สมาร์ทโฟน Android One สเปกจัดเต็ม พร้อมกล้องคู่ AI ในราคาไม่ถึงหมื่น! ด้วยจอ Full Screen FHD+ 5.99 นิ้ว, ชิปเซ็ต Snapdragon 660 AIE, RAM สูงสุด 6GB, ROM สูงสุด 128GB, กล้องคู่ AI 20 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า AI 20 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์สแกนนิ้ว, USB Type-C และระบบ Android One ที่การันตีการอัปเดตก่อนใคร บนตัวเครื่อง Full Metal Unibody สวยแกร่งเรียบหรู ในราคาเริ่มเพียง 8,990 บาท!
27 สิงหาคม 2561 - สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากทีมงาน Thaimobilecenter โดยในครั้งนี้ก็ถึงคิวของ Xiaomi Mi A2 สมาร์ทโฟน Android One พร้อมกล้องคู่ภาคต่อจาก Xiaomi Mi A1 ที่เปิดตัวออกมาเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง
แน่นอนว่าการกลับมาในครั้งนี้ก็มีการอัปเกรดขึ้นในหลายๆ ด้านด้วยกัน ตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกไปจนถึงสเปกภายใน โดยเลือกใช้ดีไซน์ หน้าจอแสดงผลแบบ Full Screen อัตราส่วนแบบ 18:9 ขนาด 5.99 นิ้ว ไม่มีปุ่มโฮม ไม่มีรอยบาก พร้อมเสริมความแกร่งด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ภายในขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 660 บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo พร้อมกับ RAM สูงสุด 6GB และ ความจุายในสูงสุด 128GB ในส่วนของการถ่ายภาพ ก็มีการยกระดับประสิทธิภาพขึ้นทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง โดยมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 20 ล้านพิกเซล ที่รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ และกล้องคู่ด้านหลังความละเอียด 12+20 ล้านพิกเซล ที่มากับระบบการประมวลผลภาพด้วย AI และการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD โดยมีราคาเปิดตัวที่คุ้มค่าตามสไตล์ Xiaomi เริ่มต้นเพียง 8,990 บาท ครับ
แต่ความน่าสนใจของ Xiaomi Mi A2 ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หากอยากทราบว่าสมาร์ทโฟน Pure Android รุ่นนี้ จะมีทีเด็ดอะไรซ่อนอยู่อีกบ้าง ไปดูกันต่อแบบเต็มๆ ใน รีวิว Xiaomi Mi A2 กันเลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
ก่อนอื่นเราก็มาดูดีไซน์ภายนอกกันก่อนครับ ซึ่งหลายคนอาจจะรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นสมาร์ทโฟนหน้าตาแบบนี้ที่ไหนมาก่อน นั่นก็เพราะว่า ดีไซน์โดยรวมของ Xiaomi Mi A2 นั้นคล้ายกับ Redmi Note 5 Pro มาก แถมยังมีขนาดใกล้เคียงกันอีกด้วย แต่ต่างกันตรงที่ Xiaomi Mi A2 ใช้พอร์ต USB Type-C ส่วน Redmi Note 5 Pro ใช้พอร์ต micro-USB สำหรับตัวเครื่องเป็น วัสดุโลหะที่ขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียว (Unibody) ครับ
หน้าจอแสดงผลของ Xiaomi Mi A2 เป็นแบบ LTPS IPS LCD ความละเอียดระดับ FHD+ (1080 x 2160 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจกขอบนูน 2.5D Corning Gorilla Glass 5 และด้วยดีไซน์หน้าจอแบบ Full Screen ที่มีขอบจอบางลง ทำให้ขยายพื้นที่แสดงผลได้ถึง 5.99 นิ้ว โดยที่ตัวเครื่องยังมีขนาดเท่ากับรุ่นที่แล้ว
ด้านบนหน้าจอแสดงผลเป็นขอบเต็ม เป็นที่อยู่ของเซ็นเซอร์ต่างๆ, ลำโพงสนทนา และ กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX 376
ขอบจอด้านล่างก็เป็นขอบเต็มเช่นกัน โดยปุ่มควบคุมหลักทั้งหมด ได้แก่ปุ่มโฮม, ปุ่มย้อนกลับ และปุ่ม Recent Apps จะเป็นแบบ On-Screen
เมื่อพลิกดูด้านหลังก็จะพบกับ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และกล้องคู่แนวตั้งบริเวณมุมซ้ายบนที่มี ความละเอียด 12+20 ล้านพิกเซล โดยตัวกล้องมีลักษณะที่นูนขึ้นมาพอสมควร ซึ่งบางคนอาจจะไม่ค่อยถูกใจ แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการใส่เคส ซึ่งในรุ่นนี้จะ มีเคสซิลิโคนแถมมาให้ในกล่องด้วย (รุ่นที่แล้วไม่มี)
ขอบเครื่องด้านบนมี ตัวยิงสัญญาณอินฟราเรด (IR Blaster) สำหรับฟังก์ชันรีโมตคอนโทรล และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ส่วนขอบเครื่องด้านล่างประกอบด้วย ลำโพงเสียงภายนอก 2 ตัว และพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C โดยไม่มีช่องหูฟังมาให้ แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะว่าภายในกล่องแพ็คเกจมีสายแปลง USB Type-C เป็นช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แถมมาให้ด้วยครับ
ขอบเครื่องด้านขวามีปุ่ม Power (ปุ่มสั้น) สำหรับล็อกหน้าจอ หรือเปิด-ปิดเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง (ปุ่มยาว) ทั้งสองปุ่มทำจากโลหะเช่นเดียวกับตัวเครื่อง และขอบเครื่องด้านซ้ายมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด โดยเป็นถาดใส่ซิมแบบ Dual Slot (nano-SIM) ซึ่งไม่รองรับการ์ด microSD ส่วนการรับสัญญาณของซิมหลักจะสามารถใช้งาน 4G ได้ ส่วนซิมรองจะเป็น 3G/2G
เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์
Xiaomi Mi A2 เป็นสมาร์ทโฟนในโครงการ Android One ของ Google ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ Pure Android ไม่ได้ครอบทับด้วย MIUI เหมือนสมาร์ทโฟนของ Xiaomi รุ่นอื่นๆ อินเทอร์เฟซการใช้งานจึงเป็น Android 8.1 Oreo แบบเดิมๆ ที่แทบจะไม่ได้รับการปรับแต่งใดๆ
Xiaomi Mi A2 มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 660 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.2 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิกเป็น Adreno 512 GPU และสำหรับเครื่องที่นำมารีวิวในครั้งนี้ เป็นรุ่น RAM 4GB + ROM 64GB ครับ
ภายในเครื่องมีเพียงแอปพลิเคชันพื้นฐานของ Google และแอปพลิเคชันของ Xiaomi ติดตั้งมาให้แค่ 4 แอปพลิเคชันเท่านั้น
เมื่อปัดหน้าจอเริ่มต้นขึ้นด้านบนจะเป็นการเปิด App Drawer เพื่อดูแอปพลิเคชันที่ติดตั้งไว้ในตัวเครื่องทั้งหมด
เมื่อปัดหน้าจอลง 1 ครั้ง จะเป็นการเรียกแถบเมนูทางลัดการตั้งค่า และการแจ้งเตือนต่างๆ และหากลากนิ้วลงมาอีก 1 ครั้งก็จะเป็นการเปิดหน้าเมนูทางลัดการตั้งค่าแบบเต็ม ซึ่งรวมการตั้งค่าที่ใช้บ่อยๆ เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิด Wi-Fi, การหมุนหน้าจอ, ปรับความสว่างของหน้าจอ และอื่นๆ
เมื่อกดบริเวณพื้นที่ว่างบนหน้าจอเริ่มต้นค้างเอาไว้สักครู่ จะเข้าสู่โหมดการปรับแต่งหน้าจอแสดงผล ซึ่งได้แก่การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, การเพิ่ม หรือลบวิดเจ็ตบนหน้าจอหลัก และการตั้งค่าการแสดงผลอื่นๆ
ในการเลือกดูไฟล์ต่างๆ เช่นรูปถ่าย เพลง หรือคลิปวิดีโอที่เราเซฟไว้ในเครื่อง สามารถทำได้ผ่าน ตัวจัดการไฟล์ ของ Xiaomi ซึ่งมีการแบ่งหมวดหมู่ และประเภทของไฟล์ต่างๆ เอาไว้เพื่อให้ค้นหาได้ง่าย
ในการเล่นไฟล์เพลง Xiaomi Mi A2 จะเล่นผ่านแอปพลิเคชัน Google Music เป็นตัวเลือกพื้นฐาน หรือหากไม่ชอบ Google Music ก็สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเล่นเพลงอื่นๆ จากบน Play Store มาใช้แทนได้ตามสะดวก
สำหรับไฟล์ประเภทคลิปวิดีโอ หากเปิดดูผ่านตัวจัดการไฟล์ จะเปิดด้วยตัวเล่นวิดีโอพื้นฐานของ Xiaomi ซึ่งมีอินเทอร์เฟซเรียบง่ายและไม่มีลูกเล่นอะไรมาก มีเพียง ปุ่มล็อกหน้าจอ (รูปแม่กุญแจด้านซ้าย) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสัมผัสจอโดยไม่ได้ตั้งใจขณะเล่น และ ปุ่มจับภาพสกรีนช็อต (รูปกรรไกรด้านขวา)
ที่น่าสนใจคือตัวเล่นวิดีโอของ Xiaomi มี Gestures สำหรับปรับค่าต่างๆ อย่างรวดเร็วด้วย ได้แก่:
เลื่อนนิ้วขึ้น-ลงทางด้านซ้ายของจอ เพื่อปรับความสว่าง
แตะ 2 ครั้งบนหน้าจอ เพื่อหยุดพัก หรือเล่นต่อจากที่ค้างไว้
เลื่อนนิ้วไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อข้ามการเล่นไป-กลับอย่างรวดเร็ว
เลื่อนนิ้วขึ้น-ลงทางด้านขวาของจอ เพื่อปรับระดับเสียง
เลื่อนนิ้วขึ้น-ลงเพื่อปรับระดับเสียง
ข้ามการเล่นไป-กลับอย่างรวดเร็ว
เลื่อนนิ้วขึ้น-ลงปรับความสว่าง
ในส่วนของการท่องเว็บไซต์ Xiaomi Mi A2 จะใช้เบราว์เซอร์ Google Chrome เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น ซึ่งก็มีประสิทธิภาพเป็นที่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว แต่ถ้าเราต้องการใช้เบราว์เซอร์อื่นก็เลือกดาวน์โหลดได้ผ่าน Play Store เช่นกัน
สำหรับการรับชมวิดีโอบน YouTube นั้น Xiaomi Mi A2 มีหน้าจอความละเอียดระดับ Full HD+ ในอัตราส่วน 18:9 จึงสามารถ รับชมวิดีโอบน YouTube ที่มีความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p ได้ โดย ในโหมดเต็มจอจะเหลือขอบดำด้านซ้ายและขวาเอาไว้
ใช้นิ้วกางภาพออกเพื่อชยายภาพให้เต็มพื้นที่ได้ แต่ภาพด้านบน และด้านล่างบางส่วนจะโดน crop ออกไป
อีกแอปพลิเคชันหนึ่งของ Xiaomi ที่ติดตั้งมาให้แต่แรก คือ รีโมท Mi ที่สามารถ เปลี่ยน Xiaomi Mi A2 ให้กลายเป็นรีโมทเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบครอบจักรวาล ใช้แทนรีโมทได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทุกยี่ห้อ ตั้งแต่โทรทัศน์, เครื่องปรับอากาศ, พัดลม ไปจนถึงเครื่องโปรเจคเตอร์กันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ Xiaomi Mi A2 ยังได้ติดตั้ง Mi Community มาให้ด้วย ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันกระดานข่าวที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Xiaomi ทุกคนสามารถเข้าไปตั้งกระทู้ ถาม-ตอบ ปัญหาการใช้งาน, แชร์เรื่องราวต่างๆ และพูดคุยกับผู้ใช้คนอื่นๆ ได้
สามารถเข้าไปจัดการโปรไฟล์ของตัวเอง และค้นหากระดานข่าวจากหมวดหมู่ต่างๆ ได้
ในแต่ละกระดานข่าวก็จะมีเนื้อหาการพูดคุยแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่นในหมวด ธีม จะเป็นกระดานข่าวที่ผู้ใช้จะเข้ามาแนะนำธีมต่างๆ และพูดคุยเกี่ยวกับการปรับแต่งธีมของสมาร์ทโฟน ใครที่อยากเพิ่มสีสันให้กับสมาร์ทโฟน Xiaomi ของตัวเองไม่ให้จำเจก็เข้ามาหาธีมสวยๆ จากในนี้ได้ หรือจะเข้ามาแนะนำธีมเด็ดๆ ให้คนอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน หรือในหมวด ภาพถ่าย จะเป็นกระดานข่าวที่ผู้ใช้นำภาพถ่ายสวยๆ ที่ถ่ายจากสมาร์ทโฟน Xiaomi มาแชร์กัน ซึ่งแน่นอนว่าเราก็เข้าไปร่วมอวดาพสวยๆ ของเราได้ด้วย
สำหรับหมวด แบ่งปัน จะเป็นการแลกเปลี่ยนเทคนิคการใช้งานและการตั้งค่าต่างๆ สำหรับสมาร์ทโฟน ซึ่งเราสามารถเข้ามาหาเกร็ดความรู้ใหม่ๆ ได้ตลอดเวลาจากในห้องนี้
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Xiaomi ได้เข้ามาร่วมสนุกกันทั้งแบบ Online และ Offline ทั้งหมดนี้ทำให้ เกิดเป็นสังคมผู้ใช้สมาร์ทโฟน Xiaomi ในประเทศไทยขึ้นมา นับเป็นข้อดีที่ไม่ค่อยได้เห็นในสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ครับ
มาดูกันที่การเล่นเกมกันบ้างครับ โดย Xiaomi Mi A2 นั้นมาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 660 หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 512 GPU และ RAM เริ่มต้นที่ 4GB (รุ่นท็อปมี RAM 6GB) ซึ่งจัดอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูง และมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะรองรับเกมส่วนใหญ่ที่มีอยู่บน Play Store ณ ปัจจุบันได้ ซึ่งในครั้งนี้เราจะทดสอบการเล่น 3 เกมด้วยกัน ได้แก่เกมยอดฮิตอย่าง PUBG Mobile กับ RoV และเกมทั่วๆไปที่มีกราฟิกสูงในระดับหนึ่งอย่าง Sdorica -sunset- ครับ
เริ่มจาก PUBG Mobile กันก่อนครับ ซึ่งตัวเกมได้ปรับระดับกราฟิกแบบอัตโนมัติให้อยู่ที่ สมดุล แต่เราได้ปรับระดับกราฟิกให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อยด้วยการเปิด โหมดเฟรมเรตสูง และ เปิดการปรับความละเอียดภาพ (Anti-Aliasing) เพื่อลดรอยหยักบริเวณขอบของวัตถุ ซึ่งก็พบว่าตัวเกมสามารถรันได้อย่างน่าพอใจโดยมีเฟรมเรต (fps) อยู่ที่ประมาณ 40 ขึ้นไป ไม่มีอาการเฟรมเรตหล่นฮวบ หรือกระตุกแต่อย่างใดครับ
ต่อด้วยเกมยอดนิยมอย่าง RoV โดยทางทีมงานได้ เปิดใช้งานกราฟิกแบบ HD และ เปิดโหมดเฟรมเรตสูง ซึ่งตัวเกมสามารถรันได้อย่างไหลลื่นน่าประทับใจบนเฟรมเรต 60 fps สนุกกับการเล่นได้อย่างเต็มที่ ถือว่าสอบผ่านแบบสบายๆ ครับ
สำหรับเกมอื่นๆ ที่ต้องใช้พลังการประมวลผลกราฟิกค่อนข้างสูงอย่าง Sdorica -sunset- ก็ไม่มีอาการหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด และยังโหลดเกมได้ค่อนข้างเร็วอีกด้วย โดยรวมแล้ว Xiaomi Mi A2 ก็เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้เล่นเกมได้ดีอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะทำให้เกมเมอร์ผิดหวังแน่นอนครับ
ปิดท้ายด้วยการทดสอบ Benchmark โดยแอปพลิเคชัน AnTuTu และ Geekbench 4 ซึ่ง Xiaomi Mi A2 ทำคะแนน Benchmark ของ AnTuTu ได้ 128425 คะแนน ส่วนของ Geekbench 4 ทำได้ 1630 คะแนน ในส่วนของ Single-Core และ 4638 คะแนน ในส่วนของ Multi-Core ครับ
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
การถ่ายภาพถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Xiaomi Mi A2 เลยก็ว่าได้ครับ โดยมาพร้อมกับกล้องคู่ด้านหลังความละเอียด 12+20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสุด f/1.75 ทั้งคู่ มีเทคโนโลยี Super Pixel ที่เป็นการรวมเม็ดพิกเซลบนตัวเซ็นเซอร์จำนวน 4 พิกเซลให้กลายเป็นหน่วยเดียวกันทำให้รับแสงได้มากขึ้น และมี ระบบประมวลผลภาพด้วย AI ทำงานอยู่เบื้องหลัง ที่จะช่วยให้ภาพถ่ายสวยงามขึ้นโดยที่เราไม่ต้องตั้งค่าใดๆ ให้ยุ่งยากครับ
แอปพลิเคชันกล้องของ Xiaomi Mi A2 มีโหมดการถ่ายภาพมาให้เลือกใช้หลายอย่างด้วยกัน ตั้งแต่โหมดอัตโนมัติ, ถ่ายภาพบุคคล (Portrait), ถ่ายภาพพานอราม่า, เพิ่มฟิลเตอร์, ถ่ายภาพกลางคืน (HHT), โหมดฟรุ้งฟริ้ง หรือโหมดบิวตี้กล้องหลัง, โหมดโปร, โหมดปรับภาพให้ตรงอัตโนมัติ และอื่นๆ
ตัวอย่างฟิลเตอร์แบบต่างๆ ที่มีให้เลือก และการถ่ายภาพแบบปรับให้ตรงโดยอัตโนมัติ ที่ไม่ว่าเราจะถือสมาร์ทโฟนเอียงไปทางไหน ภาพที่ได้จะอยู่ในมุมตรง 90 องศาเสมอ
ในโหมดการตั้งค่าด้วยตนเองหรือโหมดโปร สามารถปรับค่า สมดุลแสงขาว (WB), ระยะโฟกัส (F), ความเร็วชัตเตอร์ (S), ISO และ เลนส ์ที่สลับได้ระหว่างเลนส์ปกติกับเลนส์สำหรับถ่ายภาพกลางคืน
ในส่วนของการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลัง นอกจากการถ่ายวิดีโอปกติแล้ว ยังมี วิดีโอเคลื่อนไหวเร็ว และ วิดีโอเคลื่อนไหวช้า ซึ่งในการถ่ายแบบเคลื่อนไหวเร็ว วิดีโอที่ได้จะเล่นเร็วขึ้นกว่าปกติ ส่วนการถ่ายแบบเคลื่อนไหวช้าก็คือการถ่ายแบบ Slow Motion นั่นเองครับ
ในการตั้งค่ากล้องสำหรับถ่ายภาพนิ่ง จะเลือกความละเอียดของรูปถ่ายได้แค่ 3 ระดับ คือ สูง มาตรฐาน และต่ำ และเลือกอัตราส่วนภาพถ่ายได้ตั้งแต่ 4:3, 16:9 และ 18:9 แต่ไม่ได้ระบุตัวเลขความละเอียดที่ชัดเจนในแต่ละตัวเลือก
Xiaomi Mi A2 รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K UHD ที่เฟรมเรต 30 fps นอกนั้นจะเป็นความละเอียด FHD 1080p, FHD 1080p (60fps) และ HD 720p
สำหรับกล้องด้านหน้าของ Xiaomi Mi A2 นั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 20 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/2.2 รองรับการถ่ายเซลฟีแบบหน้าชัดหลังเบลอ หรือ AI Portrait Selfie พร้อม โหมดบิวต ี้ และฟิลเตอร์แบบต่างๆ ให้เลือกใช้ ซึ่งดูแล้วก็น่าจะครบถ้วนถูกใจคนรักเซลฟีครับ
โหมดบิวตี้ของ Xiaomi Mi A2 ปรับได้ 5 ระดับ และยัง ปรับความเรียวของใบหน้า, ขนาดดวงตา, โทนสีผิว และความเนียนของผิวได้ ในการตั้งค่าขั้นสูง
กล้องหน้าของ Xiaomi Mi A2 รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 3 ระดับ ได้แก่ SD 480p, HD 720p และ FHD 1080p
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังคู่ ความละเอียด 12+20 ล้านพิกเซล
ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางวัน โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางวัน โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางวัน โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางวัน โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางวัน โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางวัน โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางวัน โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางวัน โหมดภาพถ่ายบุคคล (Portrait)
ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางวัน โหมดภาพถ่ายบุคคล (Portrait)
ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางวัน โหมดภาพถ่ายบุคคล (Portrait)
ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางคืน โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางวัน โหมด HHT (โหมดการถ่ายภาพกลางคืน โดยจะถ่ายทีเดียวหลายๆ ภาพแล้วเอามาประมวลผลรวมกันเพื่อให้ภาพคมชัดและสว่างยิ่งขึ้น)
ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางวัน โหมด HHT
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี โหมดภาพถ่ายบุคคล (Portrait) ไม่เปิดโหมดบิวตี้
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี โหมดภาพถ่ายบุคคล (Portrait) โหมดบิวตี้ระดับ 5 (สูงสุด)
สรุปผลการทดสอบของ Xiaomi Mi A2
หลังจากที่ทางทีมงานได้ทดสอบการใช้งานด้านต่างๆ ของ Xiaomi Mi A2 ผ่านการรีวิวไปเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถสรุปจุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ได้ 2 อย่าง ซึ่งก็คื อระบบปฏิบัติการแบบ Pure Android และกล้องคู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นจุดแข็งเดิมของรุ่นที่แล้วอย่าง Xiaomi Mi A1 ที่ได้รับการต่อยอดให้ดีขึ้นไปอีกขั้นครับ
จุดเด่นอย่างแรกของ Xiaomi Mi A2 คือเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนภายใต้โครงการ Android One ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการแบบ Pure Android ที่ไม่มีอินเทอร์เฟซอื่นๆ มาครอบทับ ทำให้มีหน้าตาเรียบง่าย ใช้งานสะดวก และค่อนข้างมีความเสถียรกว่าสมาร์ทโฟน Android รุ่นอื่นๆ ที่มีอินเทอร์เฟซเฉพาะของแต่ละแบรนด์ครอบทับเอาไว้อีกที ที่สำคัญยังมั่นใจได้ว่า จะได้รับอัปเดต Android เวอร์ชันใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 ปี และยังเป็นกลุ่มแรกๆ ที่จะได้อัปเดตก่อนใครอีกด้วย หมดห่วงเรื่องการถูกลอยแพไปได้เลยครับ
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Xiaomi Mi A2 คือกล้องคู่ด้านหลังที่คราวนี้อัปเกรดความละเอียดเป็น 12+20 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสง f/1.75 ทั้งคู่ พร้อมเทคโนโลยี Super Pixel ที่ช่วยในการรับแสง และ เทคโนโลยีการประมวลผลภาพด้วย AI ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง ทำให้ภาพถ่ายมีคุณภาพโดยรวมสูงขึ้นกว่ารุ่นที่แล้ว แม้จะไม่มีฟังก์ชันซูมแบบ Optical 2x แล้วก็ตาม นอกจากนี้การถ่ายภาพในที่มืดซึ่งถือเป็นจุดอ่อนของรุ่นที่แล้วก็ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดด้วยการเพิ่ม โหมด HHT (Handheld Twilight) ที่จะนำภาพถ่ายหลายๆ ภาพมาประมวลผลร่วมกัน ทำให้ภาพที่ถ่ายในที่มืดมีความคมชัดมากขึ้น สำหรับกล้องหน้าก็ได้รับการอัปเกรดเช่นกันโดยเพิ่มความละเอียดเป็น 20 ล้านพิกเซล และรองรับ การถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ ได้แล้ว
สำหรับสเปกด้านอื่นๆ ของ Xiaomi Mi A2 นับว่าครบเครื่องตอบโจทย์ทุกการใช้งานในฐานะสมาร์ทโฟนระดับกลาง ตั้งแต่หน้าจอ LTPS IPS LCD ขนาด 5.99 นิ้ว ที่รองรับคอนเทนต์ความบันเทิงได้อย่างเต็มตาที่ความละเอียดระดับ Full HD 1080p พร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 660 และหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 512 ทำให้รองรับการเล่นเกมส่วนใหญ่บน Play Store ได้สบายๆ รวมไปถึงเกมยอดนิยมอย่าง PUBGMobile และ RoV ส่วนหน่วยความจำภายในก็มีมาให้อย่างเหลือเฟือ โดยมี RAM สูงสุด 6GB และ ROM สูงสุด 128GB ให้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม Xiaomi Mi A2 ได้ตัดคุณสมบัติบางอย่างที่เคยมีในรุ่นที่แล้วออกไป เช่นการติดตั้งหน่วยความจำเสริมด้วยการ์ด microSD และไม่มีช่องหูฟัง แต่ก็มีการทดแทนด้วยการแถมสายแปลง USB Type-C เป็นช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร มาให้ในกล่องด้วย
ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมานี้ สามารถพูดได้ว่า Xiaomi Mi A2 เป็นเหมือนสมาร์ทโฟนที่อัปเกรดจาก Mi A1 มาตรงๆ โดยยังคงจุดเด่นเดิมเอาไว้พร้อมกับพัฒนาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์หน้าจอแบบอัตราส่วน 18:9 ที่ทันสมัยขึ้น, ระบบปฏิบัติการ Android ที่สดใหม่กว่า, กล้องคู่ที่มีความละเอียดสูงขึ้น พร้อมระบบการประมวลผลภาพด้วย AI ในสเปกระดับกลางบนที่รองรับการใช้งานได้ทุกสถานการณ์ ทำให้ Xiaomi Mi A2 เป็นสมาร์ทโฟน Pure Android ราคาไม่ถึงหมื่น ที่ครบเครื่อง และคุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งณ เวลานี้เลยก็ว่าได้ครับ
Xiaomi Mi A2 วางจำหน่ายแล้วผ่านทาง Xiaomi Official Store บนเว็บไซต์ Lazada , และ Shopee โดยรุ่น RAM 4GB + ROM 64GB มีราคาอยู่ที่ 8,990 บาท ส่วนรุ่น RAM 6GB + ROM 128GB มีราคาอยู่ที่ 10,990 บาท ครับ
จุดเด่นของ Xiaomi Mi A2
- ตัวเครื่องผลิตด้วยวัสดุโลหะแบบขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียว (Full Metal Unibody) จึงมีความทนทาน และดูสวยงามบางเฉียบเรียบหรู - มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง - จอแสดงผล LTPS IPS LCD แบบ Full Screen ขนาด 5.99 นิ้ว ในอัตราส่วนแบบ 18:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ ซึ่งรองรับคอนเทนต์ความบันเทิงได้เป็นอย่างดี - กระจกหน้าจอเป็นกระจก Gorilla Glass 5 ซึ่งเป็นกระจกนิรภัยรุ่นล่าสุดจาก Corning - ชิปประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 660 ความเร็ว 2.2 GHz - ระบบปฏิบัติการ Android 8.1.0 Oreo แบบ Stock Android ซึ่งจะได้รับอัปเดตเวอร์ชันใหม่อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ปี และจะได้อัปเดตเป็นกลุ่มแรกๆ - หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64 GB หรือ 128 GB - หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB หรือ 6 GB - กล้องคู่ด้านหลัง 20+12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.75, เทคโนโลยี Super Pixel และระบบการประมวลผลภาพด้วย AI รองรับโหมดการถ่ายภาพแบบ Portrait และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD - กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ซึ่งมีเม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รองรับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ HD (720p) - รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual SIM) โดยซิมหลักจะสามารถสแตนด์บายบนเครือข่าย 4G ได้ ส่วนซิมรองจะสแตนด์บายบนเครือข่าย 3G/2G - รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, WiFi, EDGE และ GPRS - ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS และ Beidou - รองรับการใช้งานเป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า ผ่านทางอินฟราเรด (IR Blaster) - แบตเตอรี่ความจุ 3010 mAh พร้อมอะแดปเตอร์แบบ 5V2A - มีราคาเริ่มต้นที่ 8,990 บาท (รุ่น RAM 4 GB + ROM 64 GB) ซึ่งนับว่ามีสเปกและฟังก์ชันการทำงานที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Xiaomi Mi A2
- ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card - กล้องคู่ด้านหลังไม่มีคุณสมบัติการซูมแบบ Optical 2x เหมือน Xiaomi Mi A1 - ไม่มีช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร (แต่มีตัวแปลงแถมมาให้) - ไม่รองรับ NFC
สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ Xiaomi Mi A2
