รีวิว realme C12 รุ่นประหยัดแบตยักษ์ 6000mAh พร้อม 3 กล้องหลังพลัง AI กับจอใหญ่ 6.5 นิ้ว และชิปเกมมิ่ง Helio G35 :: Thaimobilecenter.com realme C12

มือถือ รุ่นประหยัดแบตยักษ์ 6000mAh พร้อม 3 กล้องหลังพลัง AI กับจอใหญ่ 6.5 นิ้ว และชิปเกมมิ่ง Helio G35 ผสานกล้องหน้า AI, RAM 3GB+ROM 32GB และเซนเซอร์สแกนนิ้ว บนบอดี้ Geometric Gradient ไล่เฉดสวยเฉียบ ในราคาเพียง 3,999 บาท

14 ตุลาคม 2020 - หากพูดถึงสมาร์ทโฟนสเปกครบเครื่องในราคาประหยัดจากแบรนด์ realme แล้ว หลายท่านน่าจะนึกถึง realme C Series กันอย่างแน่นอน เนื่องจากสมาร์ทโฟนตระกูลดังกล่าวมักจะมาพร้อมกับจุดเด่นของหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ และแบตเตอรี่ขนาดจุใจ ในราคาวางจำหน่ายไม่ถึงครึ่งหมื่น ซึ่งล่าสุดนี้ทาง realme ก็ได้มีการนำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง realme C12 เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน โดยมาพร้อมกับจุดเด่นด้านแบตเตอรี่ขนาดใหญ่พิเศษถึง 6000 mAh เลยทีเดียว

realme C12 นอกเหนือจากจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่พิเศษแล้ว ยังมาพร้อมกับจุดเด่นอย่างหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว พร้อมนวัตกรรม กล้องหลังจำนวน 3 ตัว ที่มีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยประมวลผลเกี่ยวกับภาพถ่ายโดยเฉพาะ รวมทั้งยังมาพร้อมกับชิปเซ็ตซีรีส์เกมมิ่งจากแบรนด์ MediaTek กับ รุ่น Helio G35 อีกด้วย และที่สำคัญ realme C12 ยังมาพร้อมกับบอดี้ที่มีคุณสมบัติป้องกันน้ำกระเซ็น ซึ่งถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ค่อนข้างหากได้ยากในสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น

สำหรับ realme C12 เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยที่เพียง 3,999 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ประหยัดย่อมเยา ที่ใครก็สามารถเอื้อมถึง โดยตัวเครื่องจริงของ realme C12 จะเป็นอย่างไร และจะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้าง สามารถติดตามรับชมรีวิวจากทีมงาน Thaimobilecenter กันได้เลยครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

realme C12 ยังคงเลือกใช้กล่องผลิตภัณฑ์สีเหลืองอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ โดยที่ด้านหน้าของกล่องมีการพิมพ์ชื่อรุ่น realme C12 ให้เห็นแบบเด่นชัด

สำหรับอุปกรณ์ที่จัดวางมาให้ภายในกล่องผลิตภัฑ ณ์ ประกอบไปด้วยคู่มือการใช้งาน, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด, อแดปเตอร์จ่ายไฟที่มีกำลังการจ่ายไฟสูงสุด 10W (5V/2A), สายเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับโอนถ่ายข้อมูลระหว่างมือถือ และใช้ร่วมกับอแดปเตอร์จ่ายไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่เข้าสู่สมาร์ทโฟน

realme C12 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Mini-drop Display ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (1600x720 พิกเซล) โดยเป็นหน้าจอแสดงผลไร้ขอบที่มีการเว้นพื้นที่ด้านบนเป็นทรงหยดน้ำขนาดเล็ก ส่งผลให้มีพื้นที่ในการแสดงผลเมื่อเทียบกับตัวเครื่องสูงถึง 88.7% นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลของ realme C12 ยังมาพร้อมกับความสว่างสูงสุด 420nits และเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass

ที่ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล โครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์ พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.4 นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Proximity Sensor สำหรับดับหน้าจอแสดงผลอัตโนมัติเมื่อยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาแนบหู และ Ambient Light Sensor สำหรับปรับแสงสว่างของหน้าจอแสดงผลให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมโดยรอบแบบอัตโนมัติ

ที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับปุ่มควบ คุมแบบสัมผัสบนหน้าจอ (On-Screen Navigation Buttons) ประกอบไปด้วย ปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งาน, ปุ่ม Home สำหรับย้อนกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับ

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมาพร้อมกับถาดใส่ซิ มการ์ดแบบ 3-Card Slot (Triple-Slot) โดยรองรับการใช้งานร่วมกับซิมการ์ดแบบ nanoSIM จำนวน 2 ซิมการ์ด และสามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน

ที่ด้านบนของตัวเครื่องไม่มีไมโครโฟนตัวที่สอง หรือปุ่มควบคุมใดๆ ติดตั้งไว้

ที่ด้านขวาของตัวเครื่อง มาพร้อมกับปุ่ม Power สำหรับล็อกหน้าจอแสดงผล หรือเปิด-ปิด การทำงานของสมาร์ทโฟน และปุ่มปรับระดับเสียง

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB และลำโพงเสียงตัวหลักของตัวเครื่อง

ด้านหลังของตัวเครื่อง realme C12 มาพร้อมกับการดีไซน์ในชื่อ Geometric Gradient Design โดยเป็นการนำเอารูปทรงเลขาคณิตมาผสมผสานกับการเล่นสีแบบไล่เฉด (Gradient) ช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี

ภายในตัวเครื่องสวยๆ แบบนี้ realme C12 มีการติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่พิเศษมาให้ถึง 6000mAh โดยทาง realme ระบุว่า จะช่วยให้สมาร์ทโฟนสแตนด์บายได้นานสูงสุดถึง 57 วันเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ Reverse Charging หรือการแชร์แบตเตอรี่ของ realme C12 ให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ ผ่านสาย OTG

และที่สำคัญบอดี้ของ realme C12 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ป้องกันละอองน้ำกระเซ็น (Splash-Resistant Design) อีกด้วย

ที่ด้านบนของตัวเครื่อง มาพร้อมกับปุ่มสแกนลายนิ้วมือแบบ Instant Fingerprint ที่สามารถวางนิ้วเพื่อปลดล็อกสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว

ถัดมาในมุมด้านซ้ายบนจะพบกับชุดกล้องหลัง 3 ตัวพร้อมไฟแฟลช LED ที่จัดเรียงอยู่ในกรอบโมดูลสี่เหลี่ยม โดยกล้องแต่ละตัวของ realme C12 มีรายละเอียดดังนี้

- กล้องตัวหลัก ( Main ) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.2 และระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF - กล้อง B&W ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.4 - กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.4 และระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

realme C12 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 10 ครอบทับด้วย realme UI 1.0 ซึ่งเป็น UI เวอร์ชันใหม่ล่าสุดที่ทาง realme ได้พัฒนาขึ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจมาการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ไอคอนต่างๆ ถูกออกแบบมาเพื่อให้มองเห็นได้ง่าย รวมไปถึงฟีเจอร์ที่ช่วยให้การใช้งานเป็นเรื่องที่สะดวกมากกว่าเดิม

สำหรับหน้าโฮมสกรีนของ realme C12 จะมีการจัดวางแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อยเพื่อช่วยเลือกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันจากฝั่ง Google เช่น Google Maps, Gmail หรือ YouTube รวมทั้งยังมีแอปพลิเคชันพื้นฐานสำหรับสมาร์ทโฟน เช่น โทรศัพท์, ข้อความ, กล้องถ่ายภาพ หรือ อัลบั้ม เป็นต้น

ส่วนแอปพลิเคชันทั้งหมดจะถูกจัดเก็บเอาไว้ใน App Drawer อย่างเป็นระเบียบ โดยเราสามารถเรียกใช้ได้ผ่านการลากนิ้วจากแถบด้านล่างขึ้นมายังด้านบน

เมื่อลากนิ้วจากด้านบนลงมายังด้านล่างจะพบกับ Toggle Switch ซึ่งเป็นศูนย์รวมคีย์ลัดการตั้งค่าแบบเร่งด่วน เช่น การเปิด-ปิด Wi-Fi, เปิด-ปิด Bluetooth หรือเปิด-ปิด ไฟฉาย เป็นต้น โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งการตั้งค่าของคีย์ลัดได้ด้วยตนเองผ่านการแตะที่ไอคอนรูป ดินสอ

สามารถแตะค้างที่ไอคอนเพื่อเข้าถึงคีย์ลัดของแอ ปพลิเคชันนั้นๆ ได้ด้วย เช่น หากแตะค้างที่ไอคอน Google Chrome ก็จะพบกับเมนูสำหรับเปิดแท็ปใหม่ หรือแตะค้างที่ไอคอนโทรศัพท์ เพื่อเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อ เป็นต้น

มาดูที่ลูกเล่นการใช้งานกันบ้าง สำหรับ realme C12 รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G LTE พร้อมกันทั้งสองซิมการ์ด รวมทั้งยังรองรับเทคโนโลยี Wi-Fi Calling และ VoLTE ทั้งสองซิมการ์ดอีกด้วย

รองรับการเปิดใช้งาน Dark Mode ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนการแสดงผลของ UI ให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยให้สบายตามากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Eye Comfort สำหรับตัดแสงสีฟ้าที่อาจเป็นอันตรายต่อดวงตา ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือบนสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี

สามารถปรับเปลี่ยนขนาดของฟอนต์ได้ทั้งหมด 5 ระดับ และยังสามารถปรับรูปแบบการแสดงผลของหน้าจอได้ทั้งหมด 3 ระดับ

สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลของหน้าโฮ มสกรีนได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Standard Mode ซึ่งจะจัดเรียงแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในตัวเครื่องเอาไว้ในหน้าโฮมสกรีน, Drawer Mode แสดงแอปพลิเคชันบางส่วนไว้บนหน้าโฮมสกรีน และซ่อนแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในตัวเครื่องไว้ในลิ้นชักเสมือน (Drawer) และ Simple Mode ซึ่งเป็นการจัดเรียงไอคอนทั้งหมดที่ติดตั้งภายในตัวเครื่องไว้บนหน้าโฮมสกรีนเช่น เดียวกันกับ Standard Mode แต่จะขยายขนาดของไอคอนให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

มาพร้อมกับฟีเจอร์ Icon Pull-Down Gesture ซึ่งเป็นการลากนิ้วจากบริเวณขอบด้านซ้าย - ขวา ไปยังตรงกลางหน้าจอ เพื่อย่อไอคอนแอปพลิเคชันให้เล็กลง ตอบโจทย์การใช้งานสมาร์ทโฟนด้วยมือเดียวมากขึ้นนั่นเอง

สามารถปรับเปลี่ยนธีม, ฟอนต์ และวอลเปเปอร์ได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน Theme Store

realme C12 มาพร้อมกับระบบเสียงแบบ Real Sound Technology โดยเ็นระบบเสียงที่ทาง realme พัฒนาร่วมกับ Dirac Research AB ซึ่งจะช่วยให้การเล่นเสียงผ่านหูฟังมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการควบคุมได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Swipe Gestures from Both Sides ซึ่งเป็นการควบคุมสมาร์ทโฟนผ่านการลากนิ้วจากบริเวณขอบหน้าจอแสดงผลทั้งสองด้าน, Virtual Buttons ซึ่งเป็นการใช้ปุ่มควบคุมแบบเสมือน ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่ม Back, Swipe-up Gestures ซึ่งเป็นการควบคุมสมาร์ทโฟนผ่านการลากนิ้วจากบริเวณขอบด้านล่างของหน้าจอแสดงผล

รองรับการสั่งการขณะที่หน้าจอดับอยู่ผ่านการวาด นิ้วมือเป็นรูปร่างต่างๆ เช่น วาดตัวอักษร O เพื่อเปิดแอปพลิเคชันกล้องถ่ายภาพ หรือวาดตัวอักษร V เพื่อเปิดใช้งานไฟฉาย เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมสมาร์ทโฟนผ่านท่าทางรูปแบบอื่นๆ ได้ด้วยเช่นเดียวกัน เช่น ใช้ 3 นิ้วลากจากบนลงล่าง เพื่อบันทึกภาพหน้าจอ, ยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาในระดับพร้อมใช้งานเพื่อปลุกหน้าจออัตโนมัติ, รับสายอัตโนมัติเมื่อยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาแนบหู หรือปิดเสียงเรียกเข้าอัตโนมัติเมื่อคว่ำสมาร์ทโฟน เป็นต้น

มาพร้อมกับฟีเจอร์ App Lock สำหรับล็อกแอปพลิเคชันที่ต้องการ ซึ่งจะมีเพียงเจ้าของสมาร์ทโฟนที่รู้รหัสเท่านั้น ที่จะเข้าถึงแอปพลิเคชันเหล่านั้นได้ รวมทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Private Safe ที่ผู้ใช้สามารถนำไฟล์ต่างๆ เข้าไปเก็บไว้ในตู้เซฟเสมือนบนสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ซึ่งการเข้าใช้แต่ละครั้งก็จำเป็นต้องใส่รหัสที่ถูกตั้งเอาไว้ด้วย

Kid Space ฟีเจอร์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะ ซึ่งผู้ปกครองสามารถกำหนดระยะเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟน รวมถึงแอปพลิเคชันที่เด็กๆ สามารถใช้งานได้ รวใทั้งยังสามารถตั้งค่าเปิด-ปิด การใช้งานอินเทอร์เน็ตมือถือได้อีกด้วย

มาพร้อมกับฟีเจอร์ Power Saving Mode สำหรับจำกัดการทำงานของแอปพลเคชันเบื้องต้น เพื่อช่วยให้สมาร์ทโฟนประหยัดแบตเตอรี่มากยิ่งขึ้น แต่หากใครที่ต้องการใช้งานที่ยาวนาน ก็สามารถเลือกเปิดฟีเจอร์ Super Power Saving Mode ที่จะปรับโหมดการทำงานของสมาร์ทโฟนให้เหลือเพียงแค่แอปพลิเคชันจำเป็นเท่านั้น เช่น โทรศัพท์ หรือรายชื่อผู้ติดต่อ เป็นต้น

ฟีเจอร์ Digital Wellbeing สำหรับตรวจสอบปริมาณการใช้งานสมาร์ทโฟนในแต่ละวัน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริหารการใช้สมาร์ทโฟนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ App Cloner เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถโคลนแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียให้ทำงานแยกออกจากกัน ช่วยให้สามารถใช้งานแบบ 2 Account ได้นั่นเอง

รองรับฟีเจอร์การแบ่งแอปพลิเคชันทำงานแบบ 2 หน้าจอ (Split Screen)

และที่สำคัญยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Game Space ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรีดประสิทธิภาพการเล่นเกมอยู่ในระดับสูงสุด ผ่านโหมดการทำงานทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Competition Mode, Balanced Mode และ Low Power Mode นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกปิดการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่างๆ ขณะเล่นเกมได้อีกด้วย

มาดูที่ประสิทธิภาพการทำงานกันบ้าง สำหรับ realme C12 มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Helio G35 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตซีรีส์เกมมิ่งที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมระดับ 12 นาโนเมตร ความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.3GHz ประกบคู่การทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผล GPU แบบ PowerVR GE8320 และหน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4x ขนาด 3GB พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB

ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลโดยรวมด้วยแอปพลิเค ชัน AnTuTu พบว่า realme C12 สามารถทำคะแนนได้ทั้งหมด 108642 คะแนน

ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ CPU ด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 5 พบว่า สามารถทำคะแนนการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ได้ทั้งหมด 158 คะแนน และทำคะแนนการประมวลผลแบบหลายแกน (Multi-Core) ได้ทั้งหมด 948 คะแนน

ส่วนการเล่นคอนเทนต์ประเภทวิดีโอ รองรับการรับชม YouTube ที่ความละเอียดสูงสุด 720P ตามความละเอียดของหน้าจอแสดงผล

ด้านเซ็นเซอร์ต่างๆ จัดวางมาให้แบบครบครัน รวมถึง Gyroscope

ส่วนการจับสัญญาณ GPS มีความคลาดเคลื่อน +- ไม่เกิน 3 เมตร

การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

หน้า UI ของกล้องถ่ายภาพด้านหลัง มีการจัดเรียงไอคอนต่างๆ เอาไว้อย่างเป็นระเบียบ โดยแถบด้านบนจะเป็นคีย์ลัดสำหรับตั้งค่าต่างๆ เกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพ เช่น การเปิด-ปิด ไฟแฟลช, การเปิด-ปิด HDR และการเปิด-ปิด Chroma Boost สำหรับปรับสีสันของภาพถ่ายให้สดใส

รองรับการเปิดใช้งานฟิลเตอร์เพื่อปรับโทนสีของ ภาพถ่าย

พร้อมรองรับการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของผู้ถูกถ่ายให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติผ่านการวิเคราะห์โดย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้มากถึง 100 ระดับด้วยกัน

ส่วนที่ด้านล่างจะเป็นโหมดการถ่ายภาพในรูปแบบ ต่างๆ เริ่มตั้งแต่ โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ โดยสามารถปรับระดับการเบลอได้สูงสุด 100 ระดับ

โหมดการถ่ายภาพกลางคืนแบบ NightScape ที่ช่วยให้การถ่ายภาพกลางคืนเป็นไปอย่างสวยงามมกยิ่งขึ้น โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องตั้งค่า หรือใช้ขาตั้งกล้องให้ยุ่งยาก แต่จะไม่มีฟีเจอร์ Starry Night สำหรับถ่ายภาพดวงดาว รวมถึง Tripod Mode ซึ่งเป็นการเปิดหน้ากล้องให้รับแสงได้มากขึ้นเพื่อใช้งานร่วมกับขาตั้งกล้อง เหมือนกับ realme รุ่นพี่แต่อย่างใด

นอกจากนี้ ยังมีโหมดการถ่ายภาพแบบอื่นที่ถูกซ่อนเอาไว้ในแถบ More ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพระยะใกล้แบบ Ultra Macro ที่สามารถโฟกัสภาพถ่ายได้ใกล้สุดที่ระดับ 4 เซนติเมตร

โหมดการถ่ายภาพแบบ Expert ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ ของกล้องถ่ายภาพได้ด้วยตนเอง

ด้านการถ่ายวิดีโอ รองรับการบันทึกไฟล์ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD ที่ 30fps และสามารถเปิดใช้งานฟิลเตอร์สำหรับปรับเปลี่ยนโทนสีขณะถ่ายวิดีโอได้ด้วย

พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Time-Lapse และ Slow-Mo

ด้านกล้องหน้าเซลฟี่มีการจัดเรียงไอคอนต่างๆ คล้ายคลึงกับกล้องหลัง โดยที่แถบด้านบนจะเป็นไอคอนสำหรับตั้งค่าต่างๆ เกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพ ได้แก่ การเปิด-ปิด ไฟแฟลช, การเปิด-ปิด HDR และการเปิดใช้งานฟิลเตอร์

รองรับการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าให้มีความสวยงามทั้งหมด 100 ระดับ

รองรับการเปิดใช้งานฟิลเตอร์เพื่อปรับโทนสีของ ภาพถ่าย

มาพร้อมกับโหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ โดยผู้ใช้สามารถปรับระดับการเบลอของฉากหลังได้ถึง 100 ระดับ

นอกจากนี้ ยังสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าให้มีความสวยงาม

รวมทั้งยังสามารถเปิดใช้งานฟิลเตอร์ได้อีกด้วย

รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้างแบบ Pano

ส่วนการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้า รองรับการบันทึกไฟล์ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD ที่ 30fps

สามารถเปิดใช้งานฟิลเตอร์ขณะถ่ายวิดีโอได้

และรองรับการถ่ายวิดีโอเซลฟี่แบบ Time-Lapse

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ความละเอียดระดับ 13+2+2 ล้านพิกเซล ของ realme C12

ภาพถ่ายจากโหมด Ultra Macro

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait

ภาพถ่ายจากโหมด Super NightScape

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า AI Selfie ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ของ realme C12

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติพร้อมเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty

สรุปผลการทดสอบของ realme C12

เรียกได้ว่า realme C12 เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่น่าสนใจในตลาดชั่วโมงนี้ ด้วยการมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่พิเศษมากถึง 6000 mAh จึงช่วยให้สามารถใช้งานแบบพ้นวันได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มเติมแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังสามารถ แปลงร่างเป็น Power Bank เพื่อแชร์แบตเตอรี่ให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ ผ่านสาย OTG ได้อีกด้วย ซึ่งตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนแบตอึดได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ realme C12 ยังมาพร้อมกับหน้าจอแบบ Mini-drop Fullscreen ขนาดใหญ่ที่ 6.5 นิ้ว ที่มีพื้นที่ในการแสดงผลเมื่อเทียบกับตัวเครื่องระดับ 88.7% ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการรับชมคอนเทนต์แบบเต็มตาเต็มอารมณ์ รวมทั้งยังมาพร้อมกับชิปเซ็ตซีรีส์เกมมิ่งอย่าง MediaTek Helio G35 ซึ่งจากการใช้งานจริงก็พบว่า สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลพอตัว

ด้านการถ่ายภาพก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์เด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เนื่องจาก ให้กล้องถ่ายภาพมาถึง 3 ตัว พร้อมโหมดการถ่ายภาพที่ยกมาจาก realme รุ่นท็อป ไม่ว่าจะเป็น Super NightScape สำหรับการถ่ายภาพกลางคืนให้มีความคมชัดโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง ไปจนถึงโหมด Ultra Macro ที่ช่วยให้การถ่ายภาพระยะใกล้มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นฟีเจอร์ตอบโจทย์ผู้ถ่ายภาพมือใหม่ได้เป็นอย่างดี

realme C12 เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยที่ 3,999 บาท พร้อมโปรโมชั่น ผ่อน 0% นาน 6 เดือน และโปรโมชั่นราคาพิเศษจากผู้ให้บริการเครือข่าย ดังรายละเอียดต่อไปนี้

โดย realme C12จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง realme ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง realme C12 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

จุดเด่นของ realme C12

- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Geometric Gradient Design พร้อมพื้นผิวที่สามารถป้องกันรอยนิ้วมือ และรอยขีดข่วน - หน้าจอแสดงผลแบบ Mini-drop Fullscreen Display (IPS LCD) ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (1600x720 พิกเซล) พร้อมพื้นที่การแสดงผล 88.7%, อัตราส่วนแบบ 20:9, ระดับความสว่างสูงสุด 420 nit และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass - ฟีเจอร์ Dark Mode สำหรับปรับเปลี่ยนการแสดงผลให้อยู่ในโทนสีดำ - ฟีเจอร์ Eye Comfort สำหรับปรับเปลี่ยนการแสดงผลให้อยู่ในโทนสีอุ่น เพื่อช่วยให้สบายตามากยิ่งขึ้น - เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง - ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core MediaTek Helio G35 ความเร็ว 2.3 GHz - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) PowerVR GE8320 - หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 3GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB - รองรับการเพิ่มหน่วยความจำแบบ microSD Card ความจุสูงสุด 256GB - ระบบปฏิบัติการ Android 10 พร้อมครอบทับด้วย realme UI 1.0

- กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ AI Triple Camera ประกอบไปด้วย

> กล้องตัวหลัก ( Main ) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.2และระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF > กล้อง B&W ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.4 > กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.4และระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร

พร้อมโหมด Super Nightscape, ChromaBoost, Ultra Macro, Slo-mo และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080P (30fps)

- กล้องดิจิทัลด้านหน้า AI Selfie ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4

พร้อมโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์, ฟังก์ชัน AI Beauty และโหมด Portrait

- รองรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ - โหมดการถ่ายภาพแบบ Super NightScape สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความสว่างคมชัด โดยไม่ต้องตั้งค่าการถ่ายภาพ - โหมดการถ่ายภาพแบบ Ultra Macro สามารถโฟกัสภาพถ่ายได้ใกล้สุดที่ระยะ 4 เซนติเมตร - ระบบโฟกัสภาพแบบ Octa PD Autofocus - รองรับการถ่ายวิดีโอระดับ Full HD - คุณสมบัติป้องกันน้ำกระเซ็น (Splash-Resistant Design) - แบตเตอรี่ความจุ 6000mAh พร้อม Reverse Charging สำหรับแชร์แบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านสาย OTG - ฟีเจอร์ Super Power Saving Mode สำหรับประหยัดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ในระดับสูงสุด - เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE และ Wi-Fi 802.11 b/g/n - รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 - ระบบ GPS พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของประเทศรัสเซีย และ BeiDou ของประเทศจีน - ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ 3-Card Slot (Triple-Slot) - พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB - พอร์ตหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร - มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก (Marine Blue และ Coral Red) - ราคา 3,999 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ประหยัดคุ้มค่า

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ realme C12

- พอร์ตเชื่อมต่อยังไม่ใช่แบบ USB Type-C - ไม่มีระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง - หน้าจอยังไม่ใช่ความละเอียดระดับ Full HD

Leave a Comment