่ 0-100% (ค่าเริ่มต้นจะอยู่ที่ 30%)

สำหรับโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) สามารถปรับระดับความเบลอได้ที่ 0 - 100%

พร้อมเพิ่มฟีลเตอร์แบบต่างๆ

และรองรับเทคโนโลยี AI Beauty ที่สามารถปรับแต่งโครงสร้างบนใบหน้าได้อย่างอิสระ

รวมถึงโหมด PANO

และเพิ่มสีสันให้กับการเซลฟี่ด้วยสติ้เกอร์แบบ ต่างๆ พร้อมใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี AI Beauty ที่สามารถปรับโครงสร้างใบหน้าในแต่ละส่วนได้อย่างอิสระ

การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าของ OPPO A92 รองรับความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p พร้อมโหมด AI Beauty ในการปรับค่าผิวให้ดูเนียนสวยขึ้น ตั้งแต่ระดับ 0 - 100%

พร้อมใส่ฟีลเตอร์แบบต่างๆ

รวมถึงรองรับฟังก์ชัน TIME-LAPSE

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ความละเอียดระดับ 48+8+2+2 ล้านพิกเซล ของ OPPO A92

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมด Dazzle Color

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมด Dazzle Color

ภาพถ่ายจากโหมด Ultra-Wide Angle

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมด Dazzle Color

ภาพถ่ายจากโหมด Ultra-Wide Angle

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมด Ultra-Wide Angle

ภาพถ่ายในโหมด Portrait

ภาพถ่ายในโหมด Sticker

ภาพถ่ายเวลากลางคืนในโหมด Night

ภาพถ่ายเวลากลางคืนในโหมด Night แบบมุมกว้าง Ultra-Wide Angle

ภาพถ่ายเวลากลางคืนในโหมด Night

ภาพถ่ายเวลากลางคืนในโหมด Night แบบมุมกว้าง Ultra-Wide Angle

ภาพถ่ายเวลากลางคืนในโหมด Night

ภาพถ่ายเวลากลางคืนในโหมด Night แบบมุมกว้าง Ultra-Wide Angle

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าฝังบนจอ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลของ OPPO A92

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายในโหมด AI Beauty

ภาพถ่ายในโหมด Portrait

ภาพถ่ายในโหมด Sticker

สรุปผลการทดสอบของ OPPO A92

จากการทดสอบทั้งหมดในข้างต้นก็พอจะสรุปได้ว่า OPPO A92 เป็นตัวเลือกใหม่อีกรุ่นที่คุ้มค่าน่าสนใจไม่แพ้ใครในงบไม่เกิน 9,000 บาท ด้วยการดีไซน์ใหม่หมดจดในชื่อ 1080P Neo-Display กับหน้าจอไร้ขอบ ไร้รอยบาก ไร้ติ่งหยดน้ำ ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ ในอัตราส่วน 20:9 ที่ให้มุมมองกว้างเต็มตาแบบพิเศษ ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป ท่องโลกโซเชียล เล่นเกม หรือดูภาพยนตร์เรื่องโปรดก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดี อีกทั้งยังรองรับ เทคโนโลยี Widevine L1 จึงสามารถรับชมคอนเทนต์บนแอปสตรีมมิ่งที่ความคมชัดระดับ HD ได้ และด้วย ลำโพง เสียง Stereo แบบคู่ พร้อมระบบเสียงระดับ Hi-Res Audio และ Dirac 2.0 จึงช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมภาพยนตร์/ซีรีส์เรื่องโปรด รวมถึงการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี สำหรับกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ฝังอยู่บนหน้าจอ และมีฝาหลังขอบโค้งทั้ง 4 ด้านแบบ 3D Quad-Curve พร้อมกับลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเปลี่ยนแปลงของสีบนท้องฟ้าที่ขั้วโลกอย่าง Constellation Design ซึ่งจะสะท้อนเล่นกับแสงในมุมตกกระทบต่างๆ ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือย้ายไปอยู่ที่ด้านข้างของตัวเครื่อง ที่ด้านหลังตัวเครื่องจึงสามารถแสดงลวดลายได้อย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าช่วยเพิ่มความพรีเมียมให้กับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี

อีกด้านที่น่าสนใจคือกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว (AI Quad Camera) ที่ ประกอบไปด้วย กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (F/1.7) พร้อม กล้อง Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.2) เก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 119 องศา, กล้อง Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4) และ กล้อง Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4) ที่รองรับโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง Ultra HD 48MP , โหมดถ่ายภาพกลางคืนแบบ Ultra Night Mode 2.0 ที่รองรับการถ่ายในมุมปกติ และแบบมุมกว้าง (Wide-Angle) ด้วยเทคโนโลยี Multi-Frame Noise Reduction กับเทคโนโลยี HDR พร้อม Noise Reduction ที่ช่วยลดการเกิด noise บนภาพ รวมถึง Anti-Shake Effects กับ High-Light Suppression ที่ช่วยเพิ่มไดนามิกให้กับภาพ, โหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ 0-100%, โหมดหน้าสวย (AI Beauty) ที่สามารถปรับระดับผิวเนียนได้, ฟังก์ชัน AI Scene Recognition ในการตรวจจับซีนในแต่ละภาพ เพื่อนำไปปรับแต่งให้เหมาะสม และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD พร้อมโหมดป้องกันการสั่นไหวแบบ Ultra Steady Video รวมถึงการถ่ายวิดีโอในมุมกว้างพิเศษ (Video Ultra Wide Angle) และ สามารถตัดต่อวิดีโอต่างๆ ด้วยแอปพลิเคชัน SOLOOP ที่ติดตั้งมาให้พร้อมตั้งแต่แกะกล่อง

OPPO A92 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 665 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็ว 2.0GHz ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า จึงสามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น บวกกับแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 5000 mAh พร้อมความสามารถแปลง ร่างเป็น Power Bank ให้กับเครื่องอื่นได้ผ่านสาย OTG ด้วย ฟังก์ชัน Reverse Charging และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W Fast Charge จึงสามารถใช้งานได้ยาวนาตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังไม่ต้องรอการชาร์จนานแบบรุ่นก่อนๆ อีกด้วย

ซึ่งทำงานร่วมกับหน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB พร้อมหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง (ROM) มาตรฐาน UFS 2.1 ขนาด 128GB ที่ยังสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้อีก 256GB จึงสามารถเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพถ่าย, แอปพลิเคชัน และเกมได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเต็มเร็ว พร้อมถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ที่รองรับ 2 ซิมการ์ด + การ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้ในเวลาเดียวกัน และทั้งหมดนี้รันอยู่บน ระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ถูกครอบทับด้วย ColorOS 7.1 ที่รองรับผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Google Assistant ที่ผู้ใช้สามารถสั่งงานภายในตัวเครื่อง รวมถึงค้นหาสิ่งต่างๆ ที่ต้องการผ่านคำสั่งเสียง รวมถึงบริการ Google Lens บริการค้นหาวัตถุ หรือสถานที่ด้วยการนำกล้องไปถ่ายวัตถุนั้นๆ ได้อย่างง่ายดาย

OPPO A92 ยังรองรับฟังก์ชัน Game Assistant ที่ช่วยในเรื่องของภาพให้ออกมาสมจริง พร้อมเพิ่มอรรถรสเวลาเล่นเกม และ Game Space ที่ผู้ใช้สามารถบล็อกการแจ้งเตือนต่างๆ รวมถึงการล็อกระดับความสว่างของหน้าจอได้ขณะเล่นเกม พร้อมกับฟีเจอร์ Graphics Acceleration ในการรีดประสิทธิภาพการประมวลผลของ GPU เพื่อให้การเล่นเกมเป็นไปอย่างลื่นไหลอีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถเล่นเกมตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงเกมที่เน้นกราฟิกได้แบบไม่มีสะดุด

นอกเหนือจากฟีเจอร์เด่นในด้านบน OPPO A92 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์อรรถประโยชน์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านอื่นๆ อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการสแตนด์บายบนเครือข่าย 4G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ดแบบ Dual 4G, ฟีเจอร์ App Cloner ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง Facebook หรือ Line ได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์, ฟีเจอร์ Split Screen ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน, ฟังก์ชัน Smart Sidebar สำหรับเรียกใช้งานคีย์ลัด และแอปพลิเคชันต่างๆ ผ่านการสไลด์ที่บริเวณขอบสีขาวที่หน้าจอ พร้อม Full Screen Multitasking สำหรับเปิดแอปพลิเคชันอื่นๆ ขณะใช้งานในโหมดการแสดงผลเต็มหน้าจอ เช่น การเล่นเกม หรือการชมวิดีโอต่างๆ และ Screen-Off Gestures การวาดนิ้วในลักษณะต่างๆ ขณะหน้าจอดับอยู่ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด รวมถึงการบันทึกภาพหน้าจอแบบยาว พร้อมทั้งฟีเจอร์อำนวยความสะดวกสำหรับท่านที่เปลี่ยนมาใช้งาน OPPO A92 ด้วยฟังก์ชัน Clone Phone ที่สามารถทำการโอนถ่ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องเดิมได้ทันที นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Multiple Mode ที่สามารถสลับการใช้งานจากผู้ใช้หลายคนได้ โดยข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคน และการรักษาความปลอดภัยต่างๆ จะถูกแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเหมาะสำหรับท่านที่ต้องการแยกการทำงาน และการใช้งานทั่วไปให้ชัดเจน

OPPO A92 ยังให้ความสำคัญด้านความเป็นส่วนตัวด้วยเช่นกัน ด้วยฟีเจอร์ App Lock สำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง และ Private Safe ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน รวมถึงก็มีระบบรักษาความปลอดภัยเมื่อต้องกรอกรหัสผ่าน และการป้องกันการบันทึกหน้าจอที่เปิดเผยข้อมูลสำคัญ รวมไปถึงการจัดการแอปพลิเคชันสำหรับเด็กโดยเฉพาะอย่าง Kid Space

และจากการทดสอบทั้งหมดพอจะสรุปได้ว่า OPPO A92 เหมาะสำหรับท่านที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ในราคาที่จับต้องได้ง่ายไม่ถึงหลักหมื่น ที่มีดีไซน์สวยเทียบชั้นรุ่นใหญ่ และเน้นการใช้งานด้านความบันเทิง ด้วยหน้าจอไร้ขอบ ไร้รอยบาก ที่ให้มุมมองกว้างเต็มตาเป็นพิเศษ พร้อมลำโพงแบบคู่ ฟีเจอร์ครบครันรอบด้าน ใช้งานได้ยาวนานด้วยแบตใหญ่ ที่มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว รวมถึงเน้นการถ่ายภาพด้วยลูกเล่นที่น่าสนใจมากมาย และเทคโนโลยี AI ที่ช่วยให้ได้ภาพสวยงามในชัตเตอร์เดียว

สำหรับ OPPO A92 เปิดราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 8,999 บาท กับตัวเลือก 2 สี 2 สไตล์อย่าง Shining White และ Twilight Black

OPPO A92 จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ พร้อมรับของแถม 2 ต่อ โดยต่อแรก รับฟรี AIR Purifier Gift Box มูลค่า 500 บาท และต่อที่ 2 รับสิทธิ์สั่งซื้อหูฟังไร้สาย OPPO Enco W11 ในราคาเพียง 999 บาท

นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษจากทางผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือในประเทศไทย กับ OPPO A92 ราคาพิเศษเริ่มที่ 4,489 บาท

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง OPPO ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง OPPO A92 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ

จุดเด่นของ OPPO A92

- ฝาหลังขอบโค้งทั้ง 4 ด้านแบบ 3D Quad-Curve พร้อมลวดลายดีไซน์ชื่อConstellation Designที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเปลี่ยนแปลงของสีบนท้องฟ้าที่ขั้วโลก - เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Unibody (ตัวเครื่องถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน) พร้อมเทคโนโลยีการเคลือบผิวสัมผัสแบบกระจก (Glossy Design) - ตัวเครื่องขนาด 162x75.5x8.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 192 กรัม - หน้าจอแสดงผลแบบ 1080P Neo-Display (TFT LCD) ขนาด 6.5 นิ้ว ดีไซน์ไร้ขอบ ไร้รอยบาก พร้อมเจาะรูกล้องหน้าบนจอ กับความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 405 ppi) ในอัตราส่วนในการแสดงผลแบบ 20:9 โดยมีสัดส่วนจอแสดงผลกับตัวเครื่องที่ 90.5% - ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 665 แบบ Octa-Core Processor ที่มีความเร็ว 2.0 GHz - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Adreno 610 - หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) มาตรฐาน UFS 2.1 ขนาด 128GB - รองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 256GB กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ประกอบด้วย - กล้องตัวหลัก ( Main ) ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (F/1.7) - กล้องตัวที่สองแบบ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.2) เก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 119 องศา - กล้องตัวที่สามแบบ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4) - กล้องตัวที่สี่แบบ Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4) ซึ่งรองรับโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง Ultra HD 48MP, โหมดถ่ายภาพกลางคืนแบบ Ultra Night Mode 2.0, โหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait), โหมดหน้าสวย (Beauty), ฟังก์ชัน AI Scene Recognition ในการตรวจจับซีนในแต่ละภาพ เพื่อนำไปปรับแต่งให้เหมาะสม และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD พร้อมโหมดป้องกันการสั่นไหวแบบ Ultra Steady Video รวมถึงการถ่ายวิดีโอในมุมกว้างพิเศษ (Video Ultra Wide Angle) กล้องดิจิทัลด้านหน้าฝังบนจอ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0 พร้อมเทคโนโลยี AI Beauty ที่สามารถปรับโครงหน้าได้อย่างอิสระ ฃ - เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านขวาของตัวเครื่อง (Side Fingerprint Unlock) - ฟีเจอร์ปลดล็อกด้วยใบหน้า (Facial Unlock) - ฟังก์ชัน App Lick และ Private Safe เพื่อความเป็นส่วนตัว รวมถึง Kid Space การจัดการแอปพลิเคชันสำหรับเด็ก - ฟังก์ชัน Full Screen Multitasking สำหรับเปิดแอปพลิเคชันอื่นๆ ขณะใช้งานในโหมดการแสดงผลเต็มหน้าจอ เช่น การเล่นเกม หรือการชมวิดีโอต่างๆ - ลำโพงเสียง Stereo แบบคู่ พร้อมระบบเสียง Dirac 2.0, Hi-Res Audio และเทคโนโลยี Widevine L1 - แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 18W Fast Charge และฟังก์ชัน Reverse Charging สำหรับแปลงเป็น Power Bank ให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่น - การใช้งาน Dark Mode ในการเปลี่ยนพื้นหลังแอปพลิเคชันต่างๆ ให้เป็นสีดำ - โหมด Focus สำหรับช่วยตัดผู้ใช้ออกจากโลกภายนอก - Multiple Mode สามารถสลับการใช้งานจากผู้ใช้หลายคนได้ โดยข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคน และการรักษาความปลอดภัยต่างๆ จะถูกแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง - ฟังก์ชัน Game Assistant ช่วยในเรื่องของภาพให้ออกมาสมจริง พร้อมเพิ่มอรรถรสเวลาเล่นเกม - ฟังก์ชัน Game Space ที่สามารถบล็อกการแจ้งเตือน Pop-up ต่างๆ  รวมถึงการล็อกระดับความสว่างของหน้าจอขณะเล่นเกมได้ - ฟังก์ชัน App Cloner สำหรับใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook ได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ - ฟังก์ชัน Split Screen สำหรับใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอ - ฟีเจอร์ Multi-screen Interaction สำหรับแชร์หน้าจอจากสมาร์ทโฟนไปแสดงผลที่หน้าจอทีวี หรือจอมอนิเตอร์อื่นๆ โดยไม่ต้องใช้สาย - ระบบ GPS+A-GPS ในตัว - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS - รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac และ Bluetooth 5.0 - รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) - รองรับการสแตนด์บายแบบ Dual 4G LTE - ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ซึ่งรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด + 1 microSD ที่ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน - ราคา 8,999 บาท ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติ หรือความสามารถโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO A92

- เทคโนโลยีการแสดงผลของหน้าจอยังคงเป็นแบบ TFT LCD - ด้านหลังตัวเครื่องมีพื้นผิวมันวาว จึงอาจเกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย และเสี่ยงต่อการตกแตกได้ง่าย - ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ หรือป้องกันฝุ่น

Leave a Comment