รีวิว Samsung Galaxy S21 | S21+ 5G คู่เรือธงน้องใหม่ แรงเท่ารุ่นใหญ่ ฟีเจอร์ไฮเอนด์จัดเต็มน่าใช้ ในราคาย่อมเยากว่า :: Thaimobilecenter.com

คู่เรือธงน้องใหม่ แรงเท่ารุ่นใหญ่ ฟีเจอร์ไฮเอนด์จัดเต็มน่าใช้ ในราคาย่อมเยากว่า ด้วยจอ 120Hz Flat Dynamic AMOLED 2X, กล้องโปร 3 ตัว ซูมไกล 30 เท่า พร้อมถ่ายวิดีโอ 8K, ชิปเซ็ต Exynos 2100 ตัวท็อป ผสาน RAM LPDDR5 8GB, ROM UFS 3.1 สูงสุด 256GB, เทคโนโลยีชาร์จไร้สายความเร็วสูง และลำโพงคู่ AKG บนตัวเครื่องดีไซน์ใหม่แบบ Contour-Cut Metal Camera ที่ไม่กลัวน้ำ ในราคาเริ่มต้นที่ 27,900 บาท

8 กุมภาพันธ์ 2564 - เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราเรียบร้อยแล้วสำหรับ Samsung Galaxy S21 Series สมาร์ทโฟนเรือธงประจำปี 2021 ของทาง Samsung ที่มากันถึง 3 รุ่น เช่นเดิม ได้แก่ Samsung Galaxy S21 5G, Galaxy S21+ 5G และ Galaxy S21 Ultra 5G ที่มาพร้อมกับการยกเครื่องดีไซน์ใหม่หมดจด และฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์ที่จัดเต็มยิ่งกว่าเดิม ซึ่งหลังจากที่ทางทีมงาน Thaimobilecenter ได้นำ รีวิว Samsung Galaxy S21 Ultra 5G รุ่นใหญ่ในซีรีส์มาให้ชมกันไปแล้ว วันนี้ก็ไม่พลาดที่จะนำอีก 2 รุ่นในซีรีส์อย่าง Samsung Galaxy S21 และ S21+ มารีวิวให้ชมด้วยเช่นกัน

Samsung Galaxy S21 และ S21+ เป็นเรือธงที่มาพร้อมกับ ชิปเซ็ต Exynos 2100 5G ที่ผลิตบนเทคโนโลยีระดับ 5nm เป็นรุ่นแรกของค่าย กับความเร็วสูงสุด 2.9 GHz ผสานหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G78 MP14 พร้อมรองรับการ เชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G และ Wi-Fi 6 โดยจับคู่กับ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 8GB พร้อม ROM มาตรฐาน UFS 3.1 ขนาด 128GB/256GB และมีแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh กับ 4800 mAh ตามลำดับ ซึ่งทั้งสองรุ่นรองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 25W Super Fast Charging พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไร้สายความเร็วสูงแบบ 15W Fast Wireless Charging โดยทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ ครอบทับด้วย One UI 3.1 เวอร์ชันใหม่

Samsung Galaxy S21 และ S21+ เลือกใช้จอแบนแทนจอโค้ง (ซึ่งใช้ในรุ่น S21 Ultra 5G) แบบ Flat Dynamic AMOLED 2X Infinity-O display ขนาด 6.2 นิ้ว และ 6.7 นิ้วตามลำดับ คมชัดระดับ Full HD+ (2400x1080 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus ใหม่ล่าสุด โดยมีเทคโนโลยี Adaptive Refresh Rate 120Hz Adaptive ที่สามารถปรับเปลี่ยนค่า Refresh Rate ให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่กำลังแสดงผลอยู่ได้แบบอัตโนมัติ ระหว่าง 48-120Hz ซึ่งช่วยให้การแสดงผลลื่นไหลเนียนตามากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง นอกจากนี้ยังปรับการดีไซน์ด้านหลังใหม่ด้วยผิวสัมผัสแบบด้าน โดยมีเฟรมโลหะอะลูมิเนียม AL7s10 ผสานกับบอดี้ Glastic ในรุ่น S21 ส่วนรุ่น S21+ จะครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus ทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง โดยทั้งคู่มาพร้อมกับคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นในระดับ IP68 เช่นเดียวกัน

กล้องหลังของทั้ง Samsung Galaxy S21 กับ S21+ เลือกติดตั้งชุดกล้อง 3 ตัว (Triple Camera) แบบเดียวกัน ประกอบไปด้วย กล้องหลัก (Wide) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมกล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และกล้อง Telephoto ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ที่สามารถ ซูมภาพได้ไกลสุดที่ 30 เท่า (30x Space Zoom) อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟังก์ชันที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Single Take, โหมด Portrait ที่สามารถปรับเปลี่ยนเอฟเฟกต์ได้, โหมด Pro ที่รองรับการถ่ายภาพไฟล์ RAW และการถ่ายวิดีโอคมชัดสูงสุดที่ระดับ 8K พร้อมรองรับระบบป้องกันการสั่นแบบ Super Steady รวมไปถึงโหมดใหม่ล่าสุดอย่าง Director’s View สำหรับพรีวิวภาพจากทุกกล้องพร้อมกันแบบ Real-time และสามารถสลับมุมมองต่างๆ ได้ตลอดเวลา ดั่งเราเป็นผู้กำกับ

เรียกได้ว่า Samsung Galaxy S21 | S21+ ทั้งสองรุ่นใหม่นี้ มีจุดเด่นที่น่าสนใจในหลายด้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ที่ดูดีมีความพรีเมียมมากขึ้น พร้อมฟีเจอร์ที่จัดมาให้แบบครบครัน และกล้องหลังที่มีฟีเจอร์ กับลูกเล่นต่างๆ เพิ่มมากขึ้น กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 27,900 บาท (S21) และ 33,900 บาท (S21+) ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชมการ รีวิว Samsung Galaxy S21 | S21+ ไปพร้อมกันได้เลยค่ะ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Samsung Galaxy S21 | S21+ มาพร้อมกับหน้าจอแบน Flat Dynamic AMOLED 2X Infinity-O Display ขนาด 6.2 นิ้ว และ 6.7 นิ้วตามลำดับ ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400x1080 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus ใหม่ล่าสุด โดย S21 มีตัวเครื่องขนาด 151.7x71.2x7.9 มิลลิเมตร และหนัก 171 กรัม ส่วน S21+ มีตัวเครื่องขนาด 161.5x75.6x7.8 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 202 กรัม

โดยทั้งสองรุ่นรองรับระบบ Refresh Rate 120Hz Adaptive ที่สามารถปรับเปลี่ยนค่า Refresh Rate ให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่กำลังแสดงผลอยู่ได้แบอัตโนมัติ ระหว่าง 48-120Hz ซึ่งช่วยให้การแสดงผลลื่นไหลมากขึ้นกว่าเดิม

และรองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ Ultrasonic

พร้อมระบบสแกนใบหน้า (Face Recognition) สำหรับปลดล็อกหน้าจอ

รองรับฟังก์ชัน Always-On Display ในการแสดงเวลา วันที่ รวมถึงการแจ้งเตือนขณะปิดหน้าจอ

Samsung Galaxy S21 | S21+ มาในดีไซน์จอไร้ขอบ ไร้รอยบาก โดยที่ตรงกลางด้านบนสุดของหน้าจอมีกล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล เหนือขึ้นไปบริเวณขอบหน้าจอด้านบนจะมีการติดตั้งลำโพงสำหรับสนทนา และ Proximity Sensor สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับ Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม

ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent App, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

โดยผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนมาใช้ Full Screen Gestures ในการใช้นิ้วลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการแบบต่างๆ ได้ด้วย

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีเส้นเสารับสัญญาณทั้ง หมด 2 เส้น โดยไม่มีปุ่มสั่งการใดๆ

ด้านขวาตัวเครื่องมีปุ่ม Power สำหรับล็อกหน้าจอ, เปิด-ปิด เครื่อง และเรียกใช้งาน Bixby พร้อมปุ่มปรับระดับเสียง รวมถึงเส้นเสารับสัญญาณ 1 เส้น

ด้านบนตัวเครื่องมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน 2 ตัว พร้อมเส้นเสารับสัญญาณ 1 เส้น

และที่ด้านล่างตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Dual nanoSIM (2 ซิม) ด้วยกันทั้งคู่

สำหรับ Samsung Galaxy S21 มีฝาหลังแบบพลาสติกพร้อมผิวสัมผัสแบบด้าน ส่วนรุ่น S21+ ครอบทับฝาหลังด้วยกระจก Gorilla Glass Victus ใหม่ล่าสุด พร้อมผิวสัมผัสแบบด้าน

โดยทั้งสองรุ่นนี้ใช้ชุดกล้อง 3 ตัว (Triple Camera) เหมือนกัน ซึ่งประกอบไปด้วย

- กล้องตัวหลัก ( Wide ) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.76 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.8 ไมครอน, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ Super Speed Dual Pixel AF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และมุมรับภาพ 79 องศา - กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, เม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน และมุมรับภาพ 120 องศา - กล้อง Telephoto ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.72 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, รองรับการซูมแบบ Hybrid ที่ 3 เท่า (3xHybrid Optic Zoom), ซูมสูงสุดที่ 30 เท่า (30x Space Zoom) และมุมรับภาพ 76 องศา

พร้อมโหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ, เทคโนโลยี SceneOptimizer ในการตรวจจับซีนต่างๆ ทั้งหมด 20 หมวดหมู่, ระบบโฟกัสแบบติดตามวัตถุ (Tracking AF), ฟังก์ชัน AR Emoji,โหมด Food สำหรับถ่ายภาพอาหาร, โหมด Single Take, โหมด Nightสำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืน, รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K (24fps), ระบบป้องกันการสั่นแบบ Super Steady, โหมด Director's Viewสำหรับพรีวิวภาพจากทุกกล้องพร้อมกันแบบ Real-time และสามารถสลับมุมมองต่างๆได้ตลอดเวลา และการถ่ายวิดีโอแบบ Super Slow-Motion รวมถึงฟังก์ชัน AR Doodle

เปรียบเทียบขนาดตัวเครื่อง Samsung Galaxy S21 Series ทั้ง 3 รุ่นกันดูบ้างค่ะ จะเห็นได้ว่า มีขนาดลดหลั่นกันลงมา โดย S21 Ultra มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ 6.8 นิ้ว พร้อมดีไซน์แบบลงขอบโค้งทั้ง 2 ด้าน รองลงมาเป็น S21+ ที่ 6.7 นิ้ว ส่วน S21 มีขนาดกะทัดรัดสุดที่ 6.2 นิ้ว

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

Samsung Galaxy S21 | S21+ มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย User Interface แบบ One UI 3.1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด

โดยรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการสแตนด์บายแบบ Dual 4G LTE และการสนทนาผ่านระบบ VoLTE รวมถึงเชื่อมต่อเครือข่าย 5G (Standby บนเครือข่าย 5G ได้เพียงซิมเดียว)

มีหน่วยความแรม (RAM) แบบ LPDDR5 ขนาด 8GB พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) มาตรฐาน UFS 3.1 ขนาด 128GB โดยไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้

เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้ารวมสำหรับการแสดงแจ้งเตือนต่างๆ และเมื่อปัดลงอีกหนึ่งครั้งจะเป็นการขยายหน้าจอปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชัน ต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต, Bluetooth หรือการหมุนหน้าจออัตโนมัติ

โดยผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งตำแหน่งของคีย์ลัด เองได้ตามความถนัด

เมื่อปัดหน้าจอไปทางขวาจะสามารถเลือกแสดงเป็น Google Discover หน้าที่รวบรวมข่าวสารที่ได้รับความนิยมในโลกออนไลน์ โดยอ้างอิงจากการค้นหาของผู้ใช้ หรือ Samsung FREE ที่รวบรวมข่าวสาร และเกมที่น่าสนใจไว้

Samsung Galaxy S21 | S21+ สามารถเลือกตั้งค่าการแสดงผลแบบปกติ หรือแบบ Dark Mode ที่จะปรับพื้นหลังให้เป็นสีดำ พร้อมฟังก์ชันการตัดแสงสีฟ้า Eye comfort shield

รองรับระบบ Refresh Rate 120Hz Adaptive ที่สามารถปรับค่า Refresh Rate ให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่กำลังแสดงผลอยู่ได้แบอัตโนมัติ ระหว่าง 48 - 120Hz

มีโหมดการแสดงผลมาตรฐานมาให้เลือก 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ ธรรมชาติ (Natural) และโหมดสดใส (Vivid) ที่สามารถปรับตั้งค่า White Balance ได้

สามารถตั้งค่าใช้งาน Edge Panels เพื่อเข้าสู่เมนูลัด เพียงปัดนิ้วจากด้านขวาของหน้าจอ พร้อมเลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการใช้งานได้ตามความถนัดของแต่ละคน

สามารถสลับตำแหน่งของปุ่ม Navigation Buttons ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้ หรือเลือกใช้งานการควบคุมแบบ Full Screen Gestures ในการปัดหน้าจอขึ้นลักษณะต่างๆ เพื่อสั่งการ โดยสามารถเลือกให้แสดง หรือปิด Gesture hints ได้

สำหรับฟังก์ชัน Always-On Display สามารถเลือกการแสดงผล และดีไซน์ได้ตามที่ต้องการ รวมถึงเลือกให้แสดง Notification ต่างๆ ในหน้า Always-On ขณะปิดหน้าจอ และเลือกเปลี่ยนสี / ดีไซน์ของนาฬิกาได้ด้วย โดยสามารถเลือกซื้อเพิ่มได้ที่ Galaxy Store

สำหรับรูปแบบของ Screen Lock มีด้วยกัน 4 รูปแบบ

รองรับการปลดล็อกหน้าจอด้วยเซ็นเซอร์สแกนลาย นิ้วมือที่ฝังอยู่บนหน้าจอแบบ Ultrasonic Fingerprint ที่สามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็ว

และการสแกนใบหน้า (Face Recognition) ที่สามารถระบุได้ว่าเราสวมใส่แว่นตาเป็นประจำหรือไม่ เพื่อความสะดวกสำหรับผู้ที่สวมแว่นตาโดยเฉพาะ

Samsung Galaxy S21 | S21+ รองรับเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สายระยะใกล้แบบ NFC จึงสามารถใช้บริการแตะจ่ายเงินผ่านมือถือด้วยบริการต่างๆ ได้

รองรับฟังก์ชัน Smart Pop-up View สำหรับการย่อแอปพลิเคชันให้เป็นหน้าต่างขนาดเล็กที่สามารถเลื่อนตำแหน่งได้อย่าง อิสระ, ปรับขนาดได้ และทำงานอย่างอื่นไปพร้อมๆ กันได้

Samsung Galaxy S21 | S21+ รองรับฟังก์ชัน Link to Windows ในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับคอมพิวเตอร์แบบไร้สาย เพื่อเรียกดูข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ได้

และ Samsung DeX ด้วยการเชื่อมต่อกับจอทีวี หรือจอมอนิเตอร์แบบไร้สาย ช่วยให้เราสามารถชมภาพยนตร์ หรือใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้พร้อมกัน โดยยังสามารถใช้สมาร์ทโฟนทำงานอย่างอื่นไปด้วยได้

มีฟังก์ชัน Motions and Gestures ในการตรวจจับท่าทางเพื่อสั่งการ และฟังก์ชัน One-Handed Mode สำหรับย่อหน้าต่างให้มีขนาดเล็กลงมาเพื่อช่วยให้ใช้งานมือถือด้วยมือเดียวอย่างสะดวก ขึ้น

สามารถใช้งานแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก หรือแอปพลิเคชันแชทได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ ผ่านฟังก์ชัน Dual Messenger

Samsung Galaxy S21 | S21+ มีแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh และ 4800 mAh ตามลำดับ พร้อมโหมดประหยัดพลังงานได้ 2 รูปแบบ โดยแบบการประหยัดพลังงาน (Power Saving) จะช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานให้นานกว่าเดิม

และรองรับระบบการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 25W Super Fast Charging พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไร้สายความเร็วสูงแบบ 15W Fast Wireless Charging ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงรองรับฟังก์ชัน Wireless PowerShare สำหรับแปลงเป็นแท่นชาร์จไร้สายให้กับอุปกรณ์อุปกรณ์อื่นๆ

รองรับฟังก์ชัน Split-Screen View ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน โดยรองรับการใช้งานทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน

Galaxy Gift หนึ่งในจุดขายสำคัญของสมาร์ทโฟน Samsung ก็มีให้บริการ กับศูนย์รวมโปรโมชั่น, ส่วนลด หรือของฟรี ต่างๆ มากมาย เพื่อผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน Samsung โดยเฉพาะ ทั้งอาหาร, ขนม, เครื่องดื่ม, ที่พัก, บัตรชมภาพยนตร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, สมาร์ทโฟน, อุปกรณ์เสริม และอีกมากมาย

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Game Launcher ที่รวมเกมทั้งหมดภายในเครื่องมารวมไว้ในที่เดียวกัน พร้อมฟังก์ชันเพิ่มเติม เช่นฟังก์ชันประหยัดพลังงานขณะเล่นเกม หรือปิดการแจ้งเตือนขณะเล่นเกม

และยังมีฟังก์ชันปรับค่าประสิทธิภาพ ให้เราเลือกได้ว่าจะให้ระบบรันเกมโดยลดประสิทธิภาพลงเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ หรือรันโดยเน้นประสิทธิภาพการเล่นเกมขั้นสูงสุดโดยไม่ต้องสนใจแบตเตอรี่ และสามารถตั้งค่าแยกเฉพาะแต่ละเกมได้ด้วย ฟังก์ชันนี้จะช่วยให้เราปรับประสิทธิภาพการเล่นเกมให้เหมาะกับสถานการณ์มากขึ้น เช่นการเปิดบอททิ้งไว้ ซึ่งเราไม่ได้ต้องการกราฟิกสวยๆ หรือความลื่นไหล แต่ต้องการเปิดทิ้งไว้ให้นานที่สุด ในทางกลับกัน เมื่อเราเล่นเกมด้วยตัวเอง เราก็ต้องการให้ตัวเกมลื่นไหลที่สุด และมีกราฟิกสวยงาม เป็นต้น

เมื่อเล่นเกมในโหมด Game Launcher จะมีเมนูลัดเพิ่มเข้ามาในแถบนำทาง ซึ่งสามารถเลือกตั้งค่าการบล็อกการแจ้งเตือนต่างๆ และการโทรได้ พร้อมเมนูลัดเพิ่มเข้ามาในแถบนำทาง ซึ่งสามารถเลือกตั้งค่าการบล็อกการแจ้งเตือนต่างๆ และการโทรได้ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ แบบ Pop-Up ขณะเล่น และการล็อกหน้าจออัตโนมัติเมื่อเปิดเกมทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่ง

โดยในโหมดล็อกหน้าจอ ระบบจะลดความสว่างของหน้าจอ, ล็อกการสัมผัส และลดเฟรมเรตของตัวเกมลง แต่เกมจะยังคงรันต่อไปเรื่อยๆ เหมาะสำหรับการเปิดบอททิ้งไว้ เพราะประหยัดพลังงานกว่าการเปิดเกมไว้ตลอด และช่วยป้องกันการสัมผัสปุ่มต่างๆ โดยไม่ตั้งใจได้

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Samsung Galaxy S21 | S21+ นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor

สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS ในที่กลางแจ้งได้ดี โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 37 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 4 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง

Samsung Galaxy S21 | S21+ มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 2100 5G ผลิตบนเทคโนโลยีระดับ 5nm รุ่นแรกของ Samsung มี 8-แกน (Octa-Core) ความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.9 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Mali-G78 MP14, หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5 ขนาด 8GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย One UI 3.1 เวอร์ชันใหม่

Samsung Galaxy S21+ มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 619,451 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 5 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 983 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 3,223 คะแนน

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 8,024 คะแนน

รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสาม มิติอย่าง Marvel Future Fight, A3 : Still Alive และ Cookie Run : Kingdom พร้อมกับเปิดการแสดงผลกราฟิกระดับสูงสุด รวมถึงการแสดงผลที่ 60fps ก็พบว่าสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุก แต่ก็มีการสะสมความร้อนให้เห็นบ้างเมื่อเล่นติดต่อเป็นเวลานาน

Samsung Galaxy S21 | S21+ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Flat Dynamic AMOLED 2X Infinity-O display ขนาด 6.2 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว ตามลำดับ กับความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล) ในอัตราส่วนแบบ 20:9 จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้อย่างคมชัดเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ

บวกกับลำโพง Stereo แบบคู่ พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos รองรับไฟล์เสียงคุณภาพสูงแบบ UHQ 32-bit, DSD64/128 และ PCM 32-bit จึงสามารถใช้งานด้านความบันเทิงได้อย่างเต็มอารมณ์

การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ

Samsung Galaxy S21 | S21+ มีกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ชุดเดียวกัน ซึ่งประกอบไปด้วย

- กล้องตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 รองรับเทคโนโลยี Dual Pixel AF และระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ OIS - กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 - กล้อง Telephoto ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ OIS รองรับการซูมแบบ Hybrid ที่ 3 เท่า (3x Hybrid Zoom) และซูมภาพสูงสุดที่ 30 เท่า (30x Space Zoom)

โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์สะอาดตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น การเปิด-ปิด ไฟแฟลช, การตั้งเวลาถ่ายภาพ, สัดส่วนภาพถ่าย และฟังก์ชัน Motion Photo ซึ่งในโหมดการถ่ายภาพปกติมีเทคโนโลยี Scene Optimizer ที่เป็นการนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์สภาพแวดล้อม และวัตถุที่อยู่ตรงหน้า เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ โดยสามารถถ่ายภาพในมุมปกติ - มุมกว้างแบบ Ultra-Wide 120 องศา รวมถึงการซูมภาพสูงสุดที่ 30 เท่า (30x Space Zoom)

พร้อมใส่ฟีลเตอร์แบบต่างๆ ได้

และสามารถปรับค่าผิวสวยในโหมด Beauty ที่สามารถปรับโครงสร้างต่างๆ บนใบหน้า รวมถึงค่าผิวเนียนได้ตามต้องการ

การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ 7 ระดับ พร้อมปรับเอฟเฟกต์ได้ 6 รูปแบบ ได้แก่ Blur, Studio, High-Key Mono, Low-Key Mono, Backdrop และ Color Point รวมถึงปรับค่า Skin Tone ได้ 8 ระดับ

โดยสามารถปรับระดับความเบลอ รวมถึงเอฟเฟกต์ในภายหลังได้อีกด้วย

รองรับโหมด Single Take ที่กดถ่ายเพียงแค่ครั้งเดียว เราก็จะได้ผลลัพธ์เป็นเซ็ตรูป กับวิดีโอหลากหลายรูปแบบ พร้อมการแนะนำช็อตที่ดีที่สุด และสำหรับภาพบุคคลเราก็สามารถเลือกสีพื้นหลังได้ด้วย โดยสามารถบันทึกได้นาน 10 วินาที

ถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้ด้วยโหมด Night พร้อมเก็บภาพในมุมกว้างแบบ Ultra-Wide ได้ด้วย

สำหรับการถ่ายโหมด Pro มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด โดยรองรับการถ่ายภาพไฟล์ RAW แบบ 12-bit ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลภาพได้มากกว่าเดิม ตอบโจทย์การนำไปปรับแต่งในโปรแกรมต่างๆ อย่างเช่น Lightroom โดยไม่สูญเสียคุณภาพไฟล์

ด้านการถ่ายวิดีโอรองรับความละเอียดสูงสุดที่ ระดับ 8K 24fps โดยสามารถถ่ายในมุมมองปกติ และมุมกว้างด้วยเลนส์ Ultra-Wide ได้ (การถ่ายวิดีโอแบบ Ultra-Wide รองรับความละเอียดสูงสุดระดับ 4K) พร้อมรองรับระบบกันสั่นแบบ Super Steady

สามารถใส่ฟีลเตอร์แบบต่างๆ ได้ และปรับค่าผิวสวยในโหมด Beauty (รองรับความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD)

รองรับการบันทึกวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอแบบ real-time ในโหมด Portrait Video ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ 7 ระดับ พร้อมปรับเอฟเฟกต์ได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ Blur, Big Circle, Color Point และ Glitch รวมถึงปรับค่า Skin Tone ได้ 8 ระดับ

รองรับโหมดใหม่ล่าสุดอย่าง Director’s View สำหรับพรีวิวภาพจากทุกกล้องพร้อมกันแบบ real-time และสามารถสลับมุมมองต่างๆ ได้ตลอดเวลา ซึ่งสามารถใช้งานในกล้องหน้าได้ด้วย

และโหมด Pro สำหรับการถ่ายวิดีโอ ที่สามารถปรับตั้งค่าได้หลากหลาย โดยเลือกรูปแบบการรับเสียงของไมโครโฟน และความดังของเสียงที่บันทึกได้

รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Super Slow-mo, Slow-Motion และ Hyperlapse

กล้องหน้าของ Samsung Galaxy S21 | S21+ มีความคมชัด 10 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี Dual Pixel มีรูรับแสงขนาด F/2.2

โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์สะอาดตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน เหมือนกับกล้องหลัง ได้แก่ การเปิด-ปิด ไฟแฟลช, การตั้งเวลาถ่ายภาพ, สัดส่วนภาพถ่าย และ Motion Photo ซึ่งสามารถใส่ฟีลเตอร์แบบต่างๆ ได้ พร้อมปรับค่าผิวเนียนในโหมด Beauty ได้ 3 ระดับ และปรับสัดส่วนใบหน้า, ขนาดกราม และขนาดของดวงตาได้

รองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอในโหมด Portrait ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ 7 ระดับ พร้อมปรับเอฟเฟกต์ได้ 6 รูปแบบ ได้แก่ Blur, Studio, High-Key Mono, Low-Key Mono, Backdrop และ Color Point รวมถึงปรับค่า Skin Tone ได้ 8 ระดับ

และยังสามารถปรับระดับความเบลอ รวมถึงเอฟเฟกต์ในภายหลังได้

ด้านการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้ารองรับความ ละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD 60fps

สามารถเพิ่มฟีเตอร์แบบต่างๆ ได้ พร้อมปรับค่า Skin Tone ได้ 8 ระดับ

รองรับการบันทึกวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอแบบ real-time ในโหมด Portrait Video ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ 7 ระดับ พร้อมปรับเอฟเฟกต์ได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ Blur, Big Circle, Color Point และ Glitch รวมถึงปรับค่า Skin Tone ได้ 8 ระดับ

และฟังก์ชัน Slow-Motion กับ Hyperlapse

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ความละเอียด 12+12+64 ล้านพิกเซล ของ Samsung Galaxy S21+

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait

ภาพถ่ายจากโหมด Night

ภาพถ่ายจากโหมด Night มุมกว้างแบบ Ultra-Wide

ภาพถ่ายจากโหมด Night

ภาพถ่ายจากโหมด Night มุมกว้างแบบ Ultra-Wide

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลของ Samsung Galaxy S21+

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait

สรุปผลการทดสอบของ Samsung Galaxy S21 | S21+

จากการทดสอบข้างต้นก็กล่าวได้ว่า Samsung Galaxy S21 5G | Galaxy S21+ 5G เป็นคู่เรือธงที่น่าสนใจไม่แพ้ใครในชั่วโมงนี้ เรียกว่าจัดเต็มไม่แพ้รุ่นใหญ่อย่าง Galaxy S21 Ultra 5G ด้วยคุณสมบัติที่อัปเกรดจากเดิมในหลายด้าน โดยเฉพาะ ชิปเซ็ต Exynos 2100 5G ที่ผลิตบนเทคโนโลยีระดับ 5nm ใหม่ล่าสุด ที่รองรับการเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi 6 พร้อมตอบโจทย์การใช้งานในระดับกิกะบิตต่อวินาที (Gbps) เทียบเท่ากับการเชื่อมต่อแบบไฟเบอร์ และใช้งานได้ลื่นไหลด้วยหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 8GB ที่เพียงพอต่อการใช้งานแบบเต็มที่ในทุกด้าน พร้อมกับหน่วยความจำ ROM แบบ UFS 3.1 ที่อ่าน-เขียนข้อมูลได้เร็วกว่ารุ่นก่อนที่ความจุ 128GB และ 256GB ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลได้แบบจุใจ แต่ก็ต้องตัดสินใจก่อนเลือกซื้อให้ดีเนื่องจากทั้งสองรุ่นนี้ ไม่รองรับการเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอก โดยทำงานอยู่บน ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย One UI 3.1 เวอร์ชันล่าสุด

ด้านการใช้งานทั่วๆ ไปอย่างการท่องโซเชียล, ดู YouTube หรือการสตรีมมิ่งต่างๆ ก็ถือว่าตอบโจทย์ และเลือกใช้หน้า จอแบน ไม่เป็นขอบโค้งเหมือนรุ่น S21 Ultra 5G เรียกว่าเป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้บางกลุ่มที่ยังชอบใช้งานจอแบน โดยเป็นจอแบบ Flat Dynamic AMOLED 2X Infinity-O display ขนาดใหญ่ถึง 6.7 นิ้วในรุ่น S21+ จึงใช้งาน และชมคอนเทนท์ต่างๆ ได้แบบเต็มตา อีกทั้งยังมีความคมชัดระดับ Full HD+ และรองรับระบบ Refresh Rate 120Hz Adaptive ที่สามารถปรับเปลี่ยนค่า Refresh Rate ให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่กำลังแสดงผลอยู่ได้แบบอัตโนมัติ ระหว่าง 48-120Hz ซึ่งช่วยให้การใช้งานลื่นไหลว่าเดิมอยู่พอสมควร ผสานกับลำโพงเสียงแบบคู่ (Stereo Speakers) พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos รองรับไฟล์เสียงคุณภาพสูงจึงสามารถใช้งานด้านความบันเทิงได้อย่างเต็มอรรถรส

ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 4800 mAh บน S21+ จึงสามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน ไม่ว่าจะเล่นเกม หรือชมภาพยนตร์/ซีรีส์เรื่องโปรด พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 25W Super Fast Charging และเทคโนโลยีชาร์จไร้สายความเร็วสูงแบบ 15W Fast Wireless Charging ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงรองรับฟังก์ชัน Wireless PowerShare สำหรับแปลงเป็นแท่นชาร์จไร้สายให้กับอุปกรณ์อุปกรณ์อื่นๆ แต่ก็น่าเสียดายที่ทาง Samsung ออกนโยบาย ยุติการแถมอะแดปเตอร์ และหูฟัง ให้กับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นแล้ว

ด้านการถ่ายภาพนั้นก็ตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบัน ได้เป็นอย่างดี ด้วยชุดกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ที่รองรับฟังก์ชันการถ่ายภาพแบบครบครัน แถมลูกเล่นใหม่ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชัน Scene Optimizer ในการตรวจจับซีนต่างๆ และปรับภาพให้สวยแบบอัตโนมัติ, ระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ Dual OIS (Wide และ Telephoto) พร้อมฟังก์ชัน Single Take, โหมด Portrait ที่สามารถปรับเปลี่ยนเอฟเฟกต์ได้, โหมด Beauty ในการปรับผิวให้แลดูเนียนสวย, โหมด Pro ที่รองรับการถ่ายภาพไฟล์ RAW, รองรับการซูมภาพสูงสุดที่ 30 เท่า (30x Space Zoom) และการ ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงถึงระดับ 8K , รองรับระบบป้องกันการสั่นแบบ Super Steady, การถ่ายวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอแบบ Real-time รวมไปถึงโหมดใหม่ล่าสุดอย่าง Director’s View สำหรับพรีวิวภาพจากทุกกล้องพร้อมกันแบบ Real-time และสามารถสลับมุมมองต่างๆ ได้ตลอดเวลา

Samsung Galaxy S21 มีตัวเลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Phantom Violet, Phantom Gray และ Phantom Pink โดยมี 2 รุ่นความจุ ได้แก่ รุ่น 8GB+128GB ราคา 27,900 บาท และรุ่น 8GB+256GB ราคา 29,900 บาท

Samsung Galaxy S21+ มีตัวเลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ 3 สีมาตรฐาน Phantom Violet, Phantom Black และ Phantom Silver กับ 2 สีพิเศษ Phantom Gold และ Phantom Red โดยมี 2 รุ่นความจุ ได้แก่ รุ่น 8GB+128GB ราคา 33,900 บาท และรุ่น 8GB+256GB ราคา 35,900 บาท

โดยวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ร้าน Samsung Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ที่ Samsung Online Store

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Samsung ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Samsung Galaxy S21 และ S21+ มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน และขอขอบคุณสถานที่สวยๆ ของร้าน ลาภปาก (Laappaak Dining room) สำหรับวันนี้ทางทีมงานต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ

จุดเด่นของ Samsung Galaxy S21 | S21+

- ดีไซน์กล้องด้านหลังใหม่หมดจดแบบ Contour-Cut Metal Camera พร้อมกรอบตัวเครื่องผลิตจากโลหะอะลูมิเนียมที่เรียกว่า AL7s10 Metal Frame - ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus รุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง (เฉพาะ Galaxy S21+) ส่วน Galaxy S21 ใช้ฝาหลังแบบ Glastic พร้อมลงขอบโค้งแบบ 3D รับกับฝ่ามือ - ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 - หน้าจอแสดงผล Flat Dynamic AMOLED 2X Infinity-O Display ขนาด 6.2 นิ้ว (Galaxy S21) และ 6.7 นิ้ว (Galaxy S21+) ความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล) ในอัตราส่วนแบบ 20:9 พร้อมค่า Refresh Rate 120Hz แบบ Adaptive ที่สามารถปรับเปลี่ยนค่า Refresh Rate ให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่กำลังแสดงผลอยู่ได้แบบอัตโนมัติ ระหว่าง 48-120Hz และรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ - เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ Ultrasonic และระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Recognition) - ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Exynos 2100 Octa-Core ความเร็ว2.9 GHz ซึ่งผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 5nm พร้อม AI Engine ที่ทำงานได้เร็วกว่าเดิม 2 เท่า - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G78 MP14 พร้อมฟังก์ชัน Game Booster - หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5 ขนาด 8GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 128GB หรือ 256GB - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย One UI 3.1 กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย - กล้องตัวหลัก ( Wide ) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.76 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.8 ไมครอน, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ Super Speed Dual Pixel AF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และมุมรับภาพ 79 องศา - กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, เม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน และมุมรับภาพ 120 องศา - กล้อง Telephoto ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.72 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, รองรับการซูมแบบ Hybrid ที่ 3 เท่า (3x Hybrid Optic Zoom), ซูมสูงสุดที่ 30 เท่า (30x Space Zoom) และมุมรับภาพ 76 องศา พร้อมโหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ, เทคโนโลยี Scene Optimizer ในการตรวจจับซีนต่างๆ ทั้งหมด 20 หมวดหมู่, ระบบโฟกัสแบบติดตามวัตถุ (Tracking AF), ฟังก์ชัน AR Emoji, โหมด Food สำหรับถ่ายภาพอาหาร, โหมด Single Take, โหมด Night สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืน, รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K (24fps), ระบบป้องกันการสั่นแบบ Super Steady, โหมด Director's View สำหรับพรีวิวภาพจากทุกกล้องพร้อมกันแบบ Real-time และสามารถสลับมุมมองต่างๆ ได้ตลอดเวลา และการถ่ายวิดีโอแบบ Super Slow-Motion รวมถึงฟังก์ชัน AR Doodle กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล

พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, เม็ดพิกเซลขนาด 1.22 ไมครอน, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ Dual Pixel AF และมุมรับภาพ 80 องศา

- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh (S21) และ 4800 mAh (S21+) พร้อมเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 25W Super Fast Charging, เทคโนโลยีชาร์จไร้สายความเร็วสูงแบบ 15W Fast Wireless Charging และฟังก์ชัน 4.5W Wireless PowerShare สำหรับแปลงเป็นแท่นชาร์จไร้สายให้กับอุปกรณ์อุปกรณ์อื่นๆ - ลำโพงเสียงแบบคู่ (Stereo Speaker) ที่ได้รับการปรับจูนเสียงโดย AKGพร้อมรองรับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos - รองรับไฟล์เสียงคุณภาพสูงแบบ UHQ 32-bit, DSD64/128 และ PCM 32-bit - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 5G NR, 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ Wi-Fi 6 Dual Band - รองรับเทคโนโลยีเชื่อมต่อข้อมูลไร้สายแบบ Bluetooth 5.2, NFC และ Ultra Wide Band - รองรับบริการแตะจ่ายเงินผ่านมือถือ - พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C - รองรับการระบุตำแหน่งด้วยระบบดาวเทียม GPS ของประเทศสหรัฐอเมริกา, GLONASS ของประเทศรัสเซีย, Beidouของประเทศจีน และ GALILEO ของสหภาพยุโรป - ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby - ฟังก์ชัน Dual Messengerสำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy S21 | S21+

- ไม่แถมอแดปเตอร์สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และหูฟังมาให้ภายในกล่องผลิตภัณฑ์ - ด้านหลังของ Galaxy S21 ไม่ได้ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus แต่ครอบทับด้วยวัสดุแบบ Glastic แทน - ไม่รองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอก - ไม่มีช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร - ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen เหมือนกับรุ่น Galaxy S21 Ultra 5G

รีวิว Samsung Galaxy S21 Ultra 5G

รีวิว (Review) Samsung Galaxy S21 Ultra 5G

Leave a Comment