รีวิว Redmi 10 สมาร์ทโฟนสุดคุ้มใหม่ แบตใหญ่ชาร์จไว ใส่จอลื่น บวก 5 กล้อง ชิปเกมมิ่ง และลำโพงคู่ ในราคาไม่ถึง 5 พัน :: Thaimobilecenter.com

8 สิงหาคม 2021 - ในตลาดสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น ถึงระดับกลาง Redmi ถือว่าเป็นแบรนด์ที่โดดเด่น และได้รับความนิยมมากทีเดียว ด้วยคุณสมบัติ กับฟีเจอร์ที่จัดให้แบบไม่มีกั๊ก ในราคาย่อมเยาเข้าถึงง่าย ซึ่งล่าสุดในเดือนสิงหาคมนี้ สมาร์ทโฟนตระกูล Redmi ก็ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาสานต่อตำนานความคุ้มค่าอีกครั้ง นั่นคือ Redmi 10 ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 4,999 บาท เท่านั้นครับ

Redmi 10 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่ยังคงจุดเด่นต่าง ๆ จาก Redmi 9 เอาไว้ แล้วอัปเกรดให้ดียิ่งขึ้น เริ่มจากดีไซน์ที่มีการยกเครื่องใหม่ทั้งหมด โดยเปลี่ยนจากหน้าจอรอยบากมาเป็นแบบเจาะรูฝังหล้องหน้า (Punch-hole), โมดูลกล้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ และเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ย้ายมาอยู่ด้านข้างตัวเครื่องแทน ส่วนฝาหลังของตัวเครื่องมีการเคลือบผิวแบบด้าน ซึ่งช่วยป้องกันคราบมัน และรอยนิ้วมือได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีน้ำหนักค่อนข้างเบาเพียง 181 กรัม จึงถือใช้งานได้สบายมือกว่าเดิม

อีกหนึ่งการอัปเกรดที่น่าสนใจคือหน้าจอแสดงผลขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ที่ลื่นไหลสบายตายิ่งขึ้นด้วยอัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) ที่ 90Hz และที่น่าสนใจคือ มีระบบ AdaptiveSync ที่สามารถปรับอัตราการรีเฟรชให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หายากมากในสมาร์ทโฟนราคาประหยัด

ในเชิงประสิทธิภาพ Redmi 10 เลือกใช้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง MediaTek Helio G88 ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่นาน โดยมากับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G52 MC2 ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น สามารถรับมือกับแอปพลิเคชัน และเกมในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน Redmi 10 ยังเพิ่มหน่วยความจำภายในตัวเครื่องให้มากขึ้น ด้วยรุ่น RAM 4GB + ROM 64GB กับ RAM 6GB + ROM 128GB จึงเก็บไฟล์ และติดตั้งแอปพลิเคชันได้เต็มที่กว่าเดิม แถมยังเพิ่มหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุด 512GB ส่วนแบตเตอรี่ยังคงให้มาจุใจเช่นเดิมด้วยความจุ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จไว 18W แถมคราวนี้ยังเพิ่ม ระบบชาร์จย้อนกลับ (Reverse Charging) ด้วยกำลังไฟ 9W เข้ามาด้วย ทำให้สามารถใช้ชาร์จอุปกรณ์อื่นในยามฉุกเฉินได้

ด้านการถ่ายรูป Redmi 10 มากับชุด กล้องหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 50 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องเสริมครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล , กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล จึงถ่ายภาพได้ครบทุกระยะทุกสไตล์เท่าที่เราต้องการ ส่วนกล้องหน้าสำหรับเซลฟี่นั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล

นอกจากนี้ ยังมีการอัปเกรดลำโพงให้เป็นลำโพงแบบคู่ (Dual Speakers) และยังมี IR Blaster กับช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรให้ใช้งานกันครบ ๆ เช่นเดิม เรียกได้ว่าจัดมาให้ครบทุกสิ่งในงบเท่านี้ เท่าที่ผู้ใช้จะนึกออกเลยทีเดียว

ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดข้างต้น ไม่แปลกใจเลยที่ Redmi 10 จะได้รับความสนใจมากขนาดนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปติดตาม รีวิว Redmi 10 โดยทีมงาน Thaimobilecenter กันเลยดีกว่าครับ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

ชุดกล้องหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ของ Redmi 10 มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และนูนขึ้นมาจากตัวเครื่องพอสมควร โดยประกอบไปด้วย :

- กล้องตัวที่ 1 แบบ Wide (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8 และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF - กล้องตัวที่ 2 แบบ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 120 องศา - กล้องตัวที่ 3 แบบ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 และระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร - กล้องตัวที่ 4 แบบ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

ปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียงจะอยู่ที่ขอบด้านขวา โดยปุ่ม Power จะทำหน้าที่เป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย

ส่วนด้านซ้ายจะเป็นที่อยู่ของช่องใส่ซิมการ์ด

ด้านล่างของตัวเครื่องมีพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, ไมโครโฟน และช่องลำโพง

ส่วนด้านบนมีเซนเซอร์ IR Blaster, ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และช่องลำโพงตัวที่สอง พร้อมกันนี้ยังมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรด้วย

ถาดใส่ซิมการ์ดของ Redmi 10 เป็นแบบ Triple Slot สามารถใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM จำนวน 2 ใบพร้อมกับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้ โดยรองรับสูงสุดที่ขนาด 512GB

สำหรับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ให้มาในกล่อง ประกอบด้วย เคสใส, ฟิล์มกันรอยหน้าจอ, เข็มถอดถาดซิมการ์ด, คู่มือการใช้งาน, สายชาร์จ USB Type-C และอแดปเตอร์ชาร์จ 22.5W โดยตัวเครื่อง Redmi 10 จะสามารถรองรับระบบชาร์จไวได้สูงสุด 18W

เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์

Redmi 10 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วยอินเทอร์เฟซ MIUI 12.5 ซึ่งมีดีไซน์โค้งมน เน้นความสบายตาขณะใช้งาน และท่าทมางการควบคุมที่เข้าใจง่าย แต่จะมีโฆษณาแทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ซึ่งเป็นปกติของ MIUI อยู่แล้ว

Redmi 10 มาพร้อมกับชุดแอปพลิเคชันเครื่องมือพื้นฐาน และแอปพลิเคชันของ Google ครบครัน พร้อมใช้งานทันที การควบคุม และเมนูต่าง ๆ คล้ายกับสมาร์ทโฟน Android รุ่นอื่น สามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยาก

เมื่อกดค้างลงบนที่ว่างบนหน้าจอเริ่มต้น จะเข้าสู่โหมดการปรับแต่งหน้าจอ ซึ่งเราสามารถย้ายไอคอนแอปพลิเคชัน, ปรับความหนาแน่นของการแสดงแอป, เปลี่ยนแอนิเมชั่นการเลื่อนหน้า และอื่น ๆ

สำหรับวอลเปเปอร์ และธีม Redmi 10 มีร้านค้าธีมให้เลือกดาวน์โหลดไปใช้กันแบบฟรี ๆ โดยมีให้เลือกหลายแบบ หลายสไตล์ สำหรับรายการที่เป็นพรีเมียมอาจต้องดูโฆษณาก่อนจึงจะดาวน์โหลดได้

Redmi 10 มีโหมดกลางคืนให้ใช้งาน ซึ่งจะเปลี่ยนธีมเป็นสีดำเพื่อให้ใช้งานในที่มืดได้โดยไม่ปวดตา โดยสามารถตั้งเวลาเปิด/ปิดอัตโนมัติได้ด้วย

ที่น่าสนใจคือมี โหมดแสงแดด ให้ใช้งานด้วย ซึ่งจะเพิ่มความสว่างของหน้าจอขึ้นอย่างมากเมื่อใช้งานกลางแจ้ง ช่วยให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดขึ้นพอสมควร

สามารถเลือกปรับโทนสีของหน้าจอได้ตามต้องการ และปรับอัตราการรีเฟรชได้ 2 ระดับ คือ 60Hz (มาตรฐาน) และ 90Hz นอกจานี้ Redmi 10 ยังมีระบบ AdaptiveSync ที่ช่วยปรับอัตราการรีเฟรชของหน้าจอให้เหมาะกับคอนเทนต์โดยอัตโนมัติ ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น

หากรู้สึกขัดใจกับรูกล้องหน้าบนจอ ก็สามารถเปิดฟีเจอร์การซ่อนรอยบากได้ โดยจะปรากฏแถบสีดำขึ้นมาทับรูกล้องเอาไว้ให้ดูกลมกลืน

สำหรับแอปพลิเคชัน ความปลอดภัย เป็นแอปพลิเคชันของ MIUI 12.5 ที่ช่วยจัดการปัญหาจิปาถะต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ เช่น ล้างไฟล์ขยะ, เคลียร์ RAM, ค้นหาและปิดแอปที่ใช้พลังงานมาก เป็นต้น

เมนู ตัวทำความสะอาด จะสแกน และลบไฟล์ขยะออกจากเครื่องให้เราโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มีที่ว่างในหน่วยความจำมากขึ้น การลบไฟล์เหล่านี้ไม่ส่งผลต่อการทำงานของระบบแต่อย่างใด

เมนู สแกนด้านความปลอดภัย จะตรวจสอบหาช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในเบื้องต้น และแนะนำวิธีการตั้งค่าที่เหมาะสมให้เรา

เมนู แบตเตอรี จะแสดงสถานะของแบตเตอรี และสถิติการใช้งานตั้งแต่การชาร์จเต็มครั้งสุดท้าย รวมถึงแนะนำการตั้งค่าเพื่อยืดระยะเวลาการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถเปิดโหมดประหยัดแบตเตอรีที่จะตัดฟังก์ชันบางอย่างออก เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานให้นานขึ้น

เมนู การใช้ข้อมูล จะแสดงสถิติการใช้ดาต้าอินเทอร์เน็ตประจำเดือน พร้อมทั้งแสดงปริมาณดาต้าที่แต่ละแอปได้ใช้ไป ผู้ใช้สามารถตั้งค่าจำกัดปริมาณการใช้งานดาต้าได้ เพื่อป้องกันการใช้งานเกินแพ็คเกจ

เมนู การทดสอบเครือข่าย เป็นเมนูสำหรับตรวจสอบสถานะการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตว่ายังมีการส่งข้อมูลตามปกติ หรือไม่ ไม่ใช่การวัดความเร็วแต่อย่างใด

เมนู แก้ปัญหา สามารถตรวจสอบปัญหาเบื้องต้นในระบบ และดำเนินการแก้ไขให้โดยอัตโนมัติ

เมนู ล็อกแอป เป็นฟีเจอร์สำหรับล็อกแอปพลิเคชันด้วยรหัสผ่าน, ลายนิ้วมือ หรือใบหน้า ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้อีกชั้น ขณะเดียวกัน ยังมีฟังก์ชัน ซ่อน แอป ซึ่งจะทำให้แอปนั้น ๆ ถูกล็อก และถูกซ่อนจากหน้าจอเริ่มต้นไปพร้อมกันด้วย

ด้านความปลอดภัย Redmi 10 รองรับทั้งการสแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้า ผู้ใช้สามารถเพิ่มลายนิ้วมือ และใบหน้าได้หลายโปรไฟล์

สำหรับการเล่นเพลง Redmi 10 จะมีแอปพลิเคชันของตัวเองติดตั้งมาให้ ตัวแอปพลิเคชันไม่ได้แตกต่างจากแอปเล่นเพลงทั่วไป แต่ที่น่าสนใจคือสามารถตัดเพลงได้ด้วย ซึ่งช่วยให้เราตัดเฉพาะท่อนฮุคเพื่อใช้เป็นริงโทนได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องนำไฟล์เข้าคอมพิวเตอร์ แล้วตัดต่อเอง

ส่วนการเล่นวิดีโอ Redmi 10 ก็มีแอปพลิเคชันพื้นฐานอยู่แล้วเช่นกัน พร้อมเครื่องมือเสริมอย่างการล็อกการสัมผัสหน้าจอ, บันทึกสกรีนช็อต, ปรับความเร็วในการเล่น และแคสต์ภาพขึ้นอุปกรณ์อื่น เป็นต้น

แม้จะเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง ๆ แต่ก็มีฟีเจอร์สนับสนุนการเล่นเกมอย่าง Game Turbo มาให้เช่นกัน โดยจะช่วยปิดกั้นการแจ้งเตือน และสายโทรเข้าระหว่างเล่น พร้อมฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ ที่ช่วยให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สามารถตั้งค่าโปรไฟล์แยกแต่ละเกมได้ด้วย ช่วยให้เราไม่ต้องตั้งค่าใหม่อยู่เรื่อย ๆ เมื่อเปลี่ยนเกมเล่น

เมื่ออยู่ในเกม ผู้ใช้สามารถเรียกเมนูลัดของ Game Turbo ขึ้นมาได้จากมุมซ้ายบนของหน้าจอ ซึ่งจะมีเมนูสำหรับบันทึกภาพสกรีนช็อต, บันทึกวิดีโอการเล่น, เคลียร์ RAM ด่วน, เปิด/ปิดการแสดงแจ้งเตือน รวมถึงสามารถเปิดแอปอื่น ๆ ขึ้นมาเป็นหน้าต่างลอยได้ นอกจากนี้ยังบอกสถานะการทำงานของ CPU, GPU และค่าเฟรมเรตด้วย

แอปพลิเคชันที่เลือกจะปรากฏขึ้นมาเป็นหน้าต่างลอย สามารถย่อ - ขยาย และเลื่อนตำแหน่งได้ มีประโยชน์ในบางสถานการณ์ เช่น เวลาที่เราต้องการดูไกด์การเล่นเพื่อผ่านด่าน หรือคุยกับเพื่อนผ่านโซเชียลขณะเล่นโดยไม่ต้องออกจากเกม เป็นต้น

ในการทดสอบประสิทธิภาพการเล่นเกมของ Redmi 10 เราได้เลือกใช้เกมยอดนิยมที่มีกราฟิกระดับกลาง ได้แก่ RoX, PUBG Mobile, และ Mech Arena โดย มีการตั้งค่ากราฟิกไว้ดังนี้ :

การตั้งค่ากราฟิกเกม RoX

การตั้งค่ากราฟิกเกม PUBG Mobile

การตั้งค่ากราฟิกเกม Mech Arena

หลังจากที่เราได้ลองเล่นทั้ง 3 เกมอย่างต่อเนื่องประมาณ 2 ชั่วโมง พบว่า Redmi 10 มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมอยู่ในระดับกลาง ๆ ตามกำลังของชิปเซ็ต MediaTek Helio G88 โดยสามารถเล่นเกมด้วยการตั้งค่ากราฟิกระดับกลางได้ที่ระดับ 30-50fps หน้าจอตอบสนองต่อการทัชได้ค่อนข้างฉับไว และแม่นยำ ไม่มีปัญหาเวลาเล่นเกมประเภท Shooting อย่าง PUBG Mobile หรือ Mech Arena ส่วนเรื่องความร้อนเรียกได้ว่าหายห่วง เพราะแค่อุ่น ๆ ให้พอรู้สึกได้เท่านั้น โดยรวมถือว่า Redmi 10 เป็นสมาร์ทโฟนที่นำไปใช้เล่นเกมได้เพลิน ๆ หรือจะเปิดบอททิ้งไว้ก็เข้าท่า แต่ไม่เหมาะกับเกมที่กินสเปกสูง ๆ เท่าไหร่ครับ

จากการตรวจสอบด้วยแอปพลิเคชัน จะเห็นว่า Redmi 10 ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Helio G85 แต่จริง ๆ แล้วเป็น MediaTek Helio G88 ที่พัฒนาขึ้นโดยมีพื้นฐานมาจากรุ่น G85 ทำให้มีรหัสชิ ปเซ็ตเหมือนกัน ตัวชิปมีหน่วยประมวลผล 8-แกน (Octa-Core) และมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.0 GHz มากับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G52 MC2 , หน่วยความจำแรม (RAM) 4 GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) 64 GB นอกจากนี้ยังมีรุ่น RAM 6 GB กับ ROM 128 GB ให้เลือกด้วย

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Redmi 10 นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor, Magnetic Sensor และ Pressure Sensor ส่วนหน้าจอแสดงผลรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันอย่างน้อย 10 จุด

ระบบการนำทางเป็นระบบ GPS (L1) พร้อมระบบ A-GPS, GLONASS, Galileo และ Beidou ซึ่งสามารถจับสัญญาณดาวเทียมในที่กลางแจ้งได้ดี โดยจากภาพตัวอย่างจะเห็นว่าจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 48 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 1 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ขึ้นอยู่กับพื้นที่และสภาพอากาศด้วย ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่และช่วงเวลา

Redmi 10 รองรับมาตรฐาน Widevine DRM L1 สามารถรับชมคอนเทนต์สตรีมมิ่งแบบ HD ได้

Redmi 10 วัดค่า benchmark จากแอปพลิเคชัน AnTuTu ได้ 186902 คะแนน และจากแอปพลิเคชัน Geekbench 5 สามารถทำคะแนนในส่วน Single-Core ได้ 366 คะแนน และในส่วน Multi-Core ได้ 1137 คะแนน

การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

โหมดรูปถ่าย หรือโหมดอัตโนมัติ มีลูกเล่นให้ใช้งานหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น AI ปรับแต่งรูปภาพอัตโนมัติ (เลือกปิดได้), ฟิลเตอร์, บิวตี้, เอฟเฟกต์เบลอ และ HDR โดยสามารถเรียกดูเมนูเสริมได้ด้วยการปัดหน้าจอลงมาด้านล่าง

สำหรับเอฟเฟกต์เบลอในโหมดรูปถ่าย จะเลือกได้ทั้งการเบลอแบบวงกลม และแบบเส้นตรง ให้ผลลัพธ์ที่คล้ายกับเอฟเฟกต์โบเก้แต่ไม่เหมือน เพราะการเบลอแบบนี้จะเบลอขอบภาพรอบ ๆ เท่านั้น ไม่ได้เบลอฉากหลังโดยตรง

นอกจากฟิลเตอร์หลากหลาย ยังมี "ฟรุ๊งฟริ๊ง" หรือบิวตี้ให้ใช้ด้วย โดยปรับได้สูงสุด 100 ระดับ แต่ไม่สามารถเลือกปรับเฉพาะส่วนได้

ในโหมดรูปถ่าย หากเลือกระยะซูม 0.6 เท่า จะเป็นการถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide)

โหมดมาโคร เป็นโหมดสำหรับถ่ายรูปในระยะประชิด (ไม่เกิน 4 เซนติเมตร) เหมาะสำหรับถ่ายเจาะรายละเอียดเล็ก ๆ สามารถเปิดใช้งานโหมดนี้ได้จากแถบเมนูเสริม ในโหมดรูปถ่าย

โหมดกลางคืน เป็นโหมดที่ช่วยให้รูปถ่ายยามค่ำคืนดูสว่างขึ้น และเกลี่ยแสงไฟไม่ให้จ้าเกินไป โหมดนี้ไม่มีลูกเล่นอะไรเพิ่มเติม เพียงแค่ระหว่างถ่ายจะต้องถือกล้องไว้นิ่ง ๆ ประมาณ 2-4 วินาทีเท่านั้น

ใน โหมดโปร เราจะสามารถตั้งค่าการถ่ายรูปได้ด้วยตัว เอง และยังเลือกใส่ฟิลเตอร์ และเลือกถ่ายแบบเต็มความละเอียด 50 ล้านพิกเซลได้ด้วย

การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลัง รองรับความละเอียดสูงสุด 1080p ที่ 30fps สามารถเปิดใช้โหมดมาโคร, ใส่ฟิลเตอร์ และเปิดบิวตี้ได้

นอกจากนี้ยังมีโหมดการใช้งานอื่น ๆ เช่น วิดีโอสั้น, พาโนรามา และสโลโมชั่น เป็นต้น

สำหรับกล้องหน้าโหมดรูปถ่ายจะสามารถเปิดบิวตี้ และฟิลเตอร์ได้ แต่บิวตี้ของกล้องหน้าจะปรับได้ละเอียดกว่ากล้องหลัง โดยปรับได้ทั้งความเนียนของผิว, ความเรียวของใบหน้า และขนาดของดวงตา

ในโหมดภาพบุคคล สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้ แต่เปิดบิวตี้ และลูกเล่นอื่น ๆ ไม่ได้ เช่นเดียวกับโหมดภาพบุคคลของกล้องหลัง

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ความละเอียด 50+8+2+2 ล้านพิกเซล

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

สรุปผลการทดสอบของ Redmi 10

จากที่มีโอกาสได้ใช้งานมาระยะหนึ่งก็พบว่า Redmi 10 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีทุกอย่างที่ผู้ใช้ทั่วไปต้องการ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจออัตราการรีเฟรชสูง, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่, ระบบชาร์จไว ไปจนถึงกล้องถ่ายรูปความละเอียดสูงที่มีกล้องเสริมครบทุกระยะ ขณะเดียวกันก็ไม่ตัดอะไรทิ้งไปเลย โดยมีทั้งลำโพงคู่สเตอริโอ, ช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร แม้กระทั่ง IR Blaster ก็ยังไม่ถูกตัดออกไป เรียกได้ว่า Xiaomi พยายามใส่คุณสมบัติต่าง ๆ ให้แก่ Redmi 10 ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงได้สมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่ตอบโจทย์การใช้งานได้แทบทุกอย่าง และมากกว่าสมาร์ทโฟนหลายรุ่นในระดับราคาเดียวกัน

จุดเด่นอย่างหนึ่งที่ทำให้ Redmi 10 น่าใช้งานมากขึ้น คือ หน้าจอแสดงผลความละเอียด FHD+ ที่มี Refresh Rate 90Hz ทำให้ภาพดูสมูทขึ้น ให้ความรู้สึกในการใช้งานที่ดีกว่าสมาร์ทโฟนราคาประหยัดทั่วไป แต่ด้วยความที่เป็นหน้าจอแบบ IPS LCD ทำให้มีเงาสะท้อนมากเวลาใช้งานกลางแดด ซึ่ง Redmi 10 ก็มีโหมดแสงแดดที่ช่วยเพิ่มความสว่างของหน้าจอได้อีกระดับมารับมือกับปัญหานี้ และช่วยได้มากพอสมควร

ในเชิงประสิทธิภาพ Redmi 10 ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Helio G88 รุ่นใหม่ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่นาน จัดว่าเป็นชิปเซ็ตระดับกลางที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง สามารถรองรับการใช้งานได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะทำงาน, เล่นเกม, เล่นโซเชียล, เรียนออนไลน์ หรือดูหนัง-ฟังเพลง อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าตัวระบบของ MIUI 12.5 จะยังไม่เสถียรเท่าไรนัก ทำให้ มีอาการแอปหน่วง หรือค้างค่อนข้างบ่อย แต่ปัญหาเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองเมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ส่วนหน่วยความจำ RAM และ ROM นั้น มีให้เลือก 2 ขนาดคือ 4 GB + 64 GB กับ 6 GB + 128 GB ซึ่งมากพอสำหรับการใช้งานโดยไม่ต้องโอนรูปลงคอมพิวเตอร์บ่อย ๆ แม้หน่วยความจำ ROM จะเป็นแบบ eMMC ซึ่งอาจจะไม่เร็วเท่าแบบ UFS แต่ในการใช้งานจริงก็แทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง

นอกจากนี้ อีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญคือ แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh ที่รองรับระบบชาร์จไวด้วยกำลังไฟ 18W และยังรองรับระบบชาร์จย้อนกลับด้วยกำลังไฟ 9W ได้ จึงสามารถใช้ชาร์จอุปกรณ์อื่นในยามฉุกเฉินได้ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้นไปอีก

สำหรับการเล่นเกม Redmi 10 ทำได้ค่อนข้างดีสำหรับสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 6,000 บาท โดย สามารถเล่นเกมที่มีกราฟิกระดับกลาง ๆ และเกมยอดนิยมทั่วไปได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการกระตุก หรือเฟรมเรตร่วงให้หงุดหงิด หน้าจอตอบสนองต่อการทัชได้ดี เท่าที่ทดสอบมายังไม่เจอจุดที่ทัชไม่ติด หรือทัชเพี้ยน สามารถเล่นเกมที่ต้องอาศัยความแม่นยำในการควบคุมอย่าง PUBG Mobile ได้สบาย เพียงแต่ภาพกราฟิกในเกมจะไม่ลื่นไหลระดับ 50-60fps เท่านั้น

ด้านการถ่ายภาพ อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดขายของ Redmi 10 ก็ว่าได้ เพราะมากับชุดกล้องหลังมากถึง 4 ตัว โดยกล้องหลักมีความละเอียดสูงถึง 50 ล้านพิกเซล แถมยังมีกล้องเสริมครบครันทั้ง Ultra Wide, Macro และกล้อง Depth จึงมอบอิสระในการถ่ายภาพให้แก่ผู้ใช้ได้เต็มที่ แต่ทั้งนี้ ในเชิงประสิทธิภาพ กล้องของ Redmi 10 จัดว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ได้โดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่ง โดยรวมสามารถให้รูปถ่ายที่มีคุณภาพน่าพอใจเมื่อเทียบกับราคาค่าตัว อย่างไรก็ดี ยังมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่บ้าง เช่น ระบบ AI วิเคราะห์ภาพถ่ายที่ยังไม่ค่อยเสถียร อาจตรวจเจอบ้าง ไม่เจอบ้าง ทำให้คุณภาพของภาพถ่ายไม่คงที่ และโหมดกลางคืนที่ยังเกลี่ยแสงไฟได้ไม่ดีนัก และยังมี Noise ให้เห็นอยู่

สำหรับการถ่ายภาพบุคคล และการเซลฟี่ด้วยกล้องหน้า Redmi 10 มีเอฟเฟกต์บิวตี้, ฟิลเตอร์ และเอฟเฟกต์เบลอขอบให้ใช้งาน แต่น่าเสียดายที่ฟังก์ชันเหล่านี้ รวมถึงระบบ AI วิเคราะห์ภาพ กลับใช้ไม่ได้ในโหมดภาพบุคคล ทำให้ผู้ใช้ต้องเลือกว่าจะถ่ายรูปแบบมีบิวตี้แต่ไม่ละลายหลัง หรือจะถ่ายรูปละลายหลังแบบไม่มีบิวตี้อย่างใดอย่างหนึ่ง

ด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็พอจะสรุปได้ว่า Redmi 10 คือสมาร์ทโฟนที่มีคุณสมบัติครบเครื่องคุ้มค่า มีลูกเล่นเยอะ ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี หรือจะเล่นเกมด้วยก็ยังไหว แม้จะไม่ใช่สมาร์ทโฟนสเปกสูงแต่รับมือได้ทุกสถานการณ์ครับ

สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ Redmi 10 จะมีให้เลือก 2 รุ่นความจุ ได้แก่รุ่น RAM 4GB + ROM 64GB ในราคา 4,999 บาท และรุ่น RAM 6GB + ROM 128GB ในราคา 5,999 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันพรุ่งนี้ ( 9 กันยายน 2564 ) เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Stores และร้านค้าที่ร่วมรายการ

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Xiaomi ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Redmi 10 มาให้ทางทีมงานได้รีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

จุดเด่นของ Redmi 10

- ตัวเครื่องมีน้ำหนักค่อนข้างเบา เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน - ฝาหลังเคลือบผิวด้าน ช่วยลดการเกิดคราบมัน และรอยนิ้วมือได้ระดับหนึ่ง - หน้าจอแสดงผล DotDisplay (IPS LCD) ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล) พร้อมอัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz (AdaptiveSync 45/60/90Hz), อัตราส่วนการแสดงผลแบบ 20:9, ฟังก์ชัน Sunlight Display และ Reading Mode 3.0 และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 - ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Helio G88 ความเร็ว 2.0 GHz - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G52 MC2 - หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 4 GB หรือ 6 GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ eMMC 5.1 ขนาด 64 GB หรือ 128 GB - รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 512 GB - แบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 18W Fast Charge และระบบชาร์จแบตเตอรี่ย้อนกลับแบบ 9W Reverse Wired Charging - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย MIUI 12.5

กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย

> กล้องตัวที่ 1 แบบ Wide (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8 และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF > กล้องตัวที่ 2 แบบ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 120 องศา > กล้องตัวที่ 3 แบบ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 และระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร > กล้องตัวที่ 4 แบบ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

พร้อมไฟแฟลชในตัว (LED Flash), โหมดถ่ายภาพแบบ Pro, Portrait, Night, Beauty, Filter, Blur, HDR, Panorama และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (1920x1080 พิกเซล : 30 fps)

กล้องดิจิทัลด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0, โหมด Panorama Selfie, Portrait, Beauty, Filter และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (1920x1080 พิกเซล : 30 fps)

- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Speakers) - เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (AI Face Unlock) - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (Dual Band 2.5/5 GHz), 4G LTE, 3G WCDMA, EDGE และ GPRS - รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM + Nano SIM หรือ Nano SIM + eSIM) บนถาดแบบ Triple Slot - รองรับการระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS (L1) + A-GPS, Galileo (E1), GLONASS และ BeiDou - รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.1 - พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C (USB 2.0) - พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร - มีเซนเซอร์ IR Blaster สำหรับใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันเฉพาะ ในการสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน - ฟีเจอร์ Game Turbo ที่สามารถเร่งการประมวลผลตัวเกม ให้เร็วขึ้นพร้อมกับบล็อกการแจ้งเตือน Pop-up ต่าง ๆรวมถึงการล็อกระดับความสว่างของหน้าจอขณะเล่นเกม - รองรับมาตรฐาน Widevine DRM L1 สามารถรับชมภาพยนตร์สตรีมมิ่งแบบ HD ได้ - ราคาเริ่มต้นที่ 4,999 บาท ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Redmi 10

- ตัวเครื่องมีอาการหน่วง หรือค้างเป็นระยะ คาดว่าอาจเป็นเพราะซอฟต์แวร์ยังไม่เสถียรเท่าที่ควร แต่อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองหลังจากใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง - อินเทอร์เฟซ MIUI 12.5 มีโฆษณาแทรกอยู่ทั่วไป ซึ่งอาจสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีนักผู้ใช้ (แต่สามารถปิดได้) - หน่วยความจำภายใน (ROM) ยังเป็นแบบ eMMC อยู่

Leave a Comment