รีวิว Realme 3 สมาร์ทโฟนกล้องดี มีจอใหญ่ กับแบตจุใจ และเล่นเกมลื่นไหล ในราคาสุดคุ้ม:: Thaimobilecenter.com

2 เมษายน 2019 - สวัสดีชาว Thaimobilecenter ทุกท่านครับ ช่วงนี้ดูเหมือนว่ากลุ่มสมาร์ทโฟนราคาประหยัดเริ่มจะแข่งขันกันดุเดือดทีเดียว โดยหลายๆ แบรนด์ต่างก็เปิดตัวสมาร์ทโฟนที่เน้นความคุ้มออกมาอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งพยายามเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้าไป ทำให้ตอนนี้มีมือถือราคาเบาๆ ที่ทำได้มากกว่าการใช้งานทั่วไปออกมาให้เลือกมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ Realme 3 ที่เราจะนำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้ครับ

Realme 3 รุ่นล่าสุดนี้ยังคงรักษาคอนเซ็ปต์เดิมของสมาร์ทโฟนตระกูล Realme ด้วยการเป็นสมาร์ทโฟนที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบได้ดี ในราคาคุ้มค่า บนบอดี้สวยงามแบบ 3D Gradient Unibody โดยมากับหน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำแบบ Dewdrop Display ขนาด 6.22 นิ้ว ใหญ่กำลังดี ที่อัตราส่วนแบบ 19:9 พร้อมความละเอียดระดับ HD+ (1520x720 พิกเซล) ซึ่งครอบทับด้วยกระจก 2.5DCorning Gorilla Glass 3 และแบตเตอรี่อึดจุใจ 4,230mAh , ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek Helio P60 ที่มีความเร็ว 2.1 GHz พร้อมด้วยหน่วยความจำแรม (RAM) สูงสุด 4GB , ความจุภายใน (ROM) สูงสุด 64GB , รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ซึ่งถูกครอบทับด้วย ColorOS 6.0 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด

แต่คุณสมบัติที่ว่ามาข้างต้นยังไม่ใช่ทีเด็ดของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ครับ เพราะสิ่งที่น่าสนใจที่สุดของ Realme 3 คือกล้องคู่ด้านหลังความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล ที่มี ฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Nightscape ที่ช่วยปรับสมดุลจุดที่มืด และสว่างในภาพให้ลงตัว และเห็นรายละเอียดต่างๆ มากขึ้นโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยหรือเทคนิคพิเศษใดๆ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Chroma Boost ที่ช่วยดึงสีสันของภาพให้สดใสเด่นชัดยิ่งขึ้น และที่ขาดไม่ได้คือฟีเจอร์ AI Scene Recognition สำหรับปรับแต่งภาพอัตโนมัติ เรียกว่าจัดเต็มมากๆ สำหรับสมาร์ทโฟนราคาเริ่มต้นไม่เกิน 5,000 บาท

ถึงตรงนี้หลายคนคงจะเริ่มสนใจ Realme 3 กันขึ้นมาแล้ว ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปชม รีวิว Realme 3 โดยทีมงาน Thaimobilecenter กันได้เลยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Realme 3 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่มีหน้าจอแสดงผลแบบ Dewdrop Display หรือรอยบากแบบหยดน้ำ ใช้งานหน้าจอแสดงผลประเภท IPS LCD ขนาด 6.22 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (1520x720 พิกเซล) ในอัตราส่วน 19:9 ตัวเครื่องมีขนาดเหมาะมือที่ 156.1x75.6x8.3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 175 กรัม

ฝาหลังของตัวเครื่องเป็นพลาสติกที่มีการเคลือบผิวเงาวาวคล้ายกระจก และมีการไล่เฉดสี เรียกว่าดีไซน์แบบ 3D Gradient Unibody ที่สำหรับเครื่องที่ทางทีมงานได้มารีวิวเป็น สีดำ Dynamic Black

Realme 3 มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED ตัวกล้องนูนออกมาเล็กน้อย และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ตรงกลาง

อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบด้วย ตัวเครื่อง Realme 3, เคสซิลิโคนแบบใส, สาย microUSB และอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ แต่ไม่มีหูฟังแถมมาให้

เคสใสที่แถมมากับตัวเครื่องจะเว้นช่องสำหรับลำโพง และพอร์ตต่างๆ ไว้อย่างพอดี และที่พอร์ต micro-USB จะมีฝาปิดป้องกันฝุ่นละอองด้วย

Realme 3 มีกรอบตัวเครื่องที่โค้งมนทั้ง 4 ด้าน ด้านบนเรียบเกลี้ยงไม่มีโมดูลใดๆ ส่วนด้านล่างมีช่องลำโพง, พอร์ต microUSB และช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

ขอบด้านซ้ายมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านขวามีเพียงปุ่ม Power เท่านั้น

สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Triple-Slot ซึ่งสามารถใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM ได้ 2 ซิม และติดตั้งการ์ดหน่วยความจำประเภท microSD ได้พร้อมกัน โดยรองรับความจุของการ์ดได้สูงสุด 256GB

เปิดเครื่อง ทดสอบฟังก์ชันการใช้งาน และแอปพลิเคชันต่างๆ

เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาจะพบกับหน้าโฮมซึ่งเป็นอินเตอร์เฟซของ ColorOS 6.0 โดยมีระบบปฏิบัติการหลักคือ Android 9 Pie

ใน ColorOS 6.0 นี้ ตรงแถบ Navigation Bar จะมีแต่ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ ไม่มีปุ่ม Recent Apps การสลับแอปพลิเคชันจะใช้การ ปัดนิ้วจากปุ่มโฮมขึ้นไป แทน

เมื่อปัดนิ้วจากด้านบนลงมาจะเป็นการเปิด แถบเมนูทางลัด ซึ่งในเวอร์ชันนี้ปรับดีไซน์ให้กดง่ายและดูสบายตาขึ้น โดยมีทางลัดสำหรับการตั้งค่าที่ใช้บ่อยๆ เช่น Wi-Fi, โหมดเงียบ, Bluetooth, ไฟฉาย, ตัดแสงสีฟ้าบนหน้าจอ (Night Shield), ปรับความสว่างหน้าจอ เป็นต้น ส่วนด้านล่างจะแสดงแถบแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันต่างๆ หากปัดนิ้วลงมาอีกครั้งจะเป็นการเปิดดูเมนูทางลัดเพิ่มเติม

หากกดที่ไอคอนสามขีดด้านขวาบน จะเป็นการปรับแต่งเมนูทางลัด โดยเราสามารถเลือกไอคอนการตั้งค่าที่เราต้องการเข้ามาไว้ในเมนู หรือลบทางลัดที่มีอยู่แล้วออกจากเมนูก็ได้ด้วยการกดค้างแล้วลากไอคอนการตั้งค่าที่ต้องการ

เมื่อกดค้างบนพื้นที่ว่างของหน้าจอครู่หนึ่ง จะเข้าสู่ การปรับแต่งหน้าจอ เราสามารถเปลี่ยนภาพพื้นหลัง, เพิ่ม-ลบวิดเจ็ตบนหน้าจอ และปรับแต่งเอฟเฟ็กต์แอนิเมชันการเปลี่ยนหน้าจอได้

นอกจากนี้เรายังสามารถตั้งค่าหน้าจอแบบละเอียดได้ เช่นปรับการจัดวางไอคอนในแต่ละหน้า หรือเปิด-ปิดการใช้งานหน้า App Drawer เป็นต้น

สำหรับบางแอปพลิเคชัน เมื่อกดค้างที่ไอคอนแอป จะสามารถเรียกเมนูด่วนขึ้นมาได้ ทำให้เราใช้งานฟีเจอร์บางอย่างของแอปพลิเคชันนั้นได้ทันที เช่น เปิดกล้องหน้าโหมดบิวตี้ หรือเปิดกล้องหลังโหมด Portrait ทันที เป็นต้น

ภายในตัวเครื่องมีการติดตั้งแอปพลิเคชันของ Google มาให้ครบชุดตามมาตรฐานสมาร์ทโฟน Android ในปัจจุบัน พร้อมด้วยเครื่องมือจิปาถะต่างๆ เช่น การบันทึกเสียง, วิทยุ FM, เครื่องคิดเลข และอื่นๆ

Realme 3 มีแอปพลิเคชัน Phone Manager สำหรับปรับปรุงระบบของตัวเครื่องให้ทำงานราบรื่นอยู่เสมอ โดยสามารถล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็น, สแกนไวรัส และตรวจสอบปัญหาการทำงานของอุปกรณ์โดยรวม เมื่อเปิดแอปนี้ขึ้นมา ตัวแอปจะตรวจสอบสถานะการทำงานของระบบทันที หากผลการประเมินต่ำกว่า 100 เราสามารถ กดปุ่ม Optimize เพื่อให้ระบบปรับปรุงการทำงานโดยอัตโนมัติได้ ซึ่งใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น

เมื่อเรากดที่ Clean Up Storage ในแอป Phone Manager ระบบจะนำเราเข้าสู่การจัดสรรหน่วยความจำภายใน โดยจะแสดงปริมาณหน่วยความจำที่ใช้แล้วและที่ยังเหลืออยู่ ในแถบ Safe to Clean จะแสดงปริมาณไฟล์ขยะที่ลบออกได้โดยไม่กระทบการทำงานของระบบ ซึ่งเราสามารถลบทิ้งได้ทันทีด้วยการกด Clear all

เมนู Privacy Permissions จะอนุญาตให้เราเข้าไปจัดการ Permissions ของแต่ละแอปได้ พร้อมทั้งเลือกแอปพลิเคชันที่จะทำงานทันทีเมื่อเปิดเครื่อง และเลือกแอปพลิเคชันที่จะให้แสดงเป็นหน้าต่างลอยซ้อนบนแอปอื่นๆ ได้

เมนู Virus Scan จะเป็นการสแกนไฟล์ในเครื่องทั้งหมดเพื่อหามัลแวร์ หรือไฟล์อันตรายต่างๆ และจะลบทิ้งโดยอัตโนมัติหากตรวจพบ การสแกนใช้เวลาไม่นานมาก แนะนำว่าควรจะสแกนอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้งครับ

เมนู Routine Test เป็นฟังก์ชันการตรวจหาความผิดปกติของฮาร์ดแวร์แต่ละส่วน ซึ่งระบบจะทำการตรวจสอบโดยอัตโนมัติ โดยจะมีคำแนะนำให้ผู้ใช้ทำตามเพื่อตรวจสอบด้วยตัวเองเป็นระยะๆ ช่วยให้เราตรวจสอบได้เองในเบื้องต้นว่าเครื่องเสียตรงไหน และบอกข้อมูลให้กับช่างเมื่อส่งซ่อมได้

ในส่วนของตัวเลือกด้านความปลอดภัย มีตัวเลือกการตั้งรหัสผ่าน, PIN หรือรูปแบบการลากแพทเทิร์น เพื่อใช้ปลดล็อกหน้าจอเหมือนสมาร์ทโฟนทั่วไป และสามารถ ลงทะเบียนลายนิ้วมือ เพื่อใช้ปลดล็อกหน้าจอ หรือใช้ยืนยันตัวตนแทนรหัสผ่านในแอปพลิเคชันต่างๆ ได้

นอกจากนี้ Realme 3 ยังมี ระบบสแกนใบหน้า (AI Facial-Unlock) ให้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งจะปลดล็อกได้เร็วกว่าการสแกนลายนิ้วมือ เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว

มาดูที่การแสดงผลหน้าเว็บไซต์กันบ้าง โดย Realme 3 นั้นจะมีเบราเซอร์ติดตั้งมาให้ 2 ตัว ได้แก่ Opera และ Chrome ทั้งสองแอปพลิเคชันมีหน้าอินเทอร์เฟซการใช้งานที่ต่างกันเล็กน้อย แต่มีประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมที่ดีไม่แพ้กัน สามารถเลือกใช้กันได้ตามสะดวก

สำหรับการฟังเพลง Realme 3 มีแอปพลิเคชันพื้นฐานติดตั้งมาให้อยู่แล้ว โดยในเวอร์ชันนี้มีการปรับปรุงดีไซน์ให้สะอาดตายิ่งขึ้น ที่แผงควบคุมด้านล่างมีทางลัดการตั้งค่าสำหรับเรียกดู Playlist, ตั้งค่า Real Original Sound Technology, เล่นเพลงแบบวนซ้ำ (ซ้ำเพลงเดียว / ซ้ำทั้งอัลบั้ม / สุ่มลำดับเพลง) และตัวเลือกการตั้งค่าเพิ่มเติมอื่นๆ

Real Original Sound Technology เป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้เมื่อเชื่อมต่อหูฟัง โดยจะทำให้เราตั้งค่า Equalizer ให้เข้ากับแนวเพลงต่างๆ ได้ เช่น Rock, Jazz, Pop, Classics เป็นต้น หรือถ้าต้องการตั้งค่าด้วยตัวเอง ก็สามารถทำได้ในตัวเลือก Custom

สำหรับแอปพลิเคชันการเล่นวิดีโอของ Realme 3 มีปุ่มควบคุมการทำงานพื้นฐานครบถ้วน แม้หน้าจอจะมีความละเอียดที่ HD+ แต่ก็สามารถเล่นวิดีโอความละเอียดระดับ Full HD ได้อย่างราบรื่น (คลิปวิดีโอในภาพตัวอย่างมีความละเอียด Full HD)

หากวิดีโอที่เล่นมีอัตราส่วนไม่พอดีกับหน้าจอ จะเหลือแถบสีดำด้านข้างเอาไว้ หากต้องการดูแบบเต็มจอให้กดที่ ไอคอนลูกศร 4 ดอก ตรงมุมขวาบน ระบบจะ ขยายภาพให้เต็มโดยจะมีบางส่วนล้นออกไปจากหน้าจอ

พื้นที่สีเขียวในภาพคือส่วนที่จะล้นออกไปเมื่อขยายเต็มหน้าจอ

สำหรับไอคอนที่เป็น 5 ขีดเรียงกัน จะทำให้วิดีโอ เล่นเฉพาะเสียงเท่านั้น ส่วนไอคอนรูปแม่กุญแจจะเป็นการ ล็อกหน้าจอ เพื่อป้องกันไม่ให้เผลอไปกดโดนหน้าจอระหว่างดูวิดีโอ

Realme 3 รองรับ การใช้งาน 2 แอปพลิเคชันพร้อมกันในหน้าจอเดียว เราสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันนี้ได้ด้วยการปัดนิ้วขึ้นด้านบนเพื่อเปิดหน้า Recent Apps จากนั้น กดที่ไอคอน 3 ขีด มุมขวาบนของแอป แล้วเลือก Split-Screen แอปนั้นๆ จะถูกเปิดขึ้นมาแบบครึ่งจอทันที จากนั้นให้เราเลือกเปิดแอปที่ต้องการในหน้าจอข้างล่าง เพียงเท่านี้ก็เปิดแอปพลิเคชันพร้อมกันได้แล้ว

ในส่วนของการเล่นเกม Realme 3 มากับฟีเจอร์ Game Space เวอร์ชันใหม่ที่ปรับหน้าตาอินเทอร์เฟซให้เท่กว่าเดิม ซึ่งเป็นฟีเจอร์สนับสนุนการเล่นเกมด้วยการช่วย เร่งความเร็วการประมวลผล และ ปิดกั้นการแจ้งเตือน เราสามารถ เพิ่มเกมเข้ามาใน Game Space ได้ด้วยการกดที่เครื่องหมาย + แล้วเลือกเกมที่ต้องการ หรือจะเพิ่มแอปพลิเคชันทั่วไปที่ไม่ใช่เกมก็ได้ หากต้องการใช้ฟีเจอร์ปิดกั้นการแจ้งเตือน หรือเร่งความเร็วกับแอปนั้นๆด้วย

แถบเมนูด้านล่างสามารถปัดขึ้นเพื่อดูการตั้งค่าเพิ่มเติมได้ โดยจะแสดง ระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่ที่เหลือ โดยประมาณ และ ความแรงของสัญญาณ Wi-Fi ปุ่มด้านซ้ายที่เป็นรูปมาตรวัดเป็นเมนูปรับระดับความเร็วของเครื่อง โดย High Performace จะเป็นการเร่งระดับความเร็วสูงสุด ทำให้ภาพในเกมสวยขึ้น ลื่นขึ้น แต่จะเปลืองแบตเตอรี่มากตามไปด้วย ส่วน Low Power จะปรับลดความเร็วลงเพื่อเน้นการประหยัดแบตเตอรี่ และ Balanced Mode จะเป็นโหมดที่สมดุลระหว่างความเร็วและการประหยัดพลังงาน สำหรับปุ่มด้านขวาจะเป็นการเลือกบล็อกสายโทรเข้า, บล็อกการแจ้งเตือน หรือจะบล็อกทั้งคู่ก็ได้เช่นกัน

เมื่อเข้าเกมมาแล้ว เรายังสามารถ ปัดหน้าจอทางซ้ายเพื่อเรียกใช้เมนูลัด ได้ ซึ่งแต่ละปุ่มมีการใช้งานดังนี้

No Notification : บล็อกการแจ้งเตือน

Reject Call : ตัดสายเรียกเข้าอัตโนมัติ

Play AFK : เปิดโหมด AFK โดยเกมจะยังเล่นต่อไปตามปกติ แต่จะปิดหน้าจอเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ เหมาะสำหรับเกมที่ต้องปล่อยบอทฟาร์มของหรือเก็บเลเวล

Screenshot : บันทึกภาพหน้าจอ

Screen Recording : บันทึกคลิปการเล่น

Messages : ส่งข้อความ SMS

จากการทดสอบเล่นเกมในเบื้องต้น พบว่า Realme 3 ใช้เล่นเกมได้ดีทีเดียวแม้จะเป็นสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยา โดยสามารถเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกค่อนข้างสูงอย่าง PUBG Mobile ได้อย่างไหลลื่นที่กราฟิกระดับกลาง และเล่นเกมที่มีกราฟิก Full 3D อย่าง Cover Fire ได้แบบไม่มีกระตุก ซึ่งเป็นพลังของชิปเซ็ต MediaTek Helio P60 และหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB แต่ในเกม PUBG จะมีระยะมองเห็นไม่ไกลมาก โดยรวมแล้วจัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่เอาไว้เล่นเกมได้ดีพอสมควรในงบที่ไม่แรงมากครับ

ปิดท้ายกันด้วยผลทดสอบ Benchmark ซึ่งจากการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark สามารถทำคะแนนได้ 129959 คะแนน และจากการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 4 สามารถทำคะแนนได้ 1424 คะแนนในส่วนของ Single-Core และ 5024 คะแนนในส่วนของ Multi-Core

ทดสอบใช้งานกล้องถ่ายภาพ

กล้องหน้าของ Realme 3 มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างขนาด f/2.0 โดยมากับแอปพลิเคชันถ่ายภาพเวอร์ชันใหม่ที่ดูเรียบง่ายสบายตากว่าเดิม มี โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ และปรับระดับบิวตี้ได้ทั้งในโหมดธรรมดา และโหมด Portrait

ในเวอร์ชันนี้เราสามารถปรับแต่งค่าบิวตี้ได้ละเอียดขึ้น โดย ปรับได้ตั้งแต่ความเนียนของใบหน้า, ขนาดกราม, ปรับคาง V-shape, ปรับตาโต ไปจนถึงลดขนาดใบหน้าให้ดูผอมลงกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีฟิลเตอร์มากมายหลายแบบให้เลือกใช้งานอีกด้วย

ในส่วนของกล้องหลังที่เป็นกล้องคู่ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 นั้นจะมีฟังก์ชันการใช้งานมากกว่ากล้องหน้า โดยมี โหมด Nightscape สำหรับถ่ายภาพกลางคืน, Panorama, Expert (โหมดโปร), Time-Lapse, Slo-mo และ Google Lens ให้เลือกใช้ และยังมีฟีเจอร์ Chroma Boost สำหรับปรับภาพให้มีสีสันสดใสยิ่งขึ้นอีกด้วย ส่วนระบบ AI Scene Recognition จะทำงานแบบอัตโนมัติอยู่ในพื้นหลัง

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังคู่ ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo)

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo)

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo)

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) และเปิด Chroma Boost

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo)

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo)

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) โดยถ่ายแบบระยะใกล้ (Macro)

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) โดยถ่ายแบบระยะใกล้ (Macro)

ตัวอย่างภาพอาหารที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo)

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) ในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Nightscape ในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) ในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Nightscape ในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) ในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Nightscape ในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) ในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Nightscape ในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) ในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) ในเวลากลางคืน พร้อมซูม 2 เท่า

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Nightscape ในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) ในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) ในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Nightscape ในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมเปิดบิวตี้ระดับเริ่มต้น

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) พร้อมปิดบิวตี้

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมเปิดบิวตี้ระดับเริ่มต้น

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมเปิดบิวตี้ระดับเริ่มต้น

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) พร้อมเปิดบิวตี้ระดับเริ่มต้น

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมเปิดบิวตี้ระดับเริ่มต้น

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ (Photo) พร้อมเปิดบิวตี้ระดับสูงสุด

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมเปิดบิวตี้ระดับเริ่มต้น

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมปิดบิวตี้

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมเปิดบิวตี้ระดับสูงสุด

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมเปิดบิวตี้ระดับเริ่มต้น

สรุปผลการทดสอบของ Realme 3

Realme 3 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไปหรือการเล่นเกม จุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้อยู่ที่ดีไซน์ภายนอกที่มีความโค้งมน และฝาหลังแบบ 3D Gradient Unibody ที่มีการไล่เฉดสีและเคลือบผิวสะท้อนแสงสวยงาม นอกจากนี้ ยังเลือกใช้ดีไซน์หน้าจอแสดงผลแบบ Dewdrop Display ที่มีรอยบากทรงหยดน้ำ ซึ่งเล็กกว่า Notch Display แบบเดิม ทำให้ดีไซน์โดยรวมของ Realme 3 ดูพรีเมียม น่าใช้งานกว่าสมาร์ทโฟนในระดับเดียวกันหลายๆรุ่น

ในส่วนของสเปกภายในนั้น ก็นับว่าทำมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ โดยเน้นคุณสมบัติ จอใหญ่-แบตอึด โดยมีหน้าจอแสดงผลแบบ IPS ที่ใหญ่ถึง 6.22 นิ้ว กับรอยบากทรงหยดน้ำ ( Dewdrop ) ในอัตราส่วนแบบ 19:9 พร้อมความละเอียดระดับ HD+ (720x1520 พิกเซล) เหมาะสำหรับการดูซีรีส์, ชมคลิปวิดีโอบน YouTube ไปจนถึงการเล่นเกม เมื่อจับคู่กับแบตเตอรี่ที่มีความจุสูงถึง 4,230 mAh แล้ว ทำให้ Realme 3 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีระยะเวลาการใช้งานเหลือเฟือและอยู่ได้นานตลอดวัน ช่วยให้เราไม่ต้องพกแบตเตอรี่สำรองไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek Helio P60 ที่มากับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G72 MP3 GPU พร้อมด้วยหน่วยความจำแรม (RAM) สูงสุด 4GB ทำให้รองรับการเล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง สามารถเล่นเกมส่วนใหญ่บน Play Store รวมถึงเกมฮิตๆ อย่าง PUBG Mobile ได้โดยไม่มีอาการกระตุกให้หงุดหงิด อีกทั้งหน่วยความจำภายในที่มีขนาดสูงสุด 64GB ก็เพียงพอที่จะติดตั้งเกมได้หลายเกมพร้อมกัน พร้อมทั้งเก็บไฟล์และภาพถ่ายได้อีกจำนวนหนึ่งดังนั้น ไม่ว่าจะซื้อ Realme 3 มาถ่ายรูป หรือเล่นเกม ก็ตอบโจทย์ทั้งคู่ในงบประมาณไม่เกิน 6,000 บาทครับ

อย่างไรก็ดี คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของ Realme 3 น่าจะอยู่ที่ การถ่ายภาพในโหมด Nightscape ด้วยกล้องหลังคู่ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล และฟีเจอร์บิวตี้ที่ปรับได้อย่างละเอียด ซึ่งโหมด Nightscape จะช่วยเกลี่ยแสงแต่ละภาพให้เท่ากันทุกจุด ทำให้จุดที่มืดสว่างขึ้น และจุดที่สว่างก็ลดความจ้าลง ทำให้เห็นรายละเอียดต่างๆ มากขึ้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สมาร์ทโฟนระดับเดียวกันยากจะเทียบได้ จึงอาจเรียกได้ว่า Realme 3 เป็นสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 6,000 บาทรุ่นหนึ่งที่ถ่ายรูปได้ดีที่สุดณ ชั่วโมงนี้ อย่างไรก็ดี ตัวซอฟต์แวร์ยังไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปรับความเบลอของฉากหลังในโหมด Portrait ได้ และการตัดขอบเบลอฉากหลังยังมีข้อบกพร่องให้เห็นอยู่บ้าง จึงอาจจะต้องจัดแสง และระยะการถ่ายให้ดี

ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมานี้ สรุปได้ว่า Realme 3 เป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่มีครบทุกคุณสมบัติที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ต้องการ ทั้งดีไซน์ที่ดูสวยงาม, จอใหญ่, แบตอึด, เล่นเกมได้ และถ่ายรูปสวย โดยเฉพาะโหมด Nightscape ที่ช่วยให้การถ่ายภาพกลางคืนดูดีขึ้นอย่างน่าประทับใจ โดยรวมแล้วเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัยที่ต้องการสมาร์ทโฟนดีๆ ไว้ใช้งานสักเครื่องหนึ่ง ในราคาไม่แพง

สำหรับผู้ที่สนใจ Realme 3 มีวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว โดยรุ่นความจุ 3GB+32GB มีราคาอยู่ที่ 4,590 บาท และรุ่นความจุ 4GB+64GB มีราคาอยู่ที่ 5,990 บาท มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ Dynamic Black และ สีน้ำเงิน Radiant Blue หาซื้อได้ที่ True Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อแบบออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ LAZADA ก็ได้เช่นกันครับ

จุดเด่นของ Realme 3

- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ 3D Gradient Unibody ด้วยสีแบบไล่เฉด และพื้นผิวที่ดูสวยเงางาม - จอแสดงผล IPS LCD แบบไร้ขอบ ด้วยรอยบากทรงหยดน้ำ ( Dewdrop ) ขนาดใหญ่ 6.22 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (1520x720 พิกเซล) บนอัตราส่วนแบบ 19:9 ซึ่งสามารถแสดงคอนเทนต์ได้อย่างเต็มตาทั้งการท่องเว็บ, โซเชียลมีเดีย, ดูหนัง และเล่นเกม - รองรับระบบสแกนใบหน้า (AI Facial Unlock) และสแกนลายนิ้วมือ - ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek Helio P60 ที่มากับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G72 MP3 GPU สามารถเล่นเกมส่วนใหญ่บน Play Store ได้อย่างราบรื่น - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie พร้อมครอบทับด้วยอินเทอร์เฟซ Color OS 6.0 เวอร์ชันใหม่ - หน่วยความจำแรม (RAM) สูงสุดขนาด 4GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) สูงสุดขนาด 64GB พร้อมรองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกด้วยการ์ด microSD ได้สูงสุดขนาด 256GB - กล้องคู่ด้านหลังความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงกว้าง f/1.8 มีเซ็นเซอร์วัดความความลึกในกล้องรอง รองรับระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF พร้อมโหมด Portrait, ฟีเจอร์ใหม่ Nightscape และฟีเจอร์ Chroma Boost - กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 รองรับเทคโนโลยี AI Beautification - แบตเตอรี่ความจุ 4,230 mAh รองรับการใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน พร้อมฟังก์ชัน AI Power - รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ nanoSIM และสามารถติดตั้งการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้พร้อมกัน (Triple-Slot) - รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi 802.11 b/g/n, 4G LTE และ Bluetooth 4.2 - โหมด Nightscape ช่วยให้การถ่ายภาพในที่มืดดูดีขึ้นอย่างน่าประทับใจ - มีตัวเลือกปรับค่าบิวตี้ละเอียดมาก สามารถปรับได้ตั้งแต่ความเนียนของใบหน้า ไปจนถึงรูปทรงของส่วนต่างๆ บนใบหน้าแบบเฉพาะเจาะจง - ความสามารถด้านการถ่ายภาพโดยรวมทำได้ดีกว่าสมาร์ทโฟนอีกหลายๆ รุ่นในระดับราคาเดียวกัน - ราคา 4,590 บาท สำหรับรุ่น RAM 3GB+ROM 32GB และ 5,990 บาท สำหรับรุ่น RAM 4GB+ROM 64GB ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความสามารถโดยรวม - มีเคสซิลิโคนแบบใสแถมมาให้ในกล่อง

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Realme 3

Leave a Comment