รีวิว Samsung Galaxy Z Fold2 5G โฉมใหม่เรือธงจอพับได้ อัปเกรดครั้งใหญ่ พร้อมกล้อง 5 ตัว และความแรงล้ำขั้นสุด :: Thaimobilecenter.com

โฉมใหม่เรือธงจอพับได้ อัปเกรดครั้งใหญ่ พร้อมกล้อง 5 ตัว และความแรงล้ำขั้นสุด ด้วยจอ Infinity Flex Dynamic AMOLED 7.6 นิ้ว ผสานจอนอก Super AMOLED 6.2 นิ้ว, ชิปเซ็ต Snapdragon 865+ เร็วแรงขั้นสุด, กล้องหลัง 3 ตัวครบทุกระยะ ผสาน 2 กล้องหน้า, RAM จัดเต็ม 12GB, แบตเตอรี่ชาร์จเร็วจุใจ 4500 mAh และลำโพงคู่เสียงรอบทิศ บนบอดี้สวยหรูเลอค่า กับกลไกฝาพับที่แกร่งเนียนล้ำขึ้นอีกขั้น ในราคา 69,900 บาท

28 กันยายน 2019 - สวัสดีครับ กลับมาพบกับรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่โดยทีมงาน Thaimobilecenter กันอีกเช่นเคย หลังจากที่เราได้รีวิวสมาร์ทโฟนระดับกลาง และระดับล่างไปหลายรุ่น คราวนี้ก็ถึงเวลาของสมาร์ทโฟนระดับท็อปกันบ้าง และจะว่าไปแล้ว คราวนี้ถือเป็นรุ่นที่เรียกว่าท็อปเหนือท็อป เพราะสมาร์ทโฟนที่เรานำมารีวิวในครั้งนี้มีสุดยอดนวัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และล้ำหน้ายิ่งกว่ารุ่นไหนๆ สมาร์ทโฟนที่ว่านี้ก็คือ Samsung Galaxy Z Fold2 5G นั่นเองครับ

Samsung Galaxy Z Fold2 5G เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนพับได้ (Foldable) เพียงไม่กี่รุ่นที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในขณะนี้ โดยมาในดีไซน์ และคุณสมบัติระดับพรีเมียม หน้าจอสามารถกางออกเพื่อใช้งานเป็นแท็บเล็ตขนาดเล็กได้ โดยหน้าจอหลักด้านในนั้นเป็นแบบ Infinity Flex Dynamic AMOLED 2X ที่เมื่อกางออกแล้วจะมีขนาดใหญ่ถึง 7.6 นิ้ว โดยผลิตจากกระจกชนิดพิเศษคือ Samsung Ultra Thin Glass ที่มีความยืดหยุ่น สามารถพับงอได้โดยไม่แตกจากการทดสอบกว่า 200,000 ครั้ง พร้อมกลไกบานพับแบบ Hideaway Hinge ที่นุ่มนวล กับเทคโนโลยี CAM ที่ช่วยให้กางพับ หรือใช้งาน Flex Mode ได้หลายองศา นอกจากนี้บนฝาพับยังมีอีก 1 จอสำหรับใช้งานขณะพับด้วย จึงสามารถพลิกแพลงการใช้งานได้หลากหลายกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป และมีขนาดที่ใหญ่เต็มตาขึ้นกว่า Galaxy Fold รุ่นแรก

Samsung Galaxy Z Fold2 5G ประมวลผลด้วยชิปเซ็ตตัวท็อปใหม่ล่าสุดจากค่าย Qualcomm นั่นคือ Snapdragon 865+ เรียกว่าเป็นสมาร์ทโฟน Samsung ไม่กี่รุ่นในไทยที่ได้ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon พร้อมด้วยหน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5 ขนาด 12GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB จึงทำงานได้อย่างลื่นไหลรวดเร็วทันใจ แม้จะเล่นเกมหนักๆ ก็รับได้สบาย และด้วยหน้าจอที่ใหญ่เป็นพิเศษ ทำให้รองรับการใช้งานพร้อมกันได้สูงสุดถึง 3 แอปพลิเคชัน แถมยังมีค่า Refresh Rate สูงสุด 120Hz ที่ช่วยให้การแสดงผลดูเนียนตากว่าปกติอีกด้วย

สำหรับแบตเตอรี่ภายในตัวเครื่องมีขนาด 4500 mAh โดยใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่แบ่งออกเป็น 2 ก้อน ซึ่งรองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงทั้งแบบมีสาย และไร้สาย พร้อมฟีเจอร์ Wireless PowerShare สำหรับแบ่งพลังงานให้อุปกรณ์อื่นๆ

ในด้านของการเชื่อมต่อนั้น แน่นอนว่าสามารถรองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่าย 5G ได้ทันทีตั้งแต่แกะกล่อง ทั้งคลื่นความถี่ 2600 MHz ในปัจจุบัน และความถี่ 700 MHz ที่กำลังจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ และเรื่องความบันเทิงก็ไม่ธรรมดา เพราะมากับ ลำโพงคู่ เสียงดีที่ฟังดูมีมิติรอบทิศทาง

ในส่วนของการถ่ายภาพ Samsung Galaxy Z Fold2 5G  มี กล้องรวมทั้งหมด 5 ตัว โดยเป็นกล้องหลัง 3 ตัว, กล้องหน้า 1 ตัวบนฝาพับด้านนอก และกล้องหน้าอีก 1 ตัวบนจอพับด้านใน ชุดกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก, กล้อง Ultra Wide และ กล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากัน มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS รองรับการซูมแบบ Optical สูงสุด 2 เท่า และซูมแบบ Digital ไกลสุด 10 เท่า รองรับโหมดการถ่ายรูปมากมายไม่ว่าจะเป็นโหมดไลฟ์โฟกัส (ละลายหลัง), โหมดกลางคืน, โหมดโปร และอื่นๆ อีกทั้งยังเปลี่ยนเอฟเฟกต์การเบลอฉากหลังได้ถึง 5 แบบ เพิ่มความแปลกใหม่ให้กับรูปถ่ายแนว Portrait ได้เป็นอย่างดี สำหรับกล้องหน้าทั้งด้านใน และด้านนอก มีคุณสมบัติที่เหมือนกัน โดยมีความละเอียด 10 ล้านพิกเซลทั้งคู่ รองรับโหมดการถ่ายรูปครบครัน ที่น่าสนใจคือ สามารถเลือกถ่ายเซลฟี่กับกล้องหลังได้ด้วย โดยใช้ประโยชน์จากดีไซน์ฝาพับ และจอคู่

ด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้น นับว่า Samsung Galaxy Z Fold2 5G คือสมาร์ทโฟนเรือธงแห่งอนาคตที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถระดับสูง และนำเสนอประสบการณ์การใช้งานที่แปลกใหม่ ไม่บ่อยนักที่เราจะมีโอกาสได้รีวิวสมาร์ทโฟนเช่นนี้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปติดตามชม รีวิว Samsung Galaxy Z Fold2 5G โดยทีมงาน Thaimobilecenter กันเลยดีกว่าครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Samsung Galaxy Z Fold2 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้งานได้ทั้งในแบบพับ และแบบกาง ในแบบพับตัวเครื่องจะมีรูปทรงที่ยาวกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป บนฝาพับมีหน้าจอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 6.23 นิ้ว ความละเอียด 816 x 2260 พิกเซล โดยมีอัตราส่วนการแสดงผลอยู่ที่ 25:9 หน้าจอจึงดูยาวกว่าปกติ ด้านบนมีการฝังกล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2

บานพับของรุ่นนี้ได้รับการอัปเกรดให้แข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อน กลไกบานพับถูกครอบอย่างมิดชิดด้วยสันโลหะ สลักโลโก้ Samsung เอาไว้ตรงกลาง ซึ่งเราสามารถเลือกเปลี่ยนสีของสันพับได้ 4 สีเมื่อสั่งซื้อ

ตัวอย่างสันพับสีต่างๆ ที่เลือกได้เมื่อสั่งซื้อ

ด้วยความที่ตัวเครื่องถูกพับทบกัน ทำให้หนากว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปราว 2 เท่า และหนักกว่าอย่างรู้สึกได้

แม้จะหนาและมีน้ำหนักค่อนข้างมาก แต่รูปทรงที่เพรียวยาวก็ช่วยให้จับได้ถนัดมือ และใช้งานด้วยมือข้างเดียวง่ายกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป

นอกจากนี้ One UI 2.5 ยังออกแบบมาให้ใช้งานในแนวนอนได้ด้วย ทำให้เราพลิกแพลงการใช้งานของหน้าจอ 25:9 ได้มากขึ้น

ฝาหลังของ Samsung Galaxy Z Fold2 5G เป็นโลหะเคลือบด้วยกระจกขัดเงา ด้านบนติดตั้งโมดูลกล้อง 3 ตัว (Triple Camera) และแฟลช LED ฐานกล้องนูนขึ้นมาจากตัวเครื่องค่อนข้างมาก สำหรับกล้องแต่ละตัวประกอบด้วย :

- กล้องหลัก ( Wide ) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.8, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.76 นิ้ว, ระบบโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS - กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.2, มุมรับภาพกว้าง123 องศา - กล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.6 นิ้ว, ระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, ซูมภาพแบบ Optical Zoom ได้ 2 เท่า และซูมภาพแบบ Digital Zoom ได้ 10 เท่า

ที่ด้านข้างของตัวเครื่องมีปุ่ม Power ที่ทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วยในตัว, ปุ่มปรับระดับเสียง   และถาดใส่ซิมบริเวณขอบล่างของตัวเครื่อง โดยรองรับซิมการ์ดแบบ nano-SIM แค่ตัวเดียว แต่มี eSIM อยู่ในเครื่องด้วย ทำให้ใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ดได้

ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องลำโพง, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และไมโครโฟน

ส่วนด้านบนก็มีไมโครโฟนและลำโพงเช่นกัน ทำให้ Samsung Galaxy Z Fold2 5G มีลำโพงเสียงแบบสเตอริโอบน-ล่าง

เมื่อกางตัวเครื่องออกมาจะพบกับหน้าจอพับ Foldable Dynamic AMOLED 2X ขนาด 7.6 นิ้ว ความละเอียด 1768 x 2208 พิกเซล รองรับมาตรฐานการแสดงผล HDR10+ และอัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz ที่ด้านบนหน้าจอทางขวามีกล้องหน้าอีกตัวหนึ่ง ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 สเปกเหมือนกับตัวที่อยู่ด้านนอกทุกประการ

เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์

Samsung Galaxy Z Fold2 5G ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.5 ซึ่งเป็นอินเตอร์เฟซเวอร์ชันล่าสุด เน้นการออกแบบที่สบายตา และการจัดวางคอนเทนต์ที่ใช้งานสะดวก

เมื่อปัดนิ้วจากขอบด้านบนของหน้าจอ ลงมาจะเป็นการเปิด แถบแจ้ง เตือน และเมื่อปัดลงอีกครั้งจะเป็นการขยาย เมนูปุ่มลัด สำหรับ การตั้งค่าที่ใช่บ่อยๆ เช่น เปิด-ปิด WiFi, เปิด-ปิด Bluetooth, หมุนหน้าจออัตโนมัติ, เปิดโหมดประหยัดพลังงาน เป็นต้น

และยังสามารถเพิ่ม หรือลบทางลัดการตั้งค่าในเมนูนี้ได้ด้วย

เมื่อปัดนิ้วตรงกลางหน้าจอหลักหนึ่งครั้ง จะเป็นการเปิด ลิ้นชัก แอปพลิเคชันทุกตัวที่ติดตั้งไว้ในเครื่องจะแสดงอยู่ในนี้ทั้งหมด

Samsung Galaxy Z Fold2 5G ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ของ Google มาให้ครบครันจากโรงงาน ไม่ว่าจะเป็น Chrome, Gmail, Maps และอื่นๆ ไปจนถึง YouTube Music

ส่วนแอปพลิเคชันพื้นฐานของ Samsung ก็มีมาให้ครบถ้วนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Samsung Health สำหรับติดตามสถิติเชิงสุขภาพ, Galaxy Wearable สำหรับเชื่อมต่อนาฬิกาสมาร์ทวอทช์, Samsung Pay เป็นต้น

เมื่อกดปุ่ม แอปล่าสุด ตรงแถบนำทาง จะพบกับแท็บแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดค้างไว้ เราสามารถเลือกปิดแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้ด้วยการปัดหน้าต่างแอปนั้นขึ้นด้านบนทีละ ตัว หรือจะกด ปิดทั้งหมด เพื่อปิดทุกแอปทันทีก็ได้ หากกดที่ไอคอนของแอป จะปรากฏตัวเลือกเพิ่มเติม ซึ่งเราสามารถเปิดแอป 2 หน้าจอพร้อมกัน หรือเปิดแบบหน้าต่างลอยได้จากตัวเลือกนี้

ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ถึง 7.6 นิ้วในโหมดกางจึงใช้งานแบบแบ่งหน้าจอได้สะดวกกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป ใครที่ชอบทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกัน เช่น ทำงานพร้อมกับดูหุ้น หรือดู YouTube พร้อมกับเล่น Facebook ไปด้วย จะต้องถูกใจแน่นอน

สำหรับฟังก์ชันสำคัญอย่างการโทรนั้น สามารถโทรออกและรับสายได้ทั้งในโหมดพับและโหมดกาง แต่ในโหมดพับจะถือสะดวกกว่า

ฟีเจอร์สำหรับสมาร์ทโฟนไฮเอนด์อย่างแผง Edge ก็มีให้ใช้ด้วย สำหรับฟีเจอร์นี้จะเป็นแถบเครื่องมือลัดที่เราสามารถเรียกใช้ได้ด้วยการดึงแถบ Edge ที่อยู่ชิดขอบจอด้านขวาออกมา ช่วยให้เราเรียกใช้แอปพลิเคชัน และฟังก์ชันบางอย่างได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยเราสามารถปรับเปลี่ยนเมนูบนแผง Edge ได้หลากหลายรูปแบบตามการใช้งานของเราครับ

ที่น่าสนใจคือเราสามารถจับกลุ่มแอปพลิเคชันได้สูงสุด 3 แอปเก็บไว้บนแผง Edge เพื่อเปิดใช้แอปทั้งหมดพร้อมกันในโหมดแบ่ง 3 หน้าจอ ด้วยหน้าจอขนาด 7.6 นิ้วทำให้รองรับทั้ง 3 แอปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในแบบที่ไม่มีสมาร์ทโฟนรุ่นใดทำได้

เราสามารถปรับแต่งเมนูบนแผง Edge ได้ตามต้องการ หรือถ้าไม่ชอบจะปิดใช้งานไปเลยก็ได้เช่นกัน

เมื่อกดค้างที่บนพื้นที่ว่างในหน้าจอหลักสักครู่ จะเข้าสู่การปรับแต่งหน้าจอ ซึ่งสามารถปรับตำแหน่งของไอคอน และเพิ่ม หรือลบวิดเจ็ตต่างๆ บนหน้าจอหลักได้ตามต้องการ

สมาร์ทโฟนของ Samsung เกือบทุกรุ่นจะสามารถเข้าถึงร้านค้า Galaxy Themes ได้ ซึ่งมีภาพพื้นหลัง, ธีม, ไอคอน และรูปแบบ Always-On Display ให้เลือกดาวน์โหลดไปใช้งานมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งมีทั้งแบบฟรี และแบบเสียเงิน โดยมีราคาระบุเอาไว้ในแต่ละรายการอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีการลดราคา หรือเปิดให้ดาวน์โหลดกันฟรีๆ ในบางช่วงเวลาอีกด้วย

และถึงแม้ว่าธีมเกือบทั้งหมดบนร้านค้าจะไม่ได้ออกแบบมาให้เข้ากับหน้าจอ ขนาดใหญ่ของ Galaxy Z Fold2 5G แต่ก็นำมาใช้ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ

นอกจากการเปลี่ยนภาพพื้นหลังและธีม เรายังเข้าไปปรับแต่งการตั้งค่าของการแสดงผลอื่นๆ ได้อีก เล่น เลือกโหมดการแสดงสีสัน และปรับขนาดตัวอักษร เป็นต้น

อีกฟีเจอร์หนึ่งที่สมาร์ทโฟนยุคใหม่ต้องมีคือโหมดมืด หรือ Dark Mode ที่จะเปลี่ยนให้หน้าจอเป็นสีดำ และเปลี่ยนตัวอักษรเป็นสีขาว ทำให้จอไม่สว่างเกินไปเมื่อใช้งานในที่มืด และใช้งานได้นานโดยไม่ปวดตา

Samsung Galaxy Z Fold2 5G รองรับอัตรารีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz เมื่อเปิดใช้งานการเคลื่อนไหวต่างๆ บนหน้าจอจะดูต่อเนื่อง ลื่นไหลสบายตามากขึ้น แต่ก็จะกินแบตเตอรี่มากขึ้นไปด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หน้าจอ 6.23 นิ้วด้านนอกจะไม่สามารถใช้อัตรารีเฟรช 120Hz ได้

ในส่วนของการรักษาความปลอดภัย Samsung Galaxy Z Fold2 5G รองรับทั้งการสแกนใบหน้า และการสแกนลายนิ้วมือ สามารถสแกนใบหน้าโดยที่ใส่แว่นตาอยู่ได้ และสแกนได้ทั้งกล้องหน้าบนฝาพับ และกล้องหน้าบนจอหลักด้านใน

Samsung Galaxy Z Fold2 5G มีฟีเจอร์ Dual Messenger สำหรับเปิดใช้งานบัญชีโซเชียลมีเดีย 2 บัญชีในเครื่องเดียว โดยบัญชีที่สองจะแยกออกจากบัญชีแรกอย่างเด็ดขาด เสมือนติดตั้งไว้บนสมาร์ทโฟนอีกเครื่องหนึ่ง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแยกบัญชี LINE หรือ Facebook ที่เอาไว้ใช้ในการทำงานออกจากบัญชีส่วนตัว โดยไม่ต้องซื้อสมาร์ทโฟน 2 เครื่องครับ

หนึ่งในแอปพลิเคชันดีๆ ที่เราอยากจะแนะนำใน Samsung Galaxy Z Fold 2 5G คือ Samsung Members ที่ช่วยให้เราเข้าถึงบริการหลังการขาย และสิทธิประโยชน์ต่างๆ จาก Samsung ได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบความผิดปกติของสมาร์ทโฟน, การแจ้งปัญหาการใช้งานแบบออนไลน์, ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่เทคนิค และสิทธิพิเศษอื่นๆ เป็นต้น

และที่ขาดไม่ได้คือ Galaxy Gift เอกสิทธิ์เฉพาะผู้ใช้สมาร์ทโฟน Samsung ซึ่งรวมโปรโมชัน, ส่วนลด และของฟรีจากร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขนม, เครื่องดื่ม, ที่พัก, บัตรชมภาพยนตร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์เสริม และอื่นๆ อีกมากมาย ที่หาที่ไหนไม่ได้นอกจากในสมาร์ทโฟนของ Samsung เท่านั้น

ฟังก์ชัน การดูแลอุปกรณ์ ของ Samsung Galaxy Z Fold2 5G จะไม่แสดงในหน้าจอหลัก แต่จะอยู่ในหน้าการตั้งค่า ในเวอร์ชันนี้มีการเปลี่ยนโฉมให้ใช้งานง่ายขึ้น โดยผู้ใช้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของตัวสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆ เพียงแค่กดปุ่ม ปรับตอนนี้ เพียงครั้งเดียว และยังมีการตั้งค่าแยกย่อยอื่นๆ ที่แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ แบตเตอรี่ , ที่เก็บ , หน่วยความจำ และ ความปลอดภัย

ในเมนู แบตเตอรี่ จะรวมการตั้งค่าเกี่ยวกับแบตเตอรี่เอาไว้ทั้งหมด โดย Samsung Galaxy Z Fold2 5G มีระบบ AI ที่จะเรียนรู้ลักษณะการใช้งานของเรา และปรับปรุงการจัดสรรพลังงานให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะต้องใช้เวลาเรียนรู้ประมาณ 2-3 วัน พร้อมกันนี้ยังมีบันทึกการใช้แบตเตอรี่ในแต่ละวันให้ดูอย่างละเอียดด้วย

ในกรณีที่ต้องการประหยัดแบตเตอรี่ เราสามารถเข้ามาเปิดโหมดประหยัดพลังงานได้ในเมนูนี้ หรือจะเปิดใช้โหมดประหยัดพลังงานจากเมนูลัดบนแผงด่วนก็ได้

เมนู ที่เก็บ จะแสดงพื้นที่ในเครื่องที่ยังเหลือ และขนาดรวมของไฟล์ประเภทต่างๆ ซึ่งเราสามารถล้างไฟล์ขยะในเครื่องได้ในเมนูนี้

เมนู หน่วยความจำ จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการใช้ หน่วยความจำ RAM ซึ่งสามารถกด ล้างตอนนี้ เพื่อเคลียร์ RAM ให้เครื่องลื่นขึ้นได้ทันที

เมนู ความปลอดภัย จะเป็นการสแกนหาไวรัสและมัลแวร์ที่แฝงตัวอยู่ในแอปพลิเคชัน โดยใช้เวลาสแกนไม่นาน

มาดูการใช้งานด้านความบันเทิงกันบ้างครับ เริ่มจากการท่องอินเทอร์เน็ตกันก่อน ซึ่ง Samsung Galaxy Z Fold2 5G มี Samsung Internet เป็นเบราว์เซอร์พื้นฐาน โดยมีความเร็ว และความเสถียรไม่แพ้เบราว์เซอร์ตัวอื่นๆ สามารถแสดงผลหน้าเว็บได้ครบถ้วน และมีฟังก์ชันหลายอย่างให้เลือกใช้

เบราว์เซอร์ของ Samsung ในเวอร์ชั่นนี้สามารถเลือกเปลี่ยนรูปแบบการแสดงแท็บได้ 3 แบบ

ในส่วนของการตั้งค่าเบราว์เซอร์ มีตัวเลือกในการแชร์เพจ, บล็อกโฆษณา, ปรับขนาดตัวอักษร, เปิดเว็บไซต์เวอร์ชันเดสก์ท็อป และอื่นๆ ที่น่าสนใจคือมี โหมดความเข้มสูง ให้ใช้ด้วย ซึ่งจะเปลี่ยนสีของหน้าเว็บให้เป็นสีดำ ช่วยลดแสงจ้าจากสีขาว และถนอมสายตาเมื่อใช้งานในเวลากลางคืน

สำหรับการฟังเพลง จะใช้แอปพลิเคชันพื้นฐานเป็น YouTube Music ที่ไม่มีฟีเจอร์พิเศษใดๆ นอกจากเล่นและหยุดเพลง แน่นอนว่าเราสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฟังเพลงอื่นๆ ได้จาก PlayStore และ Galaxy Store ครับ

ในส่วนของการเล่นวิดีโอ Samsung Galaxy Z Fold2 5G จะใช้แอปพลิเคชันเล่นวิดีโอของ Samsung เอง ซึ่งในแอปมีฟีเจอร์เสริมหลายอย่างทั้งการจับภาพสกรีนช็อต, บันทึกเป็นภาพเคลื่อนไหวแบบ GIF, แสดงวิดีโอแบบหน้าต่าง pop-up, ล็อกหน้าจอ และขยายเต็มจอ เป็นต้น

หากเลือกยืดภาพ ภาพจะยืดออกจนปิดขอบดำไว้ทั้งหมด แต่สัดส่วนของภาพจะเพี้ยนไป

หากเลือกขยายภาพ ภาพจะขยายจนปิดส่วนขอบดำทั้งหมด แต่ขอบภาพบางส่วนจะล้นออกไปจากจอ

สำหรับการแสดงผลแบบ pop-up จะเป็นหน้าต่างลอยดังภาพ ซึ่งจะแสดงอยู่เหนือแอปพลิเคชันทุกตัว และเคลื่อนย้ายไปบนจอได้

ในการบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบ GIF จะบันทึกได้ยาวสุด 6 วินาที โดยปรับความเร็วในการเคลื่อนไหวได้ที่ 0.5x, 1.0x (ความเร็วปกติ) และ 2.0x และเลือกให้เล่นย้อนกลับ หรือกลับไปกลับมาก็ได้

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Game Launcher ช่วยสนับสนุนการเล่นเกมให้ราบรื่นยิ่งขึ้น โดยเกมทุกเกมในเครื่องจะถูกรวมเอาไว้ที่เดียว พร้อมทั้งแสดงระยะเวลาการเล่นทั้งหมดของเรา รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับตัวเกมด้วย

สำหรับการเล่นเกมนั้น เราสามารถเล่นเกมบน Samsung Galaxy Z Fold2 5G ได้ทั้งบนหน้าจอเล็กบนฝาพับ และหน้าจอใหญ่ด้านใน ซึ่งแน่นอนว่าสัดส่วนการแสดงผลในเกมก็จะแตกต่างกัน ข้อดีคือเราสามารถสลับการเล่นจากจอเล็กเป็นจอใหญ่ และจากจอใหญ่เป็นจอเล็กได้โดยไม่ต้องปิดเกมแล้วเปิดใหม่ครับ

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Game Launcher ช่วยสนับสนุนการเล่นเกมให้ราบรื่นยิ่งขึ้น โดยเกมทุกเกมในเครื่องจะถูกรวมเอาไว้ที่เดียว พร้อมทั้งแสดงระยะเวลาการเล่นทั้งหมดของเรา รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับตัวเกมด้วย

เราสามารถเปิดเมนูของ Game Launcher ขึ้นมาระหว่างเล่นเกมได้ โดยจะแสดงปริมาณแบตเตอรี่ที่ใช้ และประเมินระยะเวลาที่ยังเล่นได้ก่อนแบตจะหมด และมีเมนูลัดสำหรับล็อกปุ่มการนำทาง, ล็อกการสัมผัสหน้าจอ และถ่ายสกรีนช็อต เมื่อเราปล่อยเกมทิ้งไว้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง จะเข้าสู่โหมดล็อกหน้าจอโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะมีการลดความสว่างของหน้าจอลง พร้อมทั้งล็อกการสัมผัส และลดเฟรมเรตของตัวเกมเพื่อประหยัดพลังงาน แต่เกมจะยังคงรันต่อไปเรื่อยๆ เหมาะสำหรับการเปิดบอททิ้งไว้ เพราะประหยัดพลังงานกว่าการเปิดเกมไว้ตลอด และช่วยป้องกันการสัมผัสปุ่มต่างๆ โดยไม่ตั้งใจได้

เกมที่เรานำมาทดสอบบน Samsung Galaxy Z Fold2 5G มีด้วยกัน 3 เกม ได้แก่ PUBG Mobile, Black Desert Mobile และ Guardian Tales ซึ่งขุมพลังของชิปเซ็ต Snapdragon 865+ กับ RAM 12GB LPDDR5 ก็สามารถรับมือกับทั้ง 3 เกมได้อย่างสบายๆ ตามคาด อีกทั้งก ารเล่นบนหน้าจอขนาด 7.6 นิ้วในโหมดกาง ก็ยังให้ความรู้สึกแปลกใหม่ต่างจากการเล่นบนหน้าจอมือถือแนวนอนทั่วไป โดยเฉพาะเกม PUBG Mobile ที่เราสามารถเปิดใช้กราฟิกระดับ Ultra HD และเปิดเฟรมเรต 120fps ได้ ภาพจึงสวยงามสมจริงและลื่นไหลสบายตา ทำให้เรารู้สึกอินกับเกมมากยิ่งขึ้น ในขณะที่เกม Black Desert Mobile ก็สามารถรีดกราฟิกระดับสูงสุดออกมาได้เต็มที่เช่นกัน ส่วนเกม Guardian Tales ที่มีมุมมองการเล่นแบบ Top-Down ก็ช่วยให้เรามองฉากด้านบนและด้านล่างได้ไกลขึ้น โดยรวมแล้วทางทีมงานรู้สึกประทับใจกับการเล่นเกมบน Samsung Galaxy Z Fold2 5G มากครับ

อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของการเล่นเกมบน Samsung Galaxy Z Fold2 5G ในโหมดกาง คือ ทำให้ภาพโมเดล 3D ขอบแตกเป็นรอยหยัก ไม่คมเท่าที่ควร ซึ่งอาจเป็นเพราะตัวเกมไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับหน้าจอที่ใหญ่ขนาดนี้ครับ

Samsung Galaxy Z Fold2 5G วัดค่า benchmark จากแอปพลิเคชัน Geekbench 5 ได้ 945 คะแนนสำหรับการประมวลผลแกนเดี่ยว (Single-Core) และ 3173 คะแนนสำหรับการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core)

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 7501 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 6980 คะแนน

Samsung Galaxy Z Fold2 5G ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 865+ แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 3.09 GHz มีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 650 , หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 12 GB LPDDR5 และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 256 GB

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Samsung Galaxy Z Fold2 5G นั้นมีมาครบทุกอย่าง ขาดเพียงเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิเท่านั้น

หน้าจอแสดงผลทั้ง 2 จอรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

สำหรับการถ่ายรูปและวิดีโอของ Samsung Galaxy Z Fold2 5G สามารถพลิกแพลงได้หลายแบบ อย่างแรกคือการถ่ายรูปที่ทำได้ทั้งในโหมดพับ และโหมดกาง ซึ่งในโหมดกาง UI ของแอปพลิเคชันกล้องจะเปลี่ยนไป โดยแสดงภาพตัวอย่างเต็มจอ พร้อมปรับ UI เป็นแบบ Overlay และย้ายปุ่มชัตเตอร์ไปอยู่ชิดขอบขวา เพื่อความสะดวกในการกดถ่าย

และยังใช้งานในรูปแบบ Flex Mode หรือการพับจอครึ่งหนึ่งได้ด้วย ซึ่ง UI ของแอปกล้อง และภาพตัวอย่างจะแยกกัน ให้เราเอาไปปรับใช้กันได้ตามสะดวก

ชุดกล้องหลัง 3 ตัวของ Samsung Galaxy Z Fold2 5G ประกอบด้วย :

กล้องหลัก ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 มีระบบ Dual Pixel PDAF และกันสั่น OIS

กล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 มีระบบ PDAF, OIS, รองรับ 2x Optical Zoom

กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมมองกว้าง 123

สำหรับกล้องหน้าก็ใช้งานได้ทั้งโหมดพับ และโหมดกางเช่นกัน โดยในโหมดพับจะใช้กล้องตัวที่อยู่บนจอเล็กด้านนอก ส่วนโหมดกางจะใช้กล้องอีกตัวบนจอใหญ่ด้านใน แต่ทั้งสองตัวมีสเปกที่เหมือนกัน โดยเป็นกล้องความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ขนาดพิกเซล 1.22 ไมครอนทั้งคู่ จึงให้รูปถ่ายที่มีคุณภาพเท่ากัน

และที่น่าสนใจคือ เราสามารถถ่ายเซลฟี่กับกล้องหลังได้ด้วย โดยเมื่ออยู่ในโหมดกาง ให้กดที่ไอคอน "เซลฟี่" ที่มุมด้านบน หน้าจอด้านนอกจะถูกเปิดขึ้นมาให้เราถ่ายรูปกับกล้องหลังได้ดังภาพ

ในโหมด รูปถ่าย หรือโหมดอัตโนมัติ จะมีทางลัดให้จับภาพได้ 3 ระยะ คือ ระยะซูม Optical 2x, ระยะปกติ และมุมมองแบบกว้างพิเศษ (ระยะซูม 0.6) ที่มุมขวาล่างมีไอคอน AI วิเคราะห์ภาพ (สีฟ้า) ที่เราเลือกเปิด-ปิดได้ทันทีโดยไม่ต้องเข้าไปในหน้าการตั้งค่าให้ยุ่งยาก ส่วนเมนูอื่นๆ จะอยู่ด้านบน นอกจากนี้เรายังเลือกเปิดตัวช่วยการจัดวางองค์ประกอบภาพได้ด้วย

สำหรับการตั้งค่าฟีเจอร์ AI Beauty จะอยู่ที่ไอคอนรูปไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ทางขวาสุด โดยจะรวมอยู่กับฟิลเตอร์ต่างๆ ซึ่งนอกจากจะปรับความเนียนของผิวได้แล้ว ยังปรับขนาดดวงตา และความเรียวของคางได้ด้วย

ในโหมด ไลฟ์โฟกัส คือโหมดสำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งถ่ายได้ 2 ระยะคือ มุมแคบ และมุมกว้าง และสามารถปรับเอฟเฟกต์เบลอฉากหลังได้ถึง 5 แบบ

สำหรับโหมด โปร สามารถปรับแต่งค่า ของตัวกล้องได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นสมดุลแสงขาว (WB), รูปแบบการโฟกัส, การชดเชยแสง (EV), สปีดชัตเตอร์ ไปจนถึงค่า ISO เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับการถ่ายรูปอยู่แล้ว

และยังมีโหมด กลางคืน ที่ช่วยเพิ่มความสว่างและความคมชัดของรูปถ่ายในเวลากลางคืน โดยระบบจะวัดแสงสว่าง และตั้งเวลาเปิดชัตเตอร์ให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 2-4 วินาที ระหว่างนี้เราจะต้องถือสมาร์ทโฟนไว้นิ่งๆ เพื่อให้รูปถ่ายออกมาคมชัดที่สุดครับ

นอกจากนี้ยังมีโหมดอื่นๆ ให้เลือกใช้อีกหลายอย่าง ซึ่งจะรวมอยู่ในหน้าเมนู อื่นๆ สามารถลากโหมดที่ต้องการมาใส่ไว้ในเมนูลัดด้านล่างได้

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 12+12+12 ล้านพิกเซล

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิด AI และเปิด Auto HDR

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ มุมมองกว้างพิเศษ เปิด AI และเปิด Auto HDR

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิด AI และเปิด Auto HDR

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ มุมมองกว้างพิเศษ เปิด AI และเปิด Auto HDR

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิด AI และเปิด Auto HDR

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิด AI และเปิด Auto HDR

ถ่ายด้วยโหมดไลฟ์โฟกัส ความเบลอพื้นหลังระดับ 5

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ ซูมแบบ Optical 2 เท่า

ถ่ายด้วยโหมดไลฟ์โฟกัส ความเบลอฉากหลังระดับ 5

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิด AI และเปิด Auto HDR

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิด AI และเปิด Auto HDR

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ ซูมแบบ Optical 2 เท่า

ถ่ายในที่ร่มด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิด AI และเปิด Auto HDR

ถ่ายในที่ร่มด้วยโหมดอัตโนมัติ มุมมองกว้างพิเศษ (Ultra Wide) เปิด AI และเปิด Auto HDR

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิด AI

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิด AI

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิด AI

ถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ เปิด AI

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน มุมมองกว้างพิเศษ

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน

ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน

ถ่ายด้วยโหมดไลฟ์โฟกัส มุมมองแคบ ใสภาวะแสงค่อนข้างน้อย

ถ่ายด้วยโหมดไลฟ์โฟกัส ความเบลอพื้นหลังระดับ 5 เปิด AI Beauty ระดับ 3

ถ่ายด้วยโหมดไลฟ์โฟกัส เอฟเฟกต์เบลอแบบสปินระดับ 5 เปิด AI Beauty ระดับ 3

ถ่ายด้วยโหมดไลฟ์โฟกัส เอฟเฟกต์เบลอแบบซูมระดับ 5 เปิด AI Beauty ระดับ 3

ถ่ายด้วยโหมดไลฟ์โฟกัส เอฟเฟกต์เบลอแบบวงกลมขนาดใหญ่ระดับ 2 เปิด AI Beauty ระดับ 3

ถ่ายด้วยโหมดไลฟ์โฟกัส เอฟเฟกต์เบลอแบบคัลเลอร์พอยต์ระดับ 5 เปิด AI Beauty ระดับ 3

ถ่ายภาพบุคคลด้วยมุมมองกว้างพิเศษ (Ultra Wide) เปิด Auto HDR

ถ่ายภาพบุคคลด้วยมุมมองกว้างพิเศษ (Ultra Wide) เปิด Auto HDR

ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่ จากกล้องหน้า ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล

ถ่ายเซลฟี่ด้วยโหมดไลฟ์โฟกัส ความเบลอพื้นหลังระดับ 5 เปิด AI Beauty ระดับ 3

ถ่ายเซลฟี่ด้วยโหมดไลฟ์โฟกัส เอฟเฟกต์เบลอแบบวงกลมขนาดใหญ่ระดับ 2 เปิด AI Beauty ระดับ 3

ถ่ายเซลฟี่ด้วยโหมดไลฟ์โฟกัส เอฟเฟกต์เบลอแบบสปินระดับ 5 เปิด AI Beauty ระดับ 3

ถ่ายเซลฟี่ด้วยโหมดไลฟ์โฟกัส เอฟเฟกต์เบลอแบบซูมระดับ 5 เปิด AI Beauty ระดับ 3

ถ่ายเซลฟี่ด้วยโหมดไลฟ์โฟกัส เอฟเฟกต์เบลอแบบคัลเลอร์พอยต์ระดับ 5 เปิด AI Beauty ระดับ 3

สรุปผลการทดสอบของ Samsung Galaxy Z Fold2 5G

หลังจากที่เราได้ลองใช้งาน Samsung Galaxy Z Fold2 5G อย่างจริงจังมาระยะหนึ่ง ก็พบว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ทำได้ดีกว่าที่คาดหวังไว้ในหลายๆ เรื่อง และมีจุดที่น่าประทับใจหลายอย่างด้วยกัน

สิ่งแรกที่เรารู้สึกประทับใจ คืองานประกอบที่ทนทานกว่าที่คิด ปัญหาเก่าที่เคยมีอยู่ใน Samsung Galaxy Fold รุ่นแรก เช่นฝุ่นเข้าไปในบานพับ หรือจอพับที่ไม่ทนทานเท่าที่ควร ได้ถูกแก้ไขจนหมดในรุ่นนี้ ทำให้เราใช้งานตัวเครื่องได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลา

ขณะเดียวกัน ในรุ่นนี้ได้ อัปเกรดหน้าจอด้านนอก จากเดิมที่เป็นจอเล็ก กลายมาเป็นจอไร้ขอบที่แสดงผลเต็มพื้นที่ ทำให้ใช้งานในโหมดพับง่ายขึ้นมาก ที่สำคัญคือสามารถ ใช้งานได้ทุกอย่างไม่ต่างจากหน้าจอหลักด้านใน ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันพื้นฐานอย่างการโทร, การท่องเว็บ ไปจนถึงการดูหนัง หรือแม้กระทั่งการเล่นเกม ไม่ใช่แค่เอาไว้ดูนาฬิกาหรือแจ้งเตือนอย่างเดียว เราจึงสามารถใช้งานในแบบพับได้เต็มที่โดยไม่จำเป็นต้องกางจอออกทุกครั้ง นอกจากนี้ หากเรากำลังใช้งานแอปพลิเคชันในหน้าจอด้านนอกอยู่ เมื่อเรากางตัวเครื่องออก สิ่งที่เปิดค้างอยู่บนจอด้านนอกจะย้ายเข้าไปอยู่บนจอด้านในโดยอัตโนมัติ จึงทำงานต่อได้ทันทีไม่มีขาดตอน แต่ทั้งนี้การใช้งานจอด้านนอกก็มีข้อจำกัดเช่นกัน นั่นคืออัตราส่วนการแสดงผลแบบ 25:9 ที่ดูแคบและยาว จึงไม่เหมาะกับการใช้งานแอปพลิเคชันบางตัว อีกทั้งหน้าจอด้านนอกยังไม่รองรับค่า Refresh Rate ที่ 120Hz ด้วย

สำหรับการใช้งานแบบกาง จะให้ความรู้สึก เหมือนกับการใช้งานแท็บเล็ตขนาดย่อมๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้เราดูหนัง หรือเล่นเกมได้แบบจอใหญ่แล้ว ยังช่วยให้แบ่งจอใช้งานแอปพลิเคชันพร้อมกัน 2 ตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเปิดพร้อมกันได้ สูงสุดถึง 3 แอปพลิเคชัน เหมาะกับผู้ที่ชอบทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เป็นความสามารถที่หาไม่ได้ในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น เราคิดว่าจุดแข็งตรงนี้จริงๆ แล้วเหมาะกับการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen มาก ซึ่งก็หวังว่า Samsung จะเพิ่มปากกา S Pen มาใน Galaxy Z Fold รุ่นหน้าด้วย

ด้านประสิทธิภาพการทำงาน Samsung Galaxy Z Fold2 5G สามารถรับงานหนักได้สบายหายห่วง และเปิดใช้งานพร้อมกัน 3 แอปพลิเคชันได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ ซึ่งก็เป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันของชิปเซ็ตตัวท็อปของค่าย Qualcomm อย่าง Snapdragon 865+ , หน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 12GB , หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB และส่วนติดต่อผู้ใช้ที่คุ้นเคยกันดีอย่าง One UI 2.5 หากคุณต้องการความแรงระดับเรือธงตัวท็อป และฟังก์ชันแบบมืออาชีพ Samsung Galaxy Z Fold2 5G สามารถให้คุณได้แน่นอน

นอกจากการใช้งานทั่วไป Samsung Galaxy Z Fold2 5G ก็เล่นเกมได้ดีเช่นกันโดยเล่นได้ทั้งจอเล็กด้านนอก และจอใหญ่ด้านใน หากเล่นบนจอเล็กก็จะให้มุมมองด้านข้างที่กว้างกว่าปกติ หากเล่นบนจอใหญ่ก็จะให้มุมมองที่โล่งขึ้น และมีความกว้างเท่าๆ กันทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน เป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างแปลกใหม่ ระหว่างการเล่นแทบจะไม่รู้สีกถึงความร้อน แม้จะตั้งค่ากราฟิกในเกมไว้สูงสุดก็ตาม อย่างไรก็ดี การเล่นเกมบนจอใหญ่จะทำให้ภาพในเกมไม่คมชัดเท่าที่ควร อาจเพราะตัวเกมไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้รองรับกับหน้าจอที่ใหญ่ขนาดนี้

ในส่วนของการถ่ายภาพ Samsung Galaxy Z Fold2 5G ทำได้ดีใกล้เคียงกับเรือธงตระกูล Galaxy S และ Galaxy Note โดยมีโหมดการใช้งานให้เลือกใช้อย่างครบครัน มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และลูกเล่น AR Emoji สามารถ ถ่ายวิดีโอแบบ HDR10+ ได้ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่จะไม่สามารถซูมได้ไกลเท่า โดย ซูมแบบ Optical ได้เพียง 2 เท่า และแบบ Digital สูงสุด 10 เท่า โดยรวมแล้วถือว่าถ่ายรูปได้ดีในระดับบนๆ ของวงการ แต่ถึงกระนั้น ก็ ยังมีปัญหาเรื่องความร้อนสูงเมื่อเปิดใช้กล้องเป็นเวลานาน อยู่ ซึ่งก็หวังว่า Samsung จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ในการอัปเกรดซอฟต์แวร์เวอร์ชันต่อๆ ไป

ทั้งนี้ หากนำเรื่องกล้องมาเป็นตัวตั้ง สมาร์ทโฟนหลายรุ่นสามารถให้คุณได้มากกว่านี้ ในราคาที่ประหยัดกว่ามาก ดังนั้นถ้าต้องการสมาร์ทโฟนสำหรับถ่ายรูป Samsung Galaxy Z Fold2 5Gอาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด เพราะจุดขายที่แท้จริงของรุ่นนี้นั้นอยู่ที่ นวัตกรรมจอพับได้ที่หาไม่ได้ในสมาร์ทโฟนเรือธงทั่วไป นั่นเอง

จากคุณสมบัติต่างๆ ที่กล่าวมา อาจพูดได้ว่า Samsung Galaxy Z Fold2 5G คือสมาร์ทโฟนเรือธง 5G ตัวท็อปแบบจอพับได้ที่สมบูรณ์แบบในตัวเอง สามารถตอบสนองการใช้งานทุกประเภทได้อย่างเต็มที่ในระดับเดียวกับสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปรุ่นอื่นๆ พร้อมทั้งมอบประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่าง แต่ถ้าเปรียบเทียบคุณสมบัติกับราคาที่สูงถึง 69,900 บาท แล้ว ในมุมหนึ่งอาจไม่ใช่ราคาที่คุ้มค่าสำหรับทุกคน เพราะยังมีสมาร์ทโฟนอีกหลายรุ่นในตลาดที่มีคุณสมบัติเท่ากัน หรือสูงกว่าในราคาที่ถูกกว่า ต่างกันตรงที่พับจอไม่ได้เท่านั้น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ราคาที่สูงกว่าปกตินี้เป็นราคาของนวัตกรรมจอพับที่หาไม่ได้ในสมาร์ทโฟนทั่วไป เพราะฉะนั้นหากมองว่าเราไม่ได้ซื้อสมาร์ทโฟนไฮเอนด์อย่างเดียว แต่ซื้อนวัตกรรมแห่งอนาคตด้วย ก็เป็นราคาที่สมเหตุสมผลครับ

Samsung Galaxy Z Fold2 5G วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วที่ราคา 69,900 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Mystic Bronze และ Mystic Black สามารถสั่งซื้อได้ทาง Samsung Online Store และที่ Samsung Experience Store ทุกสาขา

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณร้าน HARIO CAFE Bangkok โชคชัย 4 ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการถ่ายภาพ และ Samsung ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Samsung Galaxy Z Fold2 5G มาให้ทางทีมงานได้รีวิวกันในโอกาสนี้ด้วยครับ

จุดเด่นของ Samsung Galaxy Z Fold2 5G

รูปลักษณ์ภายนอก

- ดีไซน์แบบจอพับได้ สามารถเป็นสมาร์ทโฟน กับแท็บเล็ตในเครื่องเดียว รวมทั้งพับได้หลายองศา และผ่านการทดสอบการพับมากถึง 200,000 ครั้ง - งานประกอบทนทานกว่ารุ่นก่อน ปัญหาเดิมๆ ได้รับการแก้ไขแล้วทั้งหมด - ตัวเครื่องในโหมดพับมีลักษณะเป็นแท่งยาว จับถนัดมือ - กระจกด้านหลังตัวเครื่องแบบ Gorilla Glass 6 - เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างของตัวเครื่อง พร้อมระบบสแกนใบหน้า - รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (nanoSIM+eSIM) - ลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos และปรับจูนโดย AKG - มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก (Mystic Black และ Mystic Bronze) พร้อมรุ่นพิเศษ Thom Browne Edition - สีบานพับสั่งทำพิเศษ (Metallic Silver, Metallic Gold, Metallic Red และ Metallic Blue) - ขนาดตัวเครื่องขณะพับ 159.2x68.0x13.8-16.8 มิลลิเมตร - ขนาดตัวเครื่องขณะกาง : 159.2x128.2x6.9 มิลลิเมตร - น้ำหนัก 282 กรัม

หน้าจอแสดงผลหลัก (Main Display)

- จอแบบ Infinity Flex Dynamic AMOLED 2X Display ขนาด 7.6 นิ้ว ความละเอียด 2208x1768 พิกเซล (QXGA+) อัตราส่วน 22.5:18 รองรับอัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz - กระจกแบบ Samsung Ultra Thin Glass - เทคโนโลยีกลไกบานพับ Hideaway Hinge ที่ให้ความนุ่มนวล - เทคโนโลยี CAM ที่ช่วยให้กางพับ หรือใช้งาน Flex Mode ได้หลายองศา - รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ - มีค่า Contrast Ratio สูงสุด 2,000,000:1 (ได้รับการรับรองจากสถาบัน VDE Germany) - รองรับการแสดงผลช่วงสีแบบ DCI-P3 ได้ 100% - ได้รับการรับรองมาตรฐานการถนอมสายตาจากสถาบัน SGS - ฟังก์ชัน Multi-Active Window, App Continuity, Drag and Drop และรองรับการเปิดหน้าจอที่สามด้วย Split Screen

หน้าจอแสดงผลบนฝาพับ (Sub Display)

- จอแบบ Infinity-O Super AMOLED Display ขนาด 6.23 นิ้ว ความละเอียด 2260x816 พิกเซล (HD+) อัตราส่วน 25:9 - กระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass Victus - หน้าจอบนฝาพับถูกอัปเกรดให้เป็นจอไร้ขอบเต็มพื้นที่ ทำให้ใช้งานสะดวกขึ้นมาก และรองรับการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ

การประมวลผล และระบบพื้นฐาน

- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 865+ ความเร็ว 3.09 GHz บนสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 7nm - หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 650 - หน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB (LPDDR5) - หน่วยความจำ ROM ขนาด 256GB (UFS 3.1) (เหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 220.6 GB) - ระบบปฏิบัติการ Android 10 พร้อมครอบทับด้วย One UI 2.5

กล้องถ่ายภาพด้านหลัง 3 ตัว

- กล้องหลัก ( Wide ) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.8, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.76 นิ้ว, ขนาดพิกเซล 1.8 ไมครอน, ระบบโฟกัสภาพแบบ Dual PixelPDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และมุมรับภาพ 80 องศา - กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.2, มุมรับภาพกว้าง123 องศา และขนาดพิกเซล 1.12 ไมครอน - กล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.6 นิ้ว, ขนาดพิกเซล 1.0 ไมครอน, ระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF,ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, ซูมภาพแบบ Optical Zoom ได้ 2 เท่า, ซูมภาพแบบ Digital Zoom ได้ 10 เท่า และมุมรับภาพ 45 องศา

พร้อมรองรับการใช้งาน Flex Mode, การซูมแบบนุ่มนวลแม่นยำ, โหมด Single Take, ถ่ายโหมดกลางคืนด้วยการรวมภาพหลายเฟรมเข้าด้วยกัน, โหมด Night Hyperlapse, ระบบป้องกันการสั่นแบบ Super Steady, รองรับการถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหลัง และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (3840x2160) ที่ความเร็ว 60 fps กับการถ่ายวิดีโอแบบแบบ Slow Motion ที่ความเร็ว 960 fps (HD)

กล้องถ่ายภาพเซลฟี่

- กล้องหน้า (บนจอด้านหน้าฝาพับ) ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ขนาดพิกเซล 1.22 ไมครอน - กล้องหน้า (บนจอหลักด้านใน) ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ขนาดพิกเซล 1.22 ไมครอน

แบตเตอรี่

- เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบคู่ ความจุรวม 4500 mAh - รองรับระบบชาร์จไวแบบมีสาย 25W Fast Charging และ QuickCharge 2.0 - รองรับระบบชาร์จไวแบบไร้สาย 11W Fast Wireless Charging - รองรับระบบแชร์พลังงานแบบไร้สาย 4.5W Wireless PowerShare

ระบบเครือข่าย และการเชื่อมต่อ

- 4G LTE : Enhanced 4X4 MIMO, 7CA, LAA, LTE Cat.20 - 5G : Non-Standalone (NSA), Standalone (SA), Sub6 / mmWave - Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax 2.4/5GHz, HE80 MIMO, 1024QAM - Bluetooth 5.0, NFC, MST - UWB (Ultra-Wideband) สำหรับการแชร์ พร้อมฟังก์ชัน Point to Share - พอร์ต USB Type-C (USB 3.2 Gen 1) - รองรับการใช้งานร่วมกับระบบดาวเทียม GPS, Galileo, Glonass และ BeiDou

คุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจ - ระบบรักษาความปลอดภัย Samsung KNOX และ Secure Folder - รองรับการใช้งาน Samsung DeX - ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ (Bixby)

จุดที่อาจต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy Z Fold2 5G

- ตัวเครื่องค่อนข้างร้อนเมื่อเปิดใช้งานกล้องเป็นเวลานานๆ - เมื่อสลับโหมดหน้าจอขณะเล่นเกม บางครั้งเกมจะไม่ปรับการแสดงผลให้พอดีกับจอ ต้องปิด และเปิดใหม่ - หน้าจอทั้งด้านนอก และด้านในมีอัตราส่วนการแสดงผลที่ต่างจากสมาร์ทโฟนอื่นๆ จึงอาจแสดงผลบางแอปพลิเคชันคลาดเคลื่อนไปจากปกติ - ตัวเครื่องในโหมดกางมีคุณสมบัติเหมาะกับการใช้งานคู่กับปากกา น่าจะสะดวกกว่านี้หากมีปากกามาให้ด้วย - หน้าจอด้านนอกฝาพับไม่รองรับค่า Refresh Rate ที่ 120Hz - ตัวเครื่องเมื่อพับแล้วมีความหนา และมีน้ำหนักมากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปที่ไม่ใช่แบบจอพับ - บอดี้ตัวเครื่องสีดำเคลือบกระจกมันวาว ทำให้เป็นรอยนิ้วมือง่าย - ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร - เป็นระบบ Dual SIM ที่ช่องใส่ซิมการ์ดหลักมี 1 ช่อง ส่วนอีกซิมเป็นแบบ eSIM - ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่น - ราคา 69,900 บาท ถือว่าเป็นราคาที่สูงกว่าสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นทั่วไป

Leave a Comment