รีวิว Vivo S1 Pro สมาร์ทโฟน 4 กล้อง 48MP+กล้องหน้า 32MP พร้อมจอสวย สเปกจัดเต็ม ดีไซน์ใหม่ ในราคาไม่ถึงหมื่น :: Thaimobilecenter.com

สมาร์ทโฟน 4 กล้อง 48MP + กล้องหน้า 32MP พร้อมจอสวย สเปกจัดเต็ม แบตใหญ่ ดีไซน์ใหม่ ในราคาไม่ถึงหมื่น ด้วยกล้อง AI Quad Camera 48 ล้านพิกเซล ผสานกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล, จอ Halo FullView Super AMOLED ใหญ่ 6.38 นิ้ว กับสแกนนิ้วบนหน้าจอ, ชิปเซ็ต Snapdragon 665, ROM 128GB+RAM 8GB และแบตเตอรี่ชาร์จเร็วไซส์จุใจ 4500 mAh บนบอดี้สวยหรูแบบ Diamond ที่ไม่เหมือนใคร ในราคาเพียง 9,999 บาท

20 พฤศจิกายน 2019 - ล่าสุดนี้ทาง Vivo ประเทศไทย ได้เปิดตัว Vivo S1 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นต่อยอดใหม่ล่าสุดจากตระกูล S-Series ในบ้านเราเพิ่มเติม กับจุดเด่นอย่างกล้องหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ที่มีดีไซน์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร พร้อมกล้องหน้าความละเอียดสูง และแบตชาร์จเร็วสุดอึดที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน

Vivo S1 Pro เป็นอีกหนึ่งรุ่นใหม่ของทาง Vivo ที่มากับกล้องหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ในดีไซน์แบบเพชรโฉมใหม่ (Diamond Design) โดยมีความคมชัดถึง 48 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Samsung GM1 พร้อมกล้อง Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, กล้อง Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่รองรับโหมดการถ่ายภาพแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพมุมกว้างสุด 120 องศา, การถ่ายภาพระยะใกล้แบบ Super Macro ที่ระยะ 4 เซนติเมตร, ฟังก์ชัน AI Scene Recognition, โหมด Portrait พร้อมลูกเล่นอย่าง Portrait Light Effect และการถ่ายวิดีโอแบบ Slow-Mo ส่วน กล้องหน้ามีความละเอียดคมชัดมากถึง 32 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมฟีเจอร์ AI Face Beauty และ Portrait Light Effect รวมถึง Pose Master สำหรับช่วยแนะนำการโพสต์ท่าทางต่างๆ

Vivo S1 Pro มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล Super AMOLED บนดีไซน์ไร้ขอบ พร้อมรอยบากทรงหยดน้ำ Halo FullView Display ขนาด 6.38 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล : 403 ppi : อัตราส่วน 19.5:9) ที่มีการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้บนหน้าจอ (In-Display Fingerprint) พร้อมรองรับฟังก์ชัน Always On Display สำหรับบอกเวลา และการแจ้งเตือนขณะปิดหน้าจอ สำหรับตัวเครื่องมีความเงางามแบบกระจกด้วยดีไซน์ Mirror Finish และมีการไล่เฉดสีกระทบเล่นกับแสงในตัวเลือกสีฟ้า-ชมพู Fancy Sky

คุณสมบัติพื้นฐานของ Vivo S1 Pro นั้นมากับ ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 665 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็ว 2.0 GHz พร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 610 จับคู่ RAM ขนาด 8GB และ ROM ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 256GB โดยมี แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W Dual-Engine Fast Charging ผ่านพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ที่ถูกครอบทับด้วย Funtouch 9.2 เวอร์ชันใหม่

จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า Vivo S1 Pro มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่หลายด้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูสวยหรูแปลกใหม่แบบ Diamond หรือกล้องหลังทั้ง 4 ตัว (AI Quad Camera) ผสานกล้องหน้าความละเอียดสูง รวมไปถึงฟีเจอร์ครบครัน กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่เพียง 9,999 บาท ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านไปรับชม รีวิว Vivo S1 Pro พร้อมกันได้เลยค่ะ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Vivo S1 Pro มาในแพ็กเกจสีขาว พร้อมลวดลายตัว S ตามชื่อตระกูลแบบไล่เฉดสีรุ้ง

ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ 9V/2A, สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, หูฟัง, เคสใส, เข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน

ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายใน แพ็กเกจ

Vivo S1 Pro มาพร้อมหน้าจอแสดงผล Super AMOLED Halo FullView Display ขนาด 6.38 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 โดยมีพื้นที่การแสดงผลคิดเป็น 90% ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล : 403 ppi) และครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D บนตัวเครื่องมีขนาด 159.25x75.19x8.68 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 186.7 กรัม

พร้อมรองรับฟังก์ชัน Always On Display

ที่ด้านบนมีรอยบากทรงหยดน้ำ สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสง F/2.0 และรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ พร้อมลำโพงสนทนาที่ด้านบน และติดตั้งเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม

รองรับระบบสแกนใบหน้าแบบ Face Access ในการปลดล็อกตัวเครื่องอีกด้วย ซึ่งสามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วทันใจ

ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent App, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย

รวมถึงรองรับเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint)

ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สอง และช่องสำหรับเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ที่ด้านล่างประกอบด้วย ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C  และลำโพงเสียงภายนอก

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Hybrid-Slot โดยในช่องซิมการ์ดที่ 2 ต้องเลือกใช้งานระหว่าง ซิมการ์ด หรือการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ที่ความจุสูงสุด 256GB

ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ ที่มีสีแดงตัดกับตัวเครื่องเพื่อให้สังเกตได้ง่าย และปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง

Vivo S1 Pro มีตัวเครื่องดีไซน์เงางามคล้ายกระจกแบบ Mirror Finish โค้งมนรับกับฝ่ามือ โดยตัวเครื่องที่ทางทีมงานนำมารีวิวให้ได้ชมกันเป็นสีดำ (Knight Black)

กล้องหลังของ Vivo S1 Pro มีทั้งหมด 4 ตัว (AI Quad Camera) ในดีไซน์ใหม่ไม่เหมือนใครที่เรียงกันแบบเพชร (Diamond Design) โดยกล้องตัวหลักมีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (F/1.8) พร้อมเลนส์ Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา, เลนส์ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติมเตร และเลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สำหรับทำภาพหน้าชัดหลังเบลอ

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

Vivo S1 Pro ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 9.0 Pie ซึ่งถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 9.2 ที่เป็นเวอร์ชันใหม่ และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ทั้ง 2 ซิมการ์ด (Dual 4G)

มีหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB และหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB

เมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะพบกับหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปิดแอปพลิเคชันที่เปิดค้างเอาไว้ได้ เพียงแค่เลื่อนหน้าต่างแอปนั้นๆ ไปยังด้านบน หรือปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในครั้งเดียวได้อย่างง่ายดาย ด้วยการกดปุ่มไอคอน X ที่ด้านล่าง

เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการ ปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับตำแหน่งของไอคอน พร้อมเลือกใช้งาน Widget และเอฟเฟ็กต์ในการเลื่อนหน้าจอที่ต้องการได้

เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้าศูนย์รวมการแจ้งเตือนต่างๆ และเมื่อลากจากขอบด้านล่างของหน้าจอขึ้นจะพบกับ Toggle Switch ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต, Bluetooth หรือการเปิด-ปิด Dark Mode

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งตำแหน่งของ คีย์ลัดเองได้ด้วย

เมื่อปัดไปทางขวาจากหน้าโฮมจะเจอกับหน้า Card พื้นที่การแสดงข้อมูลต่างๆ และคอยแนะนำฟีเจอร์ อย่างเช่น สภาพอากาศปัจจุบัน, จำนวนก้าว หรืออีเวนท์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ และยังสามารถจัดการแอปพลิเคชันที่แสดงภายในหน้า Card ได้

รวมทั้ง Shortcuts ทางลัดเข้าถึงแอปพลิเคชัน และเครื่องมือต่างๆ เช่น Speed up สำหรับเคลียร์พื้นที่หน่วยความจำ RAM, เครื่องคิดเลข หรือบันทึกเสียง เป็นต้น โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่ง และจัดตำแหน่งของการ์ดได้ด้วยตนเอง จากการกดเครื่องหมาย + ที่ด้านบน

แอปพลิเคชัน i Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการล้างพื้นที่ (การเคลียร์แรม), ตั้งค่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแต่ละแอปพลิเคชัน หรือการจำกัดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

สำหรับบริการต่างๆ จากทาง Google รวมถึงแอปพลิเคชันพื้นฐาน ก็มีการติดตั้งมาไว้ให้ได้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Calculator, Recorder, Compass, Feedback และ FM Radio

Vivo S1 Pro สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ, โหมด Eye Protection และการปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอที่เลือกระดับได้ตามที่ต้องการ

รองรับฟังก์ชัน Dark Mode ในการเปลี่ยนพื้นหลังให้กลายเป็นสีดำ

และด้วยดีไซน์ของ Vivo S1 Pro ที่เป็นแบบ Halo FullView Display ในอัตราส่วน 19.5:9 จึงสามารถปรับให้บางแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลในสัดส่วนแบบเต็มหน้าจอได้ด้วย

และเลือกการแสดงผลของรอยบากที่ด้านบนในแต่ละแอ ปพลิเคชันได้

ในเมนู Home Screen สามารถตั้งค่าจำนวนการแสดงผลของไอคอนบนหน้าจอได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ 4x5, 4x6 (ค่าเริ่มต้น) และ 5x6

สามารถปรับค่าความโค้งมนของไอคอนได้

รวมถึงขนาดของไอคอน

สามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชัน Lockscreen Magazine ในการเปลี่ยนภาพล็อกหน้าจอทุกครั้งที่เปิดการทำงาน และรูปแบบของหน้า Lockscreen

Vivo S1 Pro มาพร้อมฟีเจอร์ Always On Display ที่สามารถเลือกรูปแบบได้หลากหลาย

สามารถเปลี่ยนธีม และภาพพื้นหลังได้

และยังสามารถเปลี่ยนธีมของตัวเครื่องได้ผ่านแอ ปพลิเคชัน i Theme

รวมถึง Font ตัวอัปษรรูปแบบต่างๆ และการตั้งค่าอื่นๆ บนหน้าจอได้

นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่า Animation เมื่อมีการเข้าสู่หน้าโฮมจากการปลดล็อกหน้าจออีกด้วย

สามารถสลับตำแหน่งของปุ่ม Navigation Buttons ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้

หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Navigation Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้

พร้อมกับเลือก Navigation Gestures Style ได้ 2 รูปแบบ หรือไม่แสดงปุ่มใดๆ

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ Vivo S1 Pro มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังอยู่ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของ เครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ

ที่สามารถเลือกรูปแบบ Animation ขณะปลดล็อกได้ 5 รูปแบบ

พร้อมระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Access) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น

และสามารถเลือกรูปแบบ Animation ขณะปลดล็อกได้เช่นกัน โดยมีให้เลือกทั้งหมด 4 รูปแบบ

Vivo S1 Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh พร้อมระบบจัดการพลังงานภายในเครื่อง และโหมดประหยัดพลังงานแบบ Low Power Mode ที่เมื่อเปิดใช้งานสัญลีกษณ์แบตเตอรี่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง

รวมถึงโหมดประหยัดพลังงานขั้นสุดอย่าง Super Power- Saving Mode ที่ช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานให้นานมากขึ้น แต่แลกกับการใช้งานได้เพียงฟังก์ชันพื้นฐานเท่านั้น

และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 18W Dual-Engine Fast Charging ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้เร็วยิ่งขึ้น

สามารถตรวจสอบเวลาที่ใช้ไปในแต่ละแอปพลิเคชัน รวมถึงกำหนดระยะเวลาในการใช้งานในแต่ละแอปพลิเคชันได้

ฟังก์ชัน Do Not Disturb สำหรับปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบไม่มีการสั่นเตือน ยกเว้นการตั้งปลุกที่ผู้ใช้ตั้งค่าเอาไว้ โดยจะมีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ที่ด้านบนเมื่อเปิดการใช้งาน

รองรับฟังก์ชัน App Clone สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook และ Line จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์

สำหรับฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะมาให้ใช้งานบน Vivo S1 Pro ด้วยเช่นกัน ซึ่งประกอบไปด้วย โหมด Smart Wake, Smart turn on/off screen และ Smart Call ซึ่ง Smart Wake เป็นการวาดตามรูปแบบต่างๆ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด เช่น การวาดตัวอักษร C เพื่อเข้าสู่ฟังก์ชันการโทรศัพท์ หรือการวาดตัวอักษร m เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชัน i Music สำหรับฟังเพลง

Smart turn on/off screen การเปิด-ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ โดยสามารถตั้งค่าให้หน้าจอติดเมื่อยกตัวเครื่องขึ้น หรือสัมผัสหน้าจอ 2 ครั้งติดกันเพื่อเป็นการล็อกหน้าจอ และ Smart Call การโทรอัจฉริยะ

รวมทั้งยังมีโหมดการใช้งานมือเดียว One-handed ซึ่งเป็นการปรับขนาดของแผงตัวเลขโทรศัพท์, แป้นพิมพ์รหัสผ่านให้เล็กลง ซึ่งช่วยให้ใช้งานมือถือด้วยมือเดียวอย่างสะดวกขึ้น และ Smart Click ในการเปิดใช้งานฟังก์ชันเฉพาะในขณะล็อกหน้าจอ

และสามารถเปิดใช้ฟังก์ชัน Easy Touch ปุ่มคีย์ลัดที่สามารถเลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งได้

ฟังก์ชัน Smart Split สำหรับแบ่งหน้าจอการใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน โดยเน้นไปที่แอปพลิเคชันเกี่ยวกับ Message โดยสามารถตอบแชทได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่

และมีฟังก์ชัน Screen-Split ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน โดยสามารถเปิดใช้งานได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ

ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Screen-Split ที่รองรับทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน

สามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตได้อย่างรวดเร็วเพียง ลาก 3 นิ้ว จากบริเวณด้านล่างหน้าจอไปยังด้านบน หรือกดปุ่ม Power พร้อมกับปุ่มลดเสียง

และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้ด้วย

Vivo S1 Pro ยังมาพร้อมระบบผู้ช่วยอัจฉริยะใหม่ล่าสุดอย่าง Jovi AI Assistant ที่รองรับฟังก์ชัน Smart Camera ประกอบไปด้วย Portrait Mode สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมปรับค่าผิวเนียนให้เหมาะกับเพศ, วัย รวมถึงอายุของแต่ละบุคคลได้

AI Scene Identification ในการตรวจจับซีน พร้อมปรับภาพให้สวยแบบอัตโนมัติ และ AI Portrait Framing สำหรับช่วยจัดองค์ประกอบภาพ และช่วยแนะนำมุมสวยขณะถ่าย

Image Recognizer ใช้ในการค้นหาข้อมูลสินค้าที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับแสดงราคา และสถานที่สำหรับซื้อสินค้า

และ Smart Scene การแจ้งเตือนข่าวสารต่างๆ รวมถึงพยากรณ์อากาศ และตารางนัดหมาย เพื่อให้จัดการตารางเวลาได้ง่ายขึ้น

ทางด้านอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้ หลักๆ 2 แบบ คือ แสดงแบบรวมภาพทั้งหมด กับแบบแยกอัลบั้ม

ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งาน ได้ดี ไหลลื่น และสามารถแสดงเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

พร้อมฟังก์ชัน Ad Block Mode ในการปิดไม่ให้มีการแสดงโฆษณาบนบราว์เซอร์อีกด้วย

สำหรับบริการ vivoCloud ก็มีให้ใช้งานบน Vivo S1 Pro เช่นเดียวกัน โดยผู้ใช้สามารถสำรองข้อมูลต่างๆ ภายในตัวเครื่อง เช่น ข้อความ SMS, รายชื่อผู้ติดต่อ และบุ๊คมาร์คของเว็บเบราวเซอร์ ไปยังระบบคลาวอินเทอร์เน็ตของ Vivo ได้

และทาง Vivo ได้ทำการรวบรวมแอปพลิเคชันเด่นมาให้ได้ดาวน์โหลดบน Vivo S1 Pro กันผ่านทาง Vivo App Store

Vivo S1 Pro รองรับการเล่นเพลง และไฟล์เสียงต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน i Music พร้อมเทคโนโลยี DeepField สำหรับช่วยขับเสียงร้องให้มีความชัดเจน พร้อมปรับเสียงเบสให้มีอิมแพคมากยิ่งขึ้น

สามารถปรับค่า Equalizer และเลือกใช้หูฟังต่างๆ ของ Vivo ได้

ที่สำคัญ Vivo S1 Pro ยังรองรับฟังก์ชันเพื่อความเป็นส่วนตัวอย่าง Privacy and App Encryption สำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง รวมถึง File Safebox ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน

Vivo S1 Pro ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Ultra Game Mode ซึ่งเป็นโหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ พร้อมรองรับระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม ป้องกันปัญหาเฟรมเรตตกระหว่างเล่นเกมได้ดีขึ้น และฟังก์ชัน 4D Game Vibration ในการสั่นตามเหตุการณ์ในเกม ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นเกมอีกด้วย

รวมถึงป้องกันการโดนขัดจังหวะขณะเล่นเกม ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบป็อบอัปเท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Vivo S1 Pro นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor

สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS ในที่กลางแจ้งได้ดี พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 29 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 5 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง

Vivo S1 Pro มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 665 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.0 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 610, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD ได้อีก 256GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 9.2 เวอร์ชันใหม่

Vivo S1 Pro มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark เวอร์ชัน 8.0.4 ที่ 178,924 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 4 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 1,522 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 5,684 คะแนน

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 1,072 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 1,042 คะแนน

Vivo S1 Pro รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสาม มิติอย่าง PUBG Mobile, Marvel Future Fight และ The King of Fighters ALLSTAR ก็พบว่า Vivo S1 Pro นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น แต่ก็มีการสะสมความร้อนให้เห็นบ้าง

Vivo S1 Pro มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED Halo FullView Display ขนาด 6.38 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล : 403 ppi) และมีอัตราส่วนแบบ 19.5:9 จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้อย่างเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ

การใช้งานกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

สำหรับกล้องถ่ายภาพของ Vivo S1 Pro มีทั้งหมด 4 ตัว (AI Quad Camera) แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, พร้อมเลนส์ Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, เลนส์ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และเลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรู สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน

พร้อมโหมดการถ่ายภาพมุมกว้างแบบ Ultra-Wide Angle

รวมถึงโหมด Bokeh ในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอที่สามารถปรับค่ารูรับแสงได้ที่ F/0.95 - F/16

โดยสามารถปรับระดับความเบลอได้ภายหลังด้วย

และโหมดถ่ายภาพแบบ Super Macro ระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร

ในโหมดการถ่ายภาพปกติ มีฟังก์ชัน AI Scene Recognition ที่เป็นการนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์สภาพแวดล้อม และวัตถุที่อยู่ตรงหน้า เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ

สำหรับโหมด Portrait สามารถเพิ่ม Filter ได้

พร้อมเลือก Portrait Lighting Effect ได้ทั้งหมด รูปแบบ 5 ได้แก่ Studio Light, Stereo Light, Loop Light, Rainbow Light และ Monochrome Background

โดยภาพสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ภายหลัง ไม่ว่าจะเป็น การ crop ภาพ

การใส่ Filter หรือเปลี่ยน Light Effect

และการเพิ่มลูกเล่นน่ารักๆ

รวมถึงปรับแต่งด้วยฟังก์ชัน AI Make Up

โดยสามารถปรับโครงสร้างใบหน้า และลำตัวได้อย่างอิสระ

รวมถึงโหมด AI Face Beauty สำหรับปรับค่าผิวเนียน รวมถึงโครงสร้างบนใบหน้าได้แทบทุกส่วน และโหมด Pose Master สำหรับแนะนำท่าโพสต์

และมี AR Stickers ลูกเล่นน่ารักๆ สำหรับการถ่ายภาพด้วยสติกเกอร์แบบต่างๆ

Vivo S1 Pro ยังรองรับโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูงแบบ AI 48MP และการถ่ายภาพมุมกว้างแบบ PANO

รวมถึงการถ่ายในโหมด Pro ที่มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด

การถ่ายวิดีโอบน Vivo S1 Pro รองรับโหมดมุมกว้างแบบ Ultra-Wide Angle

และมาพร้อมโหมด AI Face Beauty ในการปรับโครงสร้างใบหน้าได้อย่างอิสระ โดยสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ HD 720p ส่วนในโหมดปกติสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดได้ที่ระดับ Full HD 1080p

รองรับฟังก์ชันการถ่ายวิดีโอแบบ Slow-Mo และ Time-Lapse

ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้าของ Vivo S1 Pro มีความคมชัด 32 ล้านพิกเซล ก็มีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที และสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น เปิด-ปิด ไฟแฟลช, โหมด HDR, Filter พร้อม Portrait Lighting Effect และสัดส่วนภาพ

พร้อมเพิ่ม Filter แบบต่างๆ ได้

และมาพร้อม Portrait Lighting Effect ได้ทั้งหมด รูปแบบ 6 ได้แก่ Natural Light, Studio Light, Stereo Light, Loop Light, Rainbow Light และ Monochrome Background

ในโหมด Portait มาพร้อมเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับค่าผิวเนียน รวมถึงโครงสร้างบนใบหน้าได้แทบทุกส่วน

และโหมด Pose Master สำหรับแนะนำท่าโพสต์

รองรับการถ่ายเซลฟี่ในมุมกว้างแบบ PANO

รวมถึงลูกเล่นน่ารักๆ อย่าง AR Stickers ให้ได้เลือกใช้งานหลากรูปแบบด้วยเช่นกัน

การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าของ Vivo S1 Pro สามารถเพิ่ม Filter แบบต่างๆ ได้ และรองรับโหมด AI Face Beauty ในการปรับโครงสร้างใบหน้าได้อย่างอิสระ โดยสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ HD 720p ส่วนในโหมดปกติสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดได้ที่ระดับ Full HD 1080p

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ความละเอียดระดับ 48+8+2+2 ล้านพิกเซล ของ Vivo S1 Pro

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide Angle

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide Angle

ภาพถ่ายในโหมด Super Macro

ภาพถ่ายจากโหมด Bokeh ที่ F/4.0 (ค่าเริ่มต้น)

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Studio Light

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Stereo Light

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Loop Light

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Rainbow Light

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Monochrome Background

ภาพถ่ายจากโหมด AI Face Beauty

ภาพถ่ายในเวลากลางคืน

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซลของ Vivo S1 Pro

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมด AI Face Beauty

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Natural Light

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Studio Light

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Stereo Light

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Loop Light

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Rainbow Light

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Monochrome Background

ภาพถ่ายจากโหมด AR Sticker

สรุปผลการทดสอบของ Vivo S1 Pro

Vivo S1 Pro เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนราคาไม่เกินหมื่นรุ่นใหม่ล่าสุดที่น่าสนใจไม่แพ้ใคร ด้วยกล้องถ่ายภาพตัวหลัก 4 ตัว (AI Quad Camera) ซึ่งมีความละเอียดคมชัดมากถึง 48 ล้านพิกเซล กับดีไซน์ใหม่หมดจดไม่เหมือนใครด้วยการเรียงตัวแบบเพชร (Diamond Design) พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Samsung GM1 กับกล้อง Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, กล้อง Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่รองรับโหมดการถ่ายภาพแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ภาพถ่ายมุมกว้างสุด 120 องศา, ภาพระยะใกล้แบบ Super Macro ที่ระยะ 4 เซนติเมตร, ฟังก์ชัน AI Scene Recognition , เทคโนโลยี AI Face Beauty ช่วยปรับระดับผิวเนียน รวมถึงโครงสร้างต่างๆ บนใบหน้า และโหมด Slim ในการปรับโครงสร้างร่างกายได้อย่างอิสระ, โหมด Portrait พร้อมลูกเล่นอย่าง Portrait Light Effect การปรับแสงในภาพรูปแบบต่างๆ, โหมด Bokeh สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ทั้งก่อน-หลังถ่ายภาพ และ AR Sticker ลูกเล่นที่เพิ่มความน่ารักให้ภาพ รวมถึงการถ่ายวิดีโอแบบ Slow-Mo

ส่วนทางด้าน กล้องหน้าก็มีความคมชัดถึง 32 ล้านพิกเซล ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI Face Beauty ช่วยปรับระดับผิวเนียน รวมถึงโครงสร้างต่างๆ บนใบหน้า และโหมด Slim ในการปรับโครงสร้างร่างกายได้อย่างอิสระ, สติกเกอร์น่ารักๆ จากโหมด AR Sticker และโหมด Portrait ที่มีลูกเล่นอย่าง Portrait Light Effect ทั้งหมด 6 แบบให้เลือกใช้ รวมถึง Pose Master สำหรับช่วยแนะนำการโพสต์ท่าทางต่างๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับภาพนั่นเอง นอกจากนี้ตั้งแต่ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป ทาง Vivo ประเทศไทยจะปล่อยให้อัปเดต SuperNight Mode สำหรับการถ่ายภาพในเวลากลางคืนโดยเฉพาะเพิ่มเติมด้วย

Vivo S1 Pro มาในดีไซน์จอไร้ขอบทรงหยดน้ำแบบ Super AMOLED Halo FullView Display ขนาด 6.38 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล : 403 ppi : อัตราส่วน 19.5:9) มีพื้นที่การ แสดงผลคิดเป็น 90% จึงสามารถเล่นไฟล์ที่มีความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้อย่างคมชัด และให้มุมมองที่ใหญ่เต็มตา รวมถึงติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) ที่ทำงานร่วมกับระบบสแกนใบหน้าในการปลดล็อกหน้าจอ (Face Access) สำหรับตัวเครื่องมีความเงางามคล้ายกระจกแบบ Mirror Finish พร้อมความโค้งมนที่ด้านหลังรับกับฝ่ามือขณะถือใช้งาน และมีการไล่เฉดสีกระทบเล่นกับแสงในตัวเลือกสีฟ้า-ชมพู Fancy Sky

ด้านสเปกภายใน Vivo S1 Pro ใช้ ชิปเซ็ต Snapdragon 665 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็ว 2.0 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 610 ที่ทำงานร่วมกับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB และมีหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง (ROM) ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 256GB จึงสามารถเก็บภาพ, ไฟล์ข้อมูล, แอปพลิเคชัน และเกม ได้อย่างจุใจ แต่ด้วยถาดใส่ซิมแบบ Hybrid-Slot ผู้ใช้จึงต้องเลือกระหว่างการใช้งานซิมการ์ดที่สอง หรือ microSD Card โดยมี แบตเตอรี่ ความจุ 4500 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W Dual-Engine Fast Charging ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่านพอร์ตการเชื่อมต่อมาตรฐานใหม่แบบ USB Type-C บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย Funtouch 9.2 เวอร์ชันใหม่ ที่มาพร้อมกับ Dark Mode ในการเปลี่ยนแถบเมนูต่างๆ บนหน้าจอให้กลายเป็นสีดำ

Vivo S1 Pro ยังตอบโจทย์การใช้งานด้านความบันเทิงโดยเฉพาะการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี ด้วยฟีเจอร์เอาใจเกมเมอร์อย่าง Ultra Game Mode โหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบป็อบอัปเท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา และการย่อขนาดคีย์บอร์ดภายในเกมให้มีขนาดเล็กลง เพื่อป้องกันปัญหาคีย์บอร์ดบดบังการแสดงผล นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม และป้องกันปัญหาเฟรมเรตตกระหว่างเล่นเกมได้ดีขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์ 4D Game Vibration ในการสั่น ตามเหตุการณ์ในเกม ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นเกมนั่นเอง

รวมถึงรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้าน อื่นๆ อย่างครับครัน ไม่ว่าจะเป็น รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G LTE ได้ทั้ง 2 ซิมการ์ด แบบ Dual 4G , รองรับบริการชำระเงินผ่านระบบ NFC ,  ฟีเจอร์ App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ เช่น Facebook หรือ Line ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์ในเวลาเดียวกัน,  รวมถึงฟังก์ชัน Screen-Split ในการใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชันได้พร้อมกัน และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้

Vivo S1 Pro ยังให้ความสำคัญด้านความเป็นส่วนตัว ด้วยฟังก์ชัน Privacy and App Encryption สำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง รวมถึง File Safebox ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานอีกด้วย

พิเศษหากสั่งซื้อผ่านทาง Vivo Official Store บนเว็บไซต์ Lazada ลูกค้า 200 ท่านแรกรับฟรีสปาหน้า Ultima II มูลค่า 1,200 บาท นอกจากนี้ท่านที่สั่งซื้อล่วงหน้า ( Pre-Sale ) จะได้รับสิทธิ์ลุ้นรับของแถมมูลค่า 4,000 บาท รวม 5 รายการ และยังมีกิจกรรมพิเศษสำหรับผู้โชคดี 1 ท่าน ลุ้นรับไดร์เป่าผม Dyson มูลค่า 15,000 บาท จำนวน 1 รางวัล ดังรายละเอียดในภาพด้านบน

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Vivo S1 Pro มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ

จุดเด่นของ Vivo S1 Pro

- ตัวเครื่องเงางามคล้ายกระจกแบบ Mirror Finish พร้อมดีไซน์กล้องหลังแบบเพชร (Diamond) - บอดี้สีไล่เฉด (Gradient) ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงในมุมต่างๆ (เฉพาะสีฟ้า-ชมพู Fancy Sky) - หน้าจอแสดงผล Super AMOLED Halo FullView Display ขนาด 6.38 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 โดยมีพื้นที่การแสดงผลคิดเป็น 90% ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2340 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D และรองรับฟังก์ชัน Always On Display - ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 665 ความเร็ว 2.0 GHz - หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Adreno 610 - หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB - หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 128GB - รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ความจุ 256GB - ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS9.2

กล้องดิจิทัลด้านหลังทั้งหมด 4 ตัว (AI Quad Camera)ประกอบด้วย

- กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (f/1.8) เซ็นเซอร์รับภาพ SamsungGM1 - กล้อง Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (f/2.2)สำหรับเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา - กล้อง Super Macroความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (f/2.4) สามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร - กล้อง Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (f/2.4)สำหรับทำภาพหน้าชัดหลังเบลอ

รองรับการโฟกัสภาพแบบ PDAF, ฟีเจอร์ HDR,ฟังก์ชัน AI Scene Recognition ในการตรวจจับซีนต่างๆพร้อมปรับภาพให้สวยแบบอัตโนมัติ,โหมด Portrait พร้อม Portrait Light Effect,โหมด Bokeh ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ที่ F/0.95 - F/16, เทคโนโลยี AIFace Beauty ปรับโครงสร้างใบหน้าได้อิสระ และฟังก์ชัน Pose Masterในการแนะนำท่าโพสต์ที่สวยงามให้กับผู้ถ่าย

กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0 โดยรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ พร้อม Portrait และ Portrait Light Effect รวมถึงฟังก์ชัน Pose Master ในการแนะนำท่าโพสต์ที่สวยงามให้กับผู้ถ่าย

- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) - ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Access) - ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi AI Assistant - ฟังก์ชัน App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ - ช่องเสียบหูฟังมาตรฐานแบบ 3.5 มิลลิเมตร - แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 18W Dual-Engine Fast Charging - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ WiFi - ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของประเทศรัสเซีย, ระบบ Beidou ของประเทศจีน และระบบ GALILEO ของสหภาพยุโรป - มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก Knight Black (ดำ) และ Fancy Sky (ฟ้า-ชมพู) - ราคา 9,999 บาท ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Vivo S1 Pro

- ด้านหลังตัวเครื่องมีพื้นผิวมันวาว จึงอาจเกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย และเสี่ยงต่อการตกแตกได้ง่าย - ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ หรือป้องกันฝุ่น - ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อน เมื่อมีการประมวลผลหนักๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน - ถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Hybird-Slot ซึ่งจำเป็นต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่สอง หรือหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง บ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

Leave a Comment